TRENDSETTER - ศิรินพร ตัณฑุลวิสุทธิ์

TRENDSETTER - ศิรินพร ตัณฑุลวิสุทธิ์

เรื่องแฟชั่น เราต้องเป็นผู้นำเสมอ

ร้าน YEAH ได้รับการพูดถึงในวงการสตรีทแฟชั่นของเมืองไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี แน่นอนเรื่องของแฟชั่นเป็นสิ่งที่เข้ามาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นแล้วสิ่งใดที่ทำให้ YEAH ยังคงยืนหยัดคู่กับวัยรุ่นไทยส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้นานขนาดนี้ วันนี้เราจะไปพูดคุยกับคุณศิรินพร ตัณฑุลวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรสาสินทวี ที่จะมาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ รวมถึงแนวคิดการทำงานทางด้านแฟชั่น ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน

ก่อนอื่นเลยร้าน YEAH คืออะไร?
“ต้องขออธิบายก่อนว่าเราเป็นร้านที่อยู่ภายใต้ บริษัท อรสาสินทวีที่นำเข้าสินค้าจากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา หรือว่าเอเชีย แบรนด์ไหนที่น่าสนใจ และน่าจะเหมาะสมกับคนไทย เราก็จะนำเข้ามาให้คนไทยรู้จักกัน YEAH จึงเป็นร้านมัลติแบรนด์ ที่มีสินค้ามากมายหลายแบรนด์ให้ได้เลือกสรรกันค่ะ พวกเราเริ่มต้นร้านกันมาตั้งแต่ปี 1996 จวบจนกระทั่งปีนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 22 อย่างเต็มภาคภูมิผ่านอะไรมาค่อนข้างเยอะ แบรนด์แรกที่ทำให้ทุกคนรู้จักเราเรียกว่าสร้างชื่อเสียงให้เราเลยก็คือกระเป๋าเป้ Outdoor จนถึงปัจจุบันเราดูแลแบรนด์มากมายหลายแบรนด์เลย ด้วยความที่เราเป็นผู้นำเข้าไม่ใช่เจ้าของแบรนด์เอง บางแบรนด์ก็โตขึ้นมาพร้อมกับเรา หรืออยู่กับเราอดทนฟันฝ่ากันมาตลอด แต่ด้วยกระแสของแฟชั่นค่ะ พอเข้ามาเดี๋ยวก็ผ่านไปตามกาลเวลา อย่างแบรนด์ DC เราก็เป็นคนปลุกปั้นแบรนด์นี้ขึ้นมาในประเทศไทยเลย หรือว่าอย่างช่วงเวลาต้นยุคปี 2000 เรื่องสเก็ตบอร์ดอาจจะยังใหม่สำหรับคนไทย สืบทอดช่วงเวลามาจนถึง Vans ย้อนกลับไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทุกคนแทบจะต้องมี Vans กันอย่างน้อยคนละคู่ ซึ่งตรงนี้เราก็เป็นผู้นำเข้ามาเช่นเดียวกัน เรียกว่า Yeah ผ่านร้านผ่านหนาวร่วมกับแบรนด์ดัง ๆ มามากมายหลากหลายแบรนด์เลย ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นที่เราเลือกมาแล้วว่าเหมาะสำหรับคนไทย มีทั้งเสื้อสตรีทอาร์ต Obley กระเป๋าเป้ Decay รองเท้ามีทั้งหนังและผ้าใบ เรียกได้ว่าครบถ้วนเรื่องเครื่องแต่งกาย จนถึงช่วงหลังมานี้เราก็ได้เป็นพันธมิตรกับ Palladium ซึ่งปีที่แล้วได้มีการจับมือกับพี่ ๆ ศิลปิน วง Bodyslam ได้ทำรองเท้ารุ่นพิเศษร่วมกันขึ้นมาเป็นรองเท้า Palladium x Bodyslam”

หลักการทำงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จ?
“เรื่องของการทำงานที่ทำให้ทุกคนรู้จักและไว้ใจเราจนถึงวันนี้จนก้าวเข้าสู่ปีที่ 22 แล้วเนี่ย ต้องบอกเลยว่า ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราจะตระหนักอยู่เสมอ ตั้งแต่ช่วงเมื่อสมัยประมาณ 20 ปีที่แล้ว สินค้าหลายอย่างที่เห็นขายกันทั่วไป แต่ในยุคนั้นยังไม่มีช็อปตัวแทนจำหน่ายเหมือนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นการที่จะหาซื้อหรือเป็นเจ้าของก็จำเป็นจะต้องเป็นการฝากคนนั้นคนนี้หิ้วเข้ามา สมัยนั้นที่ MBK ซึ่งเป็นศูนย์รวมแฟชั่นสามารถหาได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าใครอยากได้อะไร ซึ่งแน่นอนหลาย ๆ ร้านพอเริ่มเติบโตก็อาจจะมีการเริ่มผสมปนเปของปลอม ของผสม ทำให้ต้องล้มหายตายจากกันไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเรายึดมั่นมาตลอดก็คือเราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า เราต้องเป็นเสมือนเพื่อนที่คอยแนะนำสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้าที่เป็นเพื่อนของเรา ต้องมีความจริงใจ”

