คลื่นลูกใหม่ Thaireefer
ธุรกิจด้านการขนส่ง บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ หรือซ่อมตู้คอนเทนเนอร์ มีบริษัทเหล่านี้เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ติดทะเลอย่าง ระยอง ชลบุรี หรือสงขลา จังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ ก็มีอย่างสมุทรสาคร โดยบริษัทที่ทำเรื่องเกี่ยวกับขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีความชำนาญโดยเฉพาะทางด้านเครื่องทำความเย็นสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ก็คือ บริษัท Thaireefer ซึ่งปัจจุบัน คุณต่อ จัตุเดช คุปตาภา ตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Business Development ได้เข้ามาช่วยดูแลตรงส่วนนี้
คุณต่อเติบโตมาในครอบครัวที่เน้นในเรื่องการศึกษาเป็นหลัก แม้จะดูเหมือนว่าเป็นครอบครัวมีฐานะ แต่คุณต่อได้รับการเลี้ยงดูให้เห็นคุณค่าของเงิน ทุกสิ่งต้องคุ้มค่าไม่ฟุ้งเฟ้อเกินตัวจึงไม่ได้ถูกตามใจมากนัก หลังจากเรียนในประเทศถึงชั้น ป.6 ก็ถูกส่งตัวไปเรียนต่อมัธยมที่ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นเรียนต่อระดับปริญญาตรีจนจบด้านเศรษฐศาสตร์ ก่อนกลับมาเมืองไทยระยะหนึ่ง ในภายหลังได้กลับไปออสเตรเลียทำงานบริษัทน้ำมันและบริษัทเหมือนแร่ ระหว่างนั้นก็เรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ MBA จนจบปริญญาโทที่ออสเตรเลีย
ในส่วนของบริษัท Thaireefer แม้เริ่มก่อตั้งมาในรุ่นคุณพ่อของคุณต่อ คือคุณไตรเดช คุปตาภา แต่คนสำคัญที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คือคุณปู่ พลเรือตรี สมบุญ โรจนสโรช และคุณย่า สลวย โรจนสโรช (ส.คุปตาภา) ซึ่งคุณไตรเดชนั้นได้เป็นนักเรียนทุนด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ หลังเรียนจบได้มาทำงานที่กรมการบินพาณิชย์ ต่อมาได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อทำงานไปเรื่อย ๆ มีมหาวิทยาลัยหนึ่งทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์เย็น คุณไตรเดชซึ่งมีคอนเน็คชั่นด้านนี้พอดีจึงนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์มาวิจัย เมื่อมหาวิทยาลัยได้ศึกษาจนจบโครงการ ปรากฏว่าตู้เสียไม่มีช่างซ่อมจึงเรียกคุณไตรเดชเข้าไปช่วยซ่อมแทน ตรงนี้เองทำให้เริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์ และขนส่งจนมีการขยายธุรกิจให้เติบโตมาถึงปัจจุบันนี้
“ตอนเด็ก ๆ ผมตามคุณพ่อไปทำงานตลอด เห็นคุณพ่อทำงานหนักทุกวัน ผมจำได้ว่าตอนแรกคุณพ่อซ่อมตู้อยู่แค่ใบสองใบ ก่อนจะขยายงาน ออกมาเรื่อย ๆ ตอนนี้บริษัทเราแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือขนส่งเพื่อให้ส่งออกสายเรือ อีกประเภทหนึ่งคือส่งออกภายในประเทศและข้ามแดนที่ไม่ใช่สายเรือ
“ผมโชคดีที่ทำงานร่วมกับคุณพ่อได้เพราะเห็นการบริหารงาน ได้ฟังวิสัยทัศน์ทุกวัน ท่านเป็นคนที่มีความคิดรุ่นใหม่ กระจายงานให้กับทุกคนรวมถึงผมด้วย ส่วนผมเข้ามาช่วยดูแลในภาพรวม แต่ออกตัวก่อนว่าถ้าไม่มีผมบริษัทก็ยังไปได้ แต่ก็อยากให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่ ก็ช่วยพนักงานเวลาที่เขาเกิดปัญหา
