“Hard Boy” ปลุกชีพชาวร็อก!! ด้วยจิตวิญญาณแบบ Glam Rock ยุค 80’s กับ ‘เธอชอบมันหรือชอบร้องไห้มากกว่ากัน’ ผลงานเพลงที่จัดจ้านทั้งภาพและเสียงแบบขั้นสุด
ย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระหว่างที่ผมกำลังเปิดบราวเซอร์เข้า Youtube ตามปกติ ทันใดนั้นสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นวิดีโอแนะนำ “เธอชอบมันหรือชอบร้องไห้มากกว่ากัน - Hard Boy |Official MV|” จากช่อง Gene Lab ด้วยความที่ชื่อเพลงโดนใจเข้าอย่างจัง ไหนจะนิสัยชอบฟังเพลงหลากหลายเป็นทุนเดิม แม้ชื่อของศิลปินอาจจะผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ส่วนตัวผมเองก็ยังไม่มีโอกาสได้เปิดฟังผลงานของพวกเขาเสียที เอาล่ะ เมื่อจังหวะเวลาถูกที่ถูกทางแล้วก็จัดมันเลยสิครับ ซึ่งความรู้สึกหลังฟังจบนั้น บอกเลยครับว่าไม่ใช่แค่ชื่อเพลงแล้วที่โดนใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเพลงนี้มันชวนว้าวมากสำหรับผม นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ ผมหยุดฟังเพลงนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ ครับ
“เธอชอบมันหรือชอบร้องไห้มากกว่ากัน” คือซิงเกิลลำดับที่ 2 ของ Hard Boy ศิลปินกลุ่มสไตล์ Hair Band วงร็อกเลือดใหม่ฝีมือน่าจับตา สมาชิกวงประกอบด้วย ภีร์ ภีรพัฒน์ ผู้พัฒน์ (ร้องนำ), ฟลุ๊ค ศุภกร กรินชัย (กีตาร์), ภู ภู พฤกษ์ไพบูลย์ (คีย์บอร์ด), ต้อม นุกูล แช่มประเสริฐ (เบส) และ เล้ง ธนัช ธเนศจินดารัตน์ (กลอง) ภายใต้การดูแลของ Gene Lab ที่คงจิตวิญญาณชาว Glam Rock ยุค 80’s เอาไว้ครบถ้วนทุกรายละเอียด ทั้งภาพและเสียง ไม่ว่าจะเป็นลุคภายนอกรวมไปถึงเอ็มวีที่ทั้งจัดจ้าด ซุกซน และมีเสน่ห์ ในขณะที่พาร์ทดนตรีของพวกเขาก็หนักแน่น แพรวพราว และเร้าอารมณ์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเสียงร้องที่ทรงพลังสูงปี๊ดดดด!!! และความเป็น Guitar Hero ที่โซโล่ได้บาดจิตบาดใจเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่า ตัวตนของ Hard Boy ถือเป็นอีกหนึ่งวงที่ถือกำเนิดมาเพื่อชุบชูหัวใจชาวร็อก ณ ช่วงเวลานี้อย่างแท้จริง
จากที่กล่าวไว้ข้างต้น คงพอจะเดาออกใช่มั้ยครับ ว่าสิ่งแรกที่ดึงดูดผมได้แทบจะในทันทีสำหรับแทร็กนี้ก็คือชื่อเพลงนั่นเอง “เธอชอบมันหรือชอบร้องไห้มากกว่ากัน” ดูเป็นประโยคง่าย ๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ซึ่งภาพรวมของมันหลังจากเปิดฟังแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
โดยทางด้านเนื้อหาของเพลงว่าด้วยเรื่องราวของพ่อพระแม่พระท่านหนึ่ง ที่ต้องคอยปลอบโยนคนที่เรารักจาก Toxic Relationship ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเริ่มจะรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วนะ แม้ห่วงใยมากแค่ไหนแต่ก็ต้องขอพูดตรง ๆ หน่อย ดังตัวอย่างเนื้อร้องที่ว่า “ถ้าสมองเธอนั้นทำงานได้ดีเธอจะรู้ต้องคิดยังไง แต่ถ้าชอบร้องไห้เพราะมันทุกวันก็ทนต่อไป” ที่ดูเป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน ดูเป็นการปลอบโยนไปพร้อม ๆ กับการประชดประชัน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แตกต่างและเห็นได้ยากจากเพลงอื่น ๆ ที่ได้ฟังในช่วงนี้พอสมควร
ขณะที่พาร์ทดนตรีของเพลงมาในเวย์ของ Ballad Rock แต่ก็ยังอวบอวลไปด้วยจิตวิญญาณของชาว Glam Rock เปิดตัวด้วยเสียงกีต้าร์อะคูสติกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น พร้อมปลอบโยนอย่างจริงใจ ก่อนค่อย ๆ เพิ่มไดนามิกในเชิงอารมณ์ให้เข้มไปอีกขั้น ผ่านซาวด์ดนตรีร็อกที่หนักแน่นจริง ต่อด้วยการแผดเสียงร้องสูงปี๊ดดดด!!! และท่อนโซโล่กีต้าร์ที่บีบคั้นถึงขีดสุด ตบท้ายด้วยไวบ์แบบออเคสตร้าและการเพิ่มคีย์ในท่อนฮุคสุดท้ายเป็นต้นไป ที่ช่วยระดับทางอารมณ์ให้กับเพลงและเป็นอันปิดจบทุกองค์ประกอบได้อย่างสวยงามครับ
โดยเมื่อมองจากภาพรวมแล้ว ทุกองค์ประกอบที่กล่าวมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้องที่ดูเป็นภาษาพูดก็ดี ความเป็น Ballad Rock ก็ดี จิตวิญญาณ Glam Rock ก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลต่างช่วยส่งเสริมกันอย่างลงตัว ส่งผลให้เพลงนี้มันโคตรจะ Emotional ระหว่างเปิดฟังเลยครับ มันมีน้ำเสียงที่ดูจริงใจ มีความเป็นห่วงเป็นใย หรือแม้กระทั่งมีการเสียดสีประชดประชัด ฟิลลิ่งเปิดอกคุยกันตรง ๆ ไปเลย เพื่อเรียกสติใครสักคนที่กำลังติดลูปอยู่ในความสัมพันธ์แย่ ๆ ได้กลับมาคิดทบทวน ซึ่งภาพรวมของเพลงดูสมบูรณ์แบบในแบบของมัน และเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ถ้ามีโอกาสก็ไม่ควรพลาดฟังจริง ๆ ครับ
ปล. นอกจากนี้ ผลงานอื่น ๆ ของ Hard Boy อย่าง “ค่ำคืนนั้น” เดบิวต์ซิงเกิลภายใต้สังกัด Gene Lab ก็ดี หรือว่าจะเป็นผลงานสมัยที่พวกเขาเริ่มต้นทำกันเองอย่าง EP “Mystic Purple” ที่ประกอบไปด้วย “Journey of Love”, “Kiss me, Baby” และ “I Don't Wanna be Alone” ก็ดี ทั้งหมดที่ว่ามานี้ถือเป็นบทเพลงที่ช่วยชูบชูหัวใจของชาวร็อกในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดีเลย
ขอบคุณภาพประกอบจาก : HARD BOY และ Gene Lab