456. Four.Five.Six : เริ่มต้นใหม่บนเส้นทางสายเดิม | Issue 165
นับเป็นเวลาหลายปีที่ ต้น ชยธร เศรษฐจินดา, ฟลุ๊ค พชร ธรรมมล และ เซน กรรฐกรฐ์ หล่อเสถียรธารี สามหนุ่ม เสียงดีจากเวทีประกวด เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ซีซั่นที่ 4, 5 และ 6 ห่างหายไปจากสื่อกระแสหลัก แต่เมื่อถึงช่วง ที่เหมาะสม พวกเขาทั้งสามคนพร้อมที่จะกลับมา สร้างความสุขผ่านเสียงเพลงกันอีกครั้งผ่านการรวมตัว ภายใต้ชื่อ 456.Four.Five.Six เพื่อสานต่อในสิ่งที่ พวกเขารักและหลงใหลบนเส้นทางสายดนตรี
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน หลังจากเวทีการประกวด เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้า ในแต่ละซีซั่นสิ้นสุดลง ต้น ชยธร เศรษฐจินดา (เดอะสตาร์ ซีซั่น4), ฟลุ๊ค พชร ธรรมมล (เดอะสตาร์ ซีซั่น5) และ เซน กรรฐกรฐ์ (เดอะสตาร์ ซีซั่น6) ต่างมีผลงานให้เหล่าแฟน ๆ ติดตามกันอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มแยกย้ายเดินไปตามเส้นทางที่เลือก ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังพบปะพูดคุยกันอยู่เสมอ
ฟลุ๊ค : ประมาณ 10 ปีแล้ว เราทำงานก็มีเจอกันบ้างถึงจะต่างรุ่นกัน เพราะทำงาน อยู่ดึกเดียวกันเป็น 3 คนที่ถูกชะตากัน เจอกันบ่อย และนอกเหนือจากที่ทำงาน ก็เจอกันที่อื่นด้วย หลังจากที่ ฟลุ๊ค ได้ยกเลิกสัญญา เป็นช่วงเดียวกับพี่ต้น เรา 2 คนพยายามมองหาเส้นทางอื่น ๆ และเมื่อประมาณปีที่แล้ว พวกเรา กลับมาได้เจอกันอีกครั้งและรู้สึกว่าทุกคนยังอยู่ในเส้นทางของการทำเพลงอยู่ ยังร้องอยู่ทุกวัน ก็เลยคิดว่างั้นเรามาทำเพลงด้วยกันดีกว่า
เซน : ช่วงที่หายไป เซนยังคงร้องเพลงประจำครับ เป็นนักร้องกลางคืนที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เราไม่ได้ทิ้งช่วงในการร้องเพลงเลย มีร้องเพลงมีงานการแสดง มีละคร ยังมีงานในวงการที่ยังได้เห็นหน้าเห็นตากันอยู่ครับ
ต้น : คือเราไม่ได้ทำอะไรเลยครับ ช่วงนี้ก็ครบ 10 ปีพอดี เพราะว่าต้องการหาตัวตน อยากไปเรียนรู้ชีวิต อยากประกอบความทรงจำของเราขึ้นมาใหม่ มีไปทำวงบ้าง มีเปิดบริษัทบ้าง มีสอนแอคติ้งบ้าง แล้วก็ทำเพลงอยู่ช่วงหนึ่งด้วยตอนยกเลิกสัญญาใหม่ ๆ
ฟลุ๊ค : ส่วนฟลุ๊ค หลังจากยกเลิกสัญญาแรก ๆ ก็ว่างเลย แต่เป้าหมายตอนนั้นคือเราอยากทำเพลงจริง ๆ ในช่วงที่ยังมีไฟอยู่ ซึ่งสังกัดเดิมเหมือนเขาวางเราไว้ในทางของงานแสดงมากกว่า ก็แฮปปี้นะครับในจุดนั้น แต่เรากลัวว่าจะพลาดกับสิ่งที่อยากทำ พอเลยในวัยนั้นไปแล้วจะเสียใจที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นนักร้องทำเพลงอย่างที่คิดไว้ ก็พยายามทำเพลงอยู่เป็นปีเหมือนกัน ด้วยข้อจำกัดเรื่องของยุคสมัยที่มันค่อนข้างต่างกันมาก กับการทำเพลงสักเพลงหนึ่งแล้วส่งไปถึงผู้ฟังตอนนั้นก็มีโอกาสได้ไปทำอย่างอื่นเยอะเลยครับ แต่ว่าลึก ๆ เราก็มีความรู้สึกว่าอยากกลับมาทำเพลงอยู่นะ จนช่วงปีที่แล้วเราเริ่มรู้สึกใกล้หมดไฟเลยฟอร์มวงแนวป็อปร็อก ปล่อยผลงานออกมา 2 เพลง แต่เราก็อยากทำเป็นแนวป็อบฟังสบายดูบ้าง จังหวะมาเจอพี่ต้นกับเซนพอดี ก็เลยกลายเป็น 456.Four.Five.Six อย่างที่เห็น
ตัวตนของ 456.Four.Five.Six
