เที่ยวเรื่อย ๆ ที่ดานัง (ตอนที่ 1) Issue 158

เที่ยวเรื่อย ๆ ที่ดานัง (ตอนที่ 1) Issue 158

ต้องบอกก่อนเลยว่า การเดินทางไปยังเมืองดานังครั้งนี้ของผู้เขียนเป็นการเดินทางไปโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลใด ๆ ล่วงหน้ามาก่อนเลย มีหลงทางบ้าง เข้าร้านผิดบ้าง ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ของการเดินทาง 

เราออกเดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียตามตารางบินด้วยเวลา 07.25 น. ถึงเมืองดานัง 09.05 น. แต่จริง ๆ แล้วใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว ส่วนไทม์โซนของเวียดนามก็จะเท่ากันกับบ้านเราเลยไม่ต้องปรับเวลาใหม่กันให้ยุ่ง 

เมื่อมาถึงสนามบินดานังแล้ว ถ้าไม่อยากโดนแท็กซี่ของที่นี่โก่งราคา (เกือบโดนกับตัว) เราสามารถใช้ Grab แอปพลิเคชันเดียวกันกับที่ใช้ในบ้านเราเรียกรถมารับได้ที่สนามบิน แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการวิ่งเข้ามารับผู้โดยสารในสนามของแกร็ปบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับแท็กซี่ในสนามบินจะอาสาไปส่งเราที่โรงแรม อ๋อ เกือบลืมไป! การเข้าเมืองไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ตม.ตรวจดูพลาสปอร์ตแปปเดียวเอง ก็สามารถเดินเข้าเมืองได้อย่างสวย ๆ

ไม่นานเราก็ถึงที่พักเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว Paris Deli Danang Beach Hotel ตั้งอยู่ติดริมหาด หาดหมีเคว (My Khe Beach) หาดขึ้นชื่อของเมืองดานัง นักท่องเที่ยวทั่วโลกโหวตให้หาดแห่งนี้เป็นหาดที่สวยที่สุดในเวียดนาม จากเช้าถึงเย็นจะสังเกตุได้ว่ามีผู้คนมาทำกิจกรรมกันที่หาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มากันแบบครอบครัว ทั้งพ่อแม่ลูกก็จะพาเด็กมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน หาดแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นที่พักผ่อนของทหารอเมริกันเมื่อครั้งสงครามเวียดนามอีกด้วย 

 

บ่ายกว่า ๆ เริ่มหิวกันแล้ว เราแวะทานอาหารที่ร้าน The Garden Restaurant ตั้งอยู่ติดริมหาดหมีเควเลย เป็นร้านอาหารที่จำหน่ายเมนูซีฟู้ดฟิวก์ชั่น เครื่องดื่มต่าง ๆ รวมไปถึงชากาแฟ ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตาแนวโคเรีย กลมกลืนไปกับหาดทรายสีขาวสะอาดตา มีทั้งโซนด้านในและโซนด้านนอกให้นั่งรับลมจากทะเลกัน

เนื่องจากความร้อนจากการเดินชมหาดบวกกับยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เราจึงสั่งเมนูเบา ๆ อย่าง Chicken Cream Risotto ราคา 200,000 ดอง ก็ตกอยู่ราว ๆ 260 กว่าบาท และสั่งเนื้อวัวสามอย่างมาทานกับเพื่อน (Wagyu Steak, Striploin Steak, Top blade sliced steak) 2 คน ราคา 950,000 ดองประมาณ 1,244 บาท นอกจากนั้นก็จะเน้นที่เครื่องดื่มอะไรเย็นๆ อย่างเช่น ไอศกรีม สมูทตี้ ตอนแรกไม่หิว แต่นั่งเรื่อย ๆ ก็ทานหมดเกลี้ยงเลย เพราะชอบทานเนื้อมาก

 

 

เมื่อมองจากร้านออกไปเราจะเห็นเจ้าแม่กวนอิม (Lady Buddha) ที่วัดหลินอึ๋ง องค์ใหญ่ที่สุดในดานัง มีความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น หรือราว ๆ 67 เมตร และนี่คือแพลนต่อไปของเรา ใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที ก็ถึง โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนแหลม Son Tra Peninsula โดยชาวดานังให้การเคารพเจ้าแม่กวนอิมมากเพราะช่วยปกป้องเมืองแห่งนี้จากภัยพิบัด ภายในวัดยังมีการแสดงสวนบอนไซแบบจีนให้เดินชมโดยไม่มีเบื่อ และหากมองหันหน้าออกทางทะเลเราก็จะเห็นวิวเมืองดานังได้อย่างพาโนรามาแบบสุดลูกหูลูกตา 

 

 

 

 

 

ปิดท้ายของวันเพราะรู้สึกเหนื่อยแล้ว ด้วยการนั่งแกร็ปเข้ามาในตัวเมืองดานังเพื่อชิมกาแฟเบา ๆ เจ้าดังของของเวียดนาม ที่นี่ก็มีเช่นกัน นั่นคือร้าน Cộng Cà Phê ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำ Han บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยธีมของทหารเวียดนาม ลูกค้าแน่นร้านขนัด โดยเฉพาะเหล่าโอปป้า เกือบจะไม่มีที่นั่งแล้วเชียว เราสั่งเมนูแนะนำของทางร้านไป Coconut Milk With Coffee เป็นกาแฟมะพร้าว รสชาติบางเบา กลมกล่อม หอมชื่นใจ 

 

 

 

หลังจากหายเหนื่อยแล้วมีความต้องการที่อยากจะไปต่อ จึงเปิดดูรีวิวแล้วปักหมุดเดินตามจีพีเอสเพื่อไปยัง Night Market ตามแผนที่ปรากาฏว่าเดินไปเดินมาไม่มีแม้แต่ของขาย ถนนโล่งเชียว หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้จัดให้ขายแล้ว ก็ไม่แน่ใจ เลยตัดสินใจเรียกรถกลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อน

จากนั้นจึงขึ้นมาชมวิวเมืองดานังในยามค่ำคืนจาก Rooftop ของโรงแรม ดูเงียบสงบแตกต่างจากความวุ่นวายในตอนกลางวัน แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือความเจริญของเมืองรองในหลาย ๆ เมืองของเวียดนามที่เจริญแบบก้าวกระโดด เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลง ดานังก็เช่นเดียวกัน ความเจริญควบคู่กับการอนุรักษ์ ทั้งทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงรากเหง้าวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นอีกประตูบานหนึ่งที่คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนให้มาสัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง

How to go? 

• บินจากกรุงเทพไปดานังใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 30 นาที

 

MiX Magazine ฉบับที่ 158 เที่ยวเรื่อย ๆ ที่ดานัง (ตอนที่ 1)