“ผมเคยทำงานที่ออสเตรเลียที่บริษัทน้ำมัน 3 ปี บริษัทเหมืองแร่อีก 4 ปี พวกเขาเป็นบริษัทระดับโลกมีพนักงานน่าจะเกือบ 1 แสนคน บริษัทเหล่านี้มีระบบจัดการที่ดีมาก ผมจึงได้ประสบการณ์จากบริษัทเหล่านี้มาช่วยวางระบบต่าง ๆ อย่างธุรกิจของเราตอนแรกเป็นเหมือน SME จะเริ่มจากธุรกิจเล็ก ๆ ก่อนขยายไปเรื่อย ๆ เมื่อโตแล้วผมก็พยายามจัดการระบบ แต่สิ่งที่มันยากคือการริเริ่มอะไรสักอย่าง ซึ่งที่ผมมาปรับปรุงสิ่งที่มันมีอยู่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“เหตุผลที่เราอยู่มหาชัยเพราะว่ามีโรงงานอาหารทะเลเยอะที่สุดในประเทศไทย เราสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เราได้เปรียบเรื่องโลเคชั่นที่อยู่ใกล้ลูกค้าในพื้นที่ เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นที่อยู่ไกล ส่วนเรื่องตู้ Reefer Container เราได้เปรียบคนอื่นเพราะว่าเรามีช่างที่ชำนาญงาน เรามีคนขับรถเฉพาะด้านนี้ ซึ่งเรามีทักษะเรื่องตู้คอนเทนเนอร์เย็นมานาน แล้วได้ราคาพรีเมี่ยมกว่าตู้แห้งด้วย
“ความจริงธุรกิจแบบนี้หากมองภายนอกอาจดูหนัก เหนื่อย แต่สำหรับคนที่ทำงานด้านนี้มานานจนชิน จึงไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ในการขนส่งจะมีอุปกรณ์คือหัวลาก หางลาก ส่วนตู้ก็มี 2 แบบคือตู้จากสายเรือกับตู้ของเราเองแล้วก็มีการดูแลตู้ก่อนจะไปถึงโรงงานก่อนจะบรรทุกของ ซึ่งเราต้องเตรียมตู้ให้เขา เช็คตู้ว่าทำงานได้ไหม สะอาดแค่ไหน ถ้าทำงานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็ให้คนขับรถขับไปที่โรงงานโหลดของเสร็จก็เอาไปส่งที่ท่าเรือ ห้างสรรพสินค้า หรือชายแดน
“การทำธุรกิจขนส่งบอกได้คำเดียวว่ามีปัญหาเกือบตลอด 24 ชั่วโมงแต่ว่าหลายเรื่องจะถูกจัดการได้หมด ตั้งแต่ฝ่ายปฏิบัติการ อย่างเช่นอาจจะขนส่งไม่ทัน หรือรถเสียกลางทาง มันจะถูกแก้ด้วยประสบการณ์ของพนักงานได้ตลอด ปัจจุบันมีปัญหาหลายอย่างในประเทศรวมทั้งโควิด-19 ซึ่งช่วงแรก ๆ เราได้รับผลกระทบ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงพีค ผลกระทบคืองานเยอะเกินไป เราส่งของไม่ทันเพราะมีดีมานด์มาก ตู้ไม่พอในการส่งออกหรือถ้าพอต้องจ่ายในราคาที่สูง
“วันนี้เราทำอะไรได้ดีอยู่แล้วเราก็ควรอยู่ตรงนั้น Thaireefer ทำตู้คอนเทนเนอร์ได้ดีก็ต้องทำอะไรเกี่ยวกับมันอย่างช่วงหลังเราจะไปดูเรื่องเกี่ยวกับ ขนส่งทางรถไฟโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ เราจะพยายามทำอะไรในสิ่งที่เรารู้ ทำได้และเก่งพยายามต่อยอดในแนวนั้น มากกว่าจะกระโดดไปทำในส่งที่ เราไม่มีความรู้เลย ซึ่งบางคนอาจทำธุรกิจในแบบที่ไม่เคยรู้จักเลยได้ดี แต่เราไม่ใช่ เราขอทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า
“เป้าหมายของเราจริง ๆ ไม่ได้มีอะไรที่ใหญ่โตขอแค่ให้บริษัทอยู่รอดไปได้ แล้วคนของเราต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น อย่างพนักงานจากเดิมขับมอเตอร์ไซค์ ช่วงหลังก็ขับรถยนต์ ก็ดีใจที่ได้เห็นความเป็นอยู่ของพนักงานที่ทำงานกับเราดีขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ชีวิตผมไม่มีความทุกข์เลยครับ ผมโชคดีที่อยู่ในครอบครัวที่ดี การที่ผมเรียนเศรษฐศาสตร์มาทำให้รู้ว่าแม้ตัวผมเองอาจจะชอบรถซูเปอร์คาร์มาก แต่มันไม่มีความจำเป็นกับชีวิตผมเลย ในมุมมองของผมเอาเงินไปซื้ออย่างอื่นที่มีประโยชน์จะคุ้มค่ามากกว่า
“ผมเคยได้ยินมาว่าคนที่มีเงิน 1 พันล้านบาทกับคนที่มีเงิน 2 พันล้านบาท ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมันไม่แตกต่างกัน แล้วทำไมบางคนเราถึงไม่พอใจที่ พันล้านบาท แต่ไปเบียดเบียนอะไรก็ตามให้เพิ่มจำนวนไปเรื่อย ๆ ไปหมื่นล้านบาท ผมว่ามันเป็นปัญหา ถ้าเขาไม่ได้ทำเพื่อสังคมเลย ถ้าทำให้สังคมคนรอบข้างหรือในประเทศมีฐานะดีขึ้นน่าจะดีกว่า”