ต้น : คือเราไม่อยากให้กำหนดขอบเขตของดนตรีของ 456.Four.Five.Six เพราะรู้สึกว่าการที่เริ่มทำโปรเจ็กต์นี้มันมาจากความชอบ ของเราคือเรื่องร้องเพลง ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นแนวไหน ขอบเขตไหน เราอาจจะไปจอยกับโปรดิวเซอร์คนนั้นคนนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้มีแนวเพลงที่หลากหลายและมีความเป็นพวกเราอยู่ในเพลง มันก็เลย รู้สึกว่าเป็นเหมือนเป็นการผจญภัยการเดินทางมากกว่า เหมือนศิลปินต่างประเทศ เขาจะไม่บล็อกแนวตัวเองไว้เลยว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ศิลปินบางคนที่เรารู้จักตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังทำเพลงอยู่ เพราะว่าเขาเอาตัวเขาไปจอยได้กับทุกแนวเพลง ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
พูดถึงซิงเกิ้ล MOON (พระจันทร์)
เซน : ตอนแรกเพลงนี้เราคุยกันว่าจะทำเพลงให้ไปทางไหนดีเลยไปปรึกษากับ แกงส้ม ธนทัต ให้เขาเป็นโปรดิวเซอร์ พี่ต้นคิดให้โจทย์เพลงแกงส้มไป 2 เวิร์ส คือ “กระซิบให้ถึงพระจันทร์” กับ “เธอจะได้ยินไหม” ประมาณนี้ครับ แล้วก็มีการส่งสไตล์เพลงไปว่าอยากได้ประมาณนี้นะแกงส้มเขาก็ขยายความทั้งหมดออกมาเป็นเพลงอย่างที่ทุกคนได้ฟัง
กระแสตอบรับของเพลงนี้
เซน : อย่างแรกที่ได้ยินเลย คือคนฟังที่ไม่ได้ยินเสียงของพวกเราทั้ง 3 คน มาสักพักแล้ว ทุกคอมเมนต์เรารู้สึกว่าเขามีความสุขที่ได้ฟังเพลงของพวกเรา เราเลยรู้สึกใจชื้นที่ได้กลับมาทำเพลงอีกครั้ง
ฟลุ๊ค : ฟีดแบคที่ได้กลับมา คือคนที่เคยฟังเพลงของพวกเรา เขาก็บอกว่าคิดถึงอยากฟังเสียงของพวกเราแบบเต็ม ๆ เพราะเพลงนี้มันมีการแบบพากันร้อง แล้วก็มีคนกลุ่มคนที่เขาไม่ทันฟังเสียงพวกเขาตอนประกวด พอเขาเข้ามาฟังก็รู้สึกชอบ บอกว่าเพลงมันเท่ดีนะ ด้วยตัวเพลงที่โทนมันสว่าง มีเนื้อหาฟังง่าย สบาย ๆ ประมาณนี้ครับ
แพลนในอนาคตของ 456.Four.Five.Six
ต้น : ตอนนี้กำลังคุยเรื่องเพลงที่ 2 กับโปรดิวเซอร์อยู่ครับแต่ขออีฟเอาไว้ก่อน
เซน : แนวทางของเพลงที่ 2 เราใส่ความสนุกเข้าไปเยอะขึ้น เพราะว่าพื้นฐานของเรา 3 คนจะมีความเฮฮาสนุกสนานเวลาอยู่ด้วยกัน ก็เลยคิดว่าเพลงต่อไปต้องสนุกขึ้นแน่นอนครับ
ฟลุ๊ค : คือ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมากับการทำเพลงแรก ฟลุ๊ครู้สึกว่าแฮปปี้นะ ชอบที่ได้กลับมาทำงานแบบนี้ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีตามแผนที่วางไว้ และพวกเราก็รู้สึกสนุกกันทุกคน ถ้าเกิดจะมีการวางแพลนอะไรสักอย่างฟลุ๊คก็อยากจะวางให้เป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้อยากที่จะไปเร่งรัดหรือต้องปรับเปลี่ยนอะไรเพราะว่าตรงนี้มันลงตัวสำหรับวง
ต้น : โดยส่วนตัวผมคิดว่าตอนนี้ได้ทำเพลงก็สนุกแล้วตอนนี้ก็เริ่มอยากที่จะมีแผนที่มันมีสเต็ปครอบคลุมมากขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา ในมุมมองเรา เราอยากจะมีเพลงรวม 3 เพลง และเพลงที่โดดเด่นเน้นไปที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งอีกคนละเพลง อันนี้คือแพลนระยะยาวนะ แต่เราจะยังไม่ไปแตะมัน เราจะก้าวทีละก้าวอย่างมั่นคงไปก่อน
ฟลุ๊ค : ยังไม่มีใครแยกวงครับ
ทุกคน : ฮา ๆ
ต้น : หรือมี (ฮา)