“นอกจากนี้แล้วเราต้องมีความเป็นผู้นำอยู่ตลอด สามารถนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ตามเทรนด์ให้ทัน เพราะอย่างที่ทราบว่าแฟชั่นมาไวแล้วก็ไปไว เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นผู้นำให้ได้ ซึ่งวิธีการคัดเลือกแต่ละแบรนด์เข้ามาของเราเนี่ย เอาจริง ๆ แล้วต้องบอกว่ามันก็เหมือนการเสี่ยงดวงไม่ใช่ว่าเราจะสามารถนำเข้ามา 10 แบรนด์แล้วมันจะตอบโจทย์คนไทยทั้งหมด เราจึงคัดสรรแบรนด์ที่มีเรื่องราว มีคาแรกเตอร์หรือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ก็เช่นเดียวกันช่วงเวลาก็สำคัญ บางแบรนด์อาจจะมาเร็วเกินไป อาจจะยังไม่ใช่สำหรับตอนนี้ เคยมีแบรนด์นึงเหมือนกันที่เรานำเข้ามานานมาก ด้วยคาแรกเตอร์ของเขาที่น่าสนใจและเราคิดว่าน่าจะเหมาะกับคนไทย จนเวลาผ่านไปกลายเป็นว่าขายหมดเราก็คาดว่าโอเคผ่านช่วงเวลาไปแล้ว ทีนี้อยู่ ๆ มันเกิดกระแสกลับมาอีก ทั้งที่ช่วงของมันผ่านไปแล้ว ด้วยความที่เราต้องเป็นผู้นำตลอด บางครั้งลูกค้าก็ตามเราไม่ทันเหมือนกัน และเช่นเดียวกันบางทีเราก็ตามไม่ทัน นี่แหละค่ะช่วงเวลาก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ”

นับตั้งแต่วันแรกของ จนถึงวันนี้ บทบาทการทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?
“เรียกว่าเป็นการทำงานหนักมากขึ้นดีกว่าค่ะ เป็นเพราะว่าหลังจากที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น จากการที่ย้อนไปหลายปีก่อน เราจะเป็นผู้นำสินค้ามาเสนอกับลูกค้า ไม่ได้หมายถึงแค่ YEAH นะคะ แต่พูดรวมถึงช็อปแบรนด์หลาย ๆ แห่งที่จะเป็นผู้นำเสนอให้กับลูกค้า ทุกวันนี้กลับกันค่ะ ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลสินค้าต่าง ๆ รวมไปถึงสามารถที่จะซื้อหาได้จากทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็อยากจะแนะนำนะคะ ในเรื่องของความน่าเชื่อถือ เพราะว่าใคร ๆ ก็สามารถซื้อขายกันได้ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต เราจึงต้องมีการระมัดระวังกันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องมีการปรับตัว ในเมื่อทุกอย่างมันไวมาก เราจึงต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ แน่นอนว่าถ้าหากลูกค้าอยากได้สินค้าชิ้นนี้นะ ถ้าเราสามารถตอบสนองพวกเขาเหล่านั้นได้ ด้วยการมาที่ ๆ สินค้าพร้อมรับได้เลย หรือการที่ถ้าหากเขาซื้อออนไลน์แล้วบวกค่าส่งต่าง ๆ แล้วแพงกว่า การเลือกวอร์คอินเข้ามาที่ร้านก็จะเป็นอะไรที่ลูกค้าพร้อมที่จะใช้บริการมากกว่า ก็จะหนักหน่อยแต่ก็ต้องเรียนรู้ปรับปรุงกันไปค่ะ”

“เรื่องของวิธีการทำงาน ปัจจุบันเรามีทั้งหมด10 สาขาทั่วประเทศ แน่นอนค่ะว่าตัวเราเองไม่สามารถที่จะลงไปดูแลได้ครบถ้วนทั้งหมด เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีการฟอร์มทีมขึ้นมา ซึ่งเราถือว่าโชคค่อนข้างดีที่มีน้อง ๆ คนเก่งมากมายเลยมาช่วยกันดูแลตรงส่วนนี้ คือนอกจากช็อปแล้วก็ยังมีเคาท์เตอร์อีกกระจัดกระจายกันไป น้อง ๆ ก็จะแบ่งความรับผิดชอบกันได้ค่อนข้างดี คนไหนดูช็อปคนไหนเค้าท์เตอร์ ใครดูเรื่องเทรนด์ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องมีทีมงานหลาย ๆ ส่วนเข้ามาช่วยกัน และยิ่งเป็นน้อง ๆ รุ่นใหม่ เจนใหม่ ก็จะมีมุมมองแนวคิดที่เท่าทันกับยุคสมัย ด้วยความที่เราต้องเป็นผู้นำตลอด แต่บางครั้งด้วยวัยของเราอาจจะตามกระแสไม่ทัน หรืออาจจะมีเรื่องของมุมมองที่ไม่เวิร์คกับปัจจุบัน ก็จะได้น้อง ๆ มาช่วยดูแลส่วนนั้น ทำให้เราสามารถไว้วางใจดูแลในภาพรวมได้สบายใจยิ่งขึ้น เรื่องการทำงานไม่ใช่ว่าจะมองแต่เรื่องผู้ใหญ่มาก่อนอย่างเดียว คือต้องเข้าใจด้วยว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน วิธีคิดหรือมุมมองบางอย่างมันก็ไม่สามารถเข้ากับปัจจุบันได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีเด็ก ๆ ที่เข้าใจการทำงานในตอนนี้เข้ามาช่วยเสริมด้วย”

