10 Things : Cleanest Cities in the World 10 เมืองที่สะอาดที่สุดในโลก | Isuue 158
การพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ใช่ว่าจะเน้นทางด้านเศรษฐกิจหรือเทคโนโลยีให้มากเข้าไว้ แต่เรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เรามาดูกันว่าเมืองใดที่ติดอันดับความสะอาดกันบ้าง
10) ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลอนดอนนับได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป เป็นหนึ่งในเมืองที่มีศูนย์กลางทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นศูนย์รวมในด้านอื่นอย่าง สื่อ, แฟชั่น, ความบันเทิง, การเงิน, ศิลปะ, การศึกษา ฯลฯ ลอนดอนเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องถนนที่สะอาด และบรรยากาศที่เย็นสบายทำให้มีผู้คนจากทั่วโลกมาแวะเวียนอยู่ตลอดเวลา
9) นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
นิวยอร์กเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง แม้ว่าจะมีตึกสูงมากมายและมีแหล่งเสื่อมโทรมบ้าง แต่รัฐบาลท้องถิ่นก็รักษาความสะอาดดีรวมทั้งจัดให้มีสวนสาธารณะใหญ่ มีต้นไม้และสนามหญ้าให้ผู้คนพักผ่อนตรงใจกลางเมืองอีกด้วย
8) ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ปารีสถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งและผู้รักแฟชั่นมารวมตัวกันที่นี่ ทำให้ผู้คนเดินทางมาอาศัยอยู่กว่า 10 ล้านคน ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่ระบบการจัดการความสะอาดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยทำได้ดีมาก เช่นเรื่องของถนนฟุตปาทมีการทำอย่างดี รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวก็มีมาตรการดูแลความสะอาดตลอดเวลา
7) โกเบ ประเทศญี่ปุ่น
เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับที่ 5 และเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น โกเบมีชื่อเสียงมากในเรื่องการวางแผนจัดการสิ่งปฏิกูลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบระบายน้ำอัตโนมัติอยู่ใต้เมือง รวมทั้งประชาชนในเมืองมีวินัยในการทิ้งขยะลงถังอย่างถูกวิธีเพื่อง่ายต่อการคัดแยกในการรีไซเคิล
6) สิงคโปร์
ถ้านับทวีปเอเชีย สิงคโปร์ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดในเอเชีย เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ได้นำขยะไปเผาในเตาพิเศษแล้วเอาเถ้าที่ผ่านการตรวจกรองสารพิษ
คืนสู่ป่าและธรรมชาติอีกครั้ง ส่วนเรื่องระเบียบการรักษาสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ใช้กฎหมายที่เข้มงวด เช่นถ้าถ่มน้ำลายใส่พื้น หรือทิ้งขยะไม่เป็นที่ตำรวจอาจจับกุมได้ทันที
5) ไฟรบวร์ค ประเทศเยอรมนี
เมืองที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาสีเขียว มีวิวภูเขาที่สวยงามและอากาศบริสุทธิ์ ภายในเมืองได้มีการจัดสวนสาธารณะให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีถนนที่ปลอดรถยนต์ มีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยรัฐบาลได้ร่วมกับชุมชนในการจัดการเมืองแห่งนี้ให้สะอาดและเรียบร้อยตลอดเวลาหลายสิบปี่ผ่านมา
4) ออสโล ประเทศนอร์เวย์
ออสโลถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่วุ่นวายและคึกคักที่สุดของนอร์เวย์จนติดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ตรงนี้เองรัฐบาลจึงนำเงินจำนวนมากจากภาษี มากำจัดขยะและมลพิษ โดยนำเอาขยะเหล่านี้เข้าระบบเตาเผาที่ทันสมัยแปลงเป็นเชื้อเพลิงความร้อนได้อีกทอดหนึ่ง ในปี 2007 กรุงออสโลได้รับการยกย่อง ให้เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดอันดับสองของโลกตามที่หนังสือ Reader’s Digest เคยจัดอันดับมาก่อนหน้าแล้ว
3) บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย
บริสเบนมีประชากรประเมินจำนวน 2.04 ล้านคน นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศออสเตรเลีย จัดอยู่ในกลุ่มเขตกึ่งร้อนชื้นที่อุณหภูมิไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป (16-25 องศาเซลเซียส) บริสเบนเป็นเมืองที่มีการจัดระเบียบเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงความปลอดภัยที่เข้มงวดสำหรับผู้จะเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย
2) เวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์
เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องวิวของประเทศสวยงามน้ำทะเลสีครามและสายลมธรรมชาติอันสดชื่น เมืองนี้มีประชากรราว 4 แสนคนซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันสองรองจากโอ๊คแลนด์ แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะคนที่นี่รักธรรมชาติมาก พวกเขาเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะกว่า 33% เพื่อช่วยลดมลภาวะ เวลลิงตันจึงกลายเป็นสวรรค์ของนักเดินทางที่จะมาพักผ่อนแบบยาว ๆ ไปแล้ว
1) เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
นับได้ว่าเป็นตัวอย่างความสะอาดของโลกด้วยคะแนนอันความสะอาดที่สูงสุด เมืองนี้มีประชากรประมาณ 7.8 ล้านคนเป็นที่รู้จักทั่วโลกในเรื่องแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น โดยเฉพาะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างภูเขา และชายหาด เหตุผลหนึ่งคือมีการจัดการเมืองให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบของรัฐบาลและความร่วมมือของประชาชนนั้นเอง