เซน : ไม่ให้แยกครับ ไม่ให้แยก (ฮา)
ต้น : โดนบังคับให้อยู่ครับ (ฮา)
เห็นบอกว่าก่อนหน้านี้มีช่วงที่เริ่มรู้สึกหมดไฟ แล้วสามคนมีการจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
เซน : เห็นหน้ากันก็มีไฟแล้วครับ
ฟลุ๊ค : เจอกันก็มีไฟแล้วครับ
ต้น : พอน้องชวนปุ๊บเราก็รู้สึกว่าก็ไปสิ คือเราก็ไม่ได้ปฏิเสธไฟมันมา
ฟลุ๊ค : คือคนที่ทำงาน ทุกอาชีพมันมีช่วงหมดไฟ แต่มันก็จะมีช่วงที่มีแรงฮึดเป็นพลังผลักดันให้กลับมามีไฟเหมือนเดิม
ต้น : พอมาเจอกัน มาอยู่ในบรรยากาศของการทำเพลง ไฟมันก็กลับมา
ฟลุ๊ค : พอเราทำงานแล้วมันสนุก คือไม่ได้มีสภาพแวดล้อมที่กดดัน เครียด จนมันทำให้รู้สึกน่าเบื่อมันก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกดีอยากที่จะทำงาน
มุมมองต่อวงการดนตรีในปัจจุบัน
ฟลุ๊ค : ผมว่ามันท้าทายดีครับ เพราะว่าศิลปินมีเยอะและทุกคนก็มีคุณภาพ มีความเป็นตัวเอง มันอาจจะด้วยยุคสมัยที่ว่าเด็กสมัยนี้เขาไม่ได้ ถูกตีกรอบเยอะเท่ากับเด็กสมัยก่อน ในยุคของฟลุ๊คที่เข้าไปทำเพลงในค่ายใหญ่ก็จะมีตัวอย่างที่ชัดเจนว่าศิลปินที่ดีจะต้องเป็นแบบคนนั้นคนนี้ ซึ่งพอทำงานมันค่อนข้างโดนปรับโดนเปลี่ยนความเป็นตัวเราเยอะ สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อคิดว่าศิลปินยุคใหม่ ก็คงจะเจอเรื่องพวกนั้นเหมือนกันแต่ก็คงเจอน้อยกว่า แล้วก็คงมีความสุข ให้การสร้างสรรค์ผลงานได้มากกว่าสมัยก่อนครับ พอพวกเรากลับมาทำงานเพลงในยุคนี้ ก็มีน้อยคนนะครับที่เขาพยายามมายุ่งกับเรา มาบอก กับเราว่าควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ใครพูดแบบนี้เรา เราก็จะผลักเขาออกไป เพราะว่าเรา 3 คนชอบความที่เป็นแบบนี้กันอยู่แล้ว
ต้น : คือผมมองในวงการนี้ทุกคนที่ชอบดนตรีมันมีความเป็นศิลปินอยู่แล้ว เวลานี้เขามองเห็นสว่างแล้ว ทุกคนสามารถเดินตามแสงและ ไปเจอกันได้ ทุกคนจะสามารถออกมาจอยกันได้ ผมคิดว่าในอนาคต มันจะมีพื้นที่กลางและเป็นอิสระสำหรับศิลปินมากขึ้น มันจะไม่มีกำแพงกั้น และมันจะสนุกมาก ๆ คนฟังเพลงก็จะรู้สึกสนุกมากขึ้นด้วย
ฝากทิ้งทายถึงแฟนเพลงทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
เซน : พวกเราตั้งใจกันมาก ๆ และมีความสุขในการทำเพลงกันจริง ๆ ก็อยากให้ทุกคนที่ได้ฟังเพลง Moon (พระจันทร์) และเพลงต่อ ๆ รู้สึกมีความสุขทุกครั้ง
ที่ได้ฟังเพลงของพวกเรา อยากให้ทุกคนมองกันที่ผลงานครับ
ฟลุ๊ค : ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนเลยทั้งแฟนเพลงที่สนับสนุนกันมาตั้งแต่สมัยเริ่มเข้าวงการ ขอบคุณแฟนเพลงรุ่นใหม่ที่เข้ามาฟังเพลง Moon (พระจันทร์) พวกเรา 456.Four.Five.Six เป็นแค่กลุ่มคนที่รักในการทำเพลงที่วันนี้มารวมตัวกันเพื่อทำตามความฝัน มาสร้างความสุขให้กับตัวเอง แล้วก็ไม่อยากเก็บความสุขนี้ไว้แค่กับตัวเองเลยอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสความสุขนี้ผ่านผลงานเพลงที่พวกเขาสร้างขึ้น ขอฝากด้วยนะครับ
ต้น : ฝาก 456.Four.Five.Six ด้วยนะครับ มาร่วมเดินทางไปกับพวกเรา ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรก็บอกกันได้ และก็คอยเป็นกำลังใจให้กันและกันด้วยครับ
Photo : Satchaphon Rungwichitsin