โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์

โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์

จากบทบาทเด็กหนุ่มในกลุ่มนักเรียนมัธยมหัวร้อนในซีรีส์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น เมื่อหลายปีก่อน สู่ผลงานการแสดงมากมาย จนในวันนี้ โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ เติบโตขึ้นเป็นนักแสดงผู้พร้อมรับความท้าทายจากทุกบทบาทที่ได้รับ นับเป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง มีดีกรีเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากงานรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 25 แม้หลายคนอาจจะรู้จักเขากันมาบ้างแล้ว แต่ในครั้งนี้เราอยากให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักเขาในอีกแง่มุมที่เติบโต มุ่งมั่น และจริงจังขึ้น

ชีวิตส่วนตัวในวัยเด็ก
ผมเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก คือเล่นกีฬาได้เกือบทุกประเภท ตอนอายุ 10 ขวบเริ่มเล่นเทนนิสจริงจังเพราะความชอบ ลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ ตอนอายุ 14 ผมแข่งเทนนิสจนติดอันดับหนึ่งในร้อยของประเทศ พอเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย เริ่มจริงจังกับชีวิตมากขึ้น ผมมีความฝันว่าอยากเป็นหมอ แล้วต้องเป็นหมอที่เชียงใหม่ด้วยนะ ทำให้การเล่นเทนนิสกลายเป็นเล่นเพื่อออกกำลังกายแทน ชีวิตการเรียนผมเรียนแล้วได้เกรดดีนะ แต่เริ่มคิดเปลี่ยนเป็นสายคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษแทน เพราะชอบสองวิชานี้ ตอนแรกอยากเรียนต่อคณะบัญชี สาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย แต่ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย คะแนนคณะบัญชีในปีนั้นค่อนข้างสูง ผมเลยมาเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ

เคล็ดลับการเรียนควบคู่ไปกับการทำงาน
หลายคนชอบคิดว่าการเรียนมหาวิทยาลัยไม่ต้องเข้าห้องเรียนก็ได้ ไว้ไปอ่านหนังสือเอง แต่คณะที่ผมเรียนต้องเข้าไปนั่งฟังในห้องเรียนเพื่อทำความเข้าใจ เพราะมันมีคำพูด มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอาจารย์ที่ไม่มีคำอธิบายในหนังสือค่อนข้างเยอะ โชคดีที่เพื่อนของผมคอยอัดเทปในห้องเรียนแล้วส่งมาให้ผมฟัง เวลาทำงานเสร็จผมก็จะกลับมานั่งฟังทุกคืนคู่ไปกับเลคเชอร์ของเพื่อน แล้วเขียนสรุปเป็นภาษาของตัวเองอีกที ถึงแม้ว่าเราจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ผมคิดว่าต้องสู้ ตอนแรกผมคิดว่าจะเรียนไม่จบภายใน 4 ปีด้วยนะ แต่เพื่อน ๆ ผมไม่ยอม เขาอยากให้ผมจบภายใน 4 ปี เลยช่วยลงทะเบียนให้ผม ระหว่างนั้นก็มีเพื่อนมีรุ่นน้องมาคอยช่วยเหลือ ทำให้ผมเรียนจบภายใน 4 ปีครับ

ความท้าทายอื่นนอกเหนือจากอาชีพนักแสดง
ผมรู้สึกว่าอาชีพนักแสดงมันเป็นงานที่ท้าทายผมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมโชคดีที่มีโอกาสได้เลือกคาแรคเตอร์ที่ผมสนใจ ผมยังรู้สึกสนุกกับสิ่ง ๆ นี้อยู่ แต่ถ้าวันหนึ่งผมไม่ได้อยู่ในจุดนี้แล้ว อยากเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองโดยเลือกทำในสิ่งที่เราชอบจริง ๆ 

บทบาทการแสดงที่ชอบที่สุด
บท ไอ่ จากซีรีส์ I Hate You I Love You โดยปกติแล้วบทที่ผมได้รับมักจะเป็นตัวละครที่รู้สึกอะไรก็พูดออกมา แต่สำหรับบทนี้ตัวละครเป็นคนไม่ค่อยพูด มีอะไรเก็บไว้ในใจแล้วแสดงออกผ่านสายตาแทน มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่านี่คือมิติใหม่ที่เราไม่เคยเจอในชีวิตการแสดงมาก่อน ทุกครั้งก่อนเปิดกล้องจะมีการเวิร์กชอปไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง แต่สำหรับบทนี้ผมได้เวิร์กชอปแค่ครั้งเดียว อ่านบทเข้าคู่ แล้วลงไปทำการแสดงเลย มันเลยทำให้รู้สึกว่าการทำงานแบบนี้มันท้าทายเราดีครับ

ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานในมิวสิควิดีโอเพลง ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึก ของ Getsunova 
ผมเป็นแฟนเพลงวง Getsunova มาตั้งแต่มัธยมต้น ช่วงมัธยมปลายผมมีโอกาสได้ไปเล่นมิวสิควิดีโอเพลง สุดท้ายก็ต้องยอม ของ FiFi Blake ตอนนั้นพี่ทีมงานเปิดเพลง ไกลแค่ไหนคือใกล้ ของ Getsunova ให้ฟัง ความรู้สึกในตอนที่ฟังคือชอบมากและคิดว่าเพลงนี้มันต้องดังแน่ ๆ หลังจากนั้นได้รู้จักพี่นาฑี โอสถานุเคราะห์ มือกีต้าร์ของวง ผมบอกพี่เขาไปว่าให้ผมเล่นมิวสิควิดีโอของวงพี่บ้างนะ พี่เขาก็บอกว่าไว้เพลงหน้า จนมาถึงเพลงนี้ในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับวงดนตรีที่ผมชื่นชอบมานาน มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยครับ

เป้าหมายในอนาคตอันใกล้
ผมเป็นคนไม่ชอบคิดถึงอนาคตไกล ๆ เพราะการตั้งเป้าหมายไกลมันเกิดความคาดหวัง พอเป็นไม่ได้อย่างที่หวังจะรู้สึกเฟลมาก ๆ ผมจึงชอบตั้งเป้าหมายถึงอนาคตอันใกล้ภายใน 2-3 ปีมากกว่าว่าอยากทำอะไรบ้าง เช่น ก่อนหน้านี้ผมอยากเดินพรมแดงงานสุพรรณหงส์ แล้วผมก็ได้เดินพรมแดงงานสุพรรณหงส์ และการตั้งเป้าหมายไว้ใกล้ ๆ มันทำให้ผมพบเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะในปีนั้นผมมีรายชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมด้วย มันเลยเป็นเป้าหมายที่เกินทุนผมไปแล้ว สำหรับเป้าหมายในอนาคตอันใกล้ ผมมีความฝันว่าอยากแสดงภาพยนตร์ของ GDH ครับ สำหรับผมมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะแต่ละบทมันมีการแคสติ้งหลายครั้งเพื่อที่ทีมงานจะได้คัดเลือกนักแสดงที่เหมาะสมจริง ๆ เข้ามารับบทบาทนั้น ๆ ผมจึงรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ยุติธรรมกับทุกคนครับ

อัพเดทผลงาน
ผมมีละครที่กำลังจะออนแอร์ในเดือนนี้ เรื่อง รักไม่ลืม ทางช่อง One31 ครับ สำหรับละครเรื่องนี้ผมเต็มที่กับการแสดงมาก เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่อยากพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นครับ เรื่องถัดมาคือซีรีส์ มหัศจรรย์รักข้ามกระดาษ คาดว่าน่าจะออนแอร์เร็ว ๆ นี้ทางช่อง True เรื่องนี้ผมได้รับบทเป็นตัวการ์ตูนที่หลุดออกมาสู่โลกความจริงโดยมีนางเอกคอยช่วยเหลือ เป็นบทบาทที่ต่างไปจากทุกเรื่องที่เคยแสดง ผมมีผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สองในชีวิต เรื่อง แสงกระสือ Inhuman Kiss การถ่ายทำเรื่องนี้ค่อนข้างโหดเพราะทำงานตั้งแต่เย็นจนถึงเช้า ซึ่งเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา และผลงานซีรีส์ทาง Netflix ชื่อ เคว้ง  อยากให้ทุกคนรอติดตามครับ

รู้จักกัน กัน อรรถพันธ์ ได้อย่างไร
ผมกับกันเคยร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง อนธการ หรือ The Blue Hour ซึ่งเป็นภาพยนตร์สายประกวด ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นเทปแคสติ้งของกันคือชื่นชมความสามารถในการแสดงของเขามาก พอได้ร่วมงานก็สนิทและติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ ที่สนิทเพราะเราสองคนแต่งตัวสไตล์เดียวกัน กันชอบฝากผมซื้อของพวกเสื้อผ้า ให้ผมช่วยหาเรื่องเสื้อผ้า แต่ผมเทียบระดับกับเขาไม่ได้เลย เพราะเขาเก่งมากในเรื่องนี้ เขาเป็นคนที่หาร้านเสื้อผ้าบนอินสตราแกรมเก่งมาก แล้วชอบฝากคนนั้นคนนี้ซื้อมาให้ และกันเป็นคนที่มีสไตล์ของตัวเอง เขาสามารถจับแมทช์เสื้อผ้าให้เข้ากับตัวเขาเองได้ดีครับ 


TEXT : Roekdee
ช่างภาพ : เดี๋ยวเดียว

#mixmagazinethailand