การร่วมมือกับศิลปินร็อคระดับประเทศอย่าง Bodyslam เกิดขึ้นได้อย่างไร?
“ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่า เมื่อปีที่แล้วร้าน YEAH ของเราครบรอบ 21 ปี ซึ่งไปตรงกับการครบรอบ 70 ปี ของแบรนด์ Palladium ทีนี้ทางแบรนด์อยากที่จะทำโปรเจ็กต์อะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ก็เลยทำการบ้านกันว่าสิ่งไหนแบบใดจึงจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ แล้วเป็นจังหวะพอดีที่เราได้ทราบว่าพี่ ๆ วง Bodyslam วงร็อคชื่อดังเนี่ย มีความชื่นชอบรองเท้า Palladium อยู่เป็นทุนเดิม รวมทั้งพวกเขายังสวมใส่ในชีวิตประจำวันอีกด้วย เราก็เลยคุยปรึกษากันกับทางบริษัทแม่ของ Palladium ว่าถ้าเป็นการครีเอทรองเท้ารุ่นพิเศษขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่าทางบริษัทแม่โอเค เราเลยเป็นคนกลางประสานงานติดต่อให้ตั้งแต่แรกเริ่ม จวบจนกระทั่งโปรเจ็กต์เสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็น Palladium x Bodyslam อย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน ซึ่งก็ถือเป็นแบรนด์รองเท้าแบรนด์แรกเลยนะที่ได้ร่วมงานกับทางพี่ ๆ ศิลปินชื่อดังอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย มาร่วมออกแบบรองเท้าที่เป็นสไตล์ของวง รวมถึงตามคาแรกเตอร์แต่ละคน ทั้งหมดเนี่ย Palladium ออกมา 5 รุ่น 5 คอลเลคชั่น ด้วยกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของศิลปินทั้ง 5 ท่านของวง Bodyslam เริ่มจากการให้พี่ ๆ Bodyslam ออกแบบรองเท้าที่ตรงกับคาแรกเตอร์ของแต่ละคนที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีรุ่นรองเท้าที่ชอบหรือว่าใส่ใช้งานที่แตกต่างกัน จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของดีไซน์ อย่างเช่นสัญลักษณ์ของวงจะเอาไปวางตรงไหน สีจะเป็นยังไง จนออกมาเป็นรองเท้าที่เรียกว่า Exclusive เฉพาะของแต่ละคนเลยแฟนคลับของใครก็จะได้รองเท้าที่คนนั้นออกแบบไปไว้ในครอบครองเลยค่ะ”

พื้นฐานครอบครัวเป็นอย่างไร ทำไมจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจเอง?
“พื้นฐานครอบครัวของพี่ไม่มีใครทำธุรกิจอะไรเลยนะ เราแหวกแนวออกมาจากทุกคนเลยเพราะว่าคุณแม่ก็เป็นแม่บ้าน คุณพ่อเป็นนักบัญชีพี่น้องคนอื่น ๆ ก็จะทำงานธนาคารบ้าง รัฐวิสาหกิจบ้าง มีแค่เราคนเดียวที่แหวกแนวครอบครัวออกมาทำธุรกิจเลย ที่แยกออกมาทำธุรกิจเองก็เพราะตั้งแต่เรียนจบสิ่งที่คิดตอนนั้นคือการที่เราอยากมีรายได้เข้ามาทุกวัน เลยนั่งคิดว่าถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงถึงจะมีเงินเข้าทุกวัน ก็คิดขึ้นมาว่าเราต้องขายของเงินถึงจะมีเข้ามา ก็เลยตัดสินใจทำธุรกิจขึ้นมา ก็คุยกับเพื่อนหลาย ๆ คน ทำกันเองตั้งแต่แรกเริ่มเลย ช่วยกันปลุกปั้นกันมาตั้งแต่เมื่อ 22 ปีก่อน

“ตัวพี่จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คงจะสงสัยกันว่า เอ๊ะ จบมนุษย์มาแล้วทำไมถึงมาทำงานบริหาร จริง ๆ แล้วทุกอย่างที่เรียนมาเราสามารถนำมาปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้นะ คือในการทำธุรกิจเนี่ยทุกธุรกิจจะต้องมีปัญหาแน่นอน เราต้องมีสติ และต้องเชื่อในตัวเองว่าตัวเราสามารถทำได้ อุปสรรคหรืองานที่มีปัญหามันต้องผ่านไปได้ถ้าเรามีสติ อาจจะต้องใช้เวลากับมันบ้าง แล้วทุกอย่างจะสามารถคลี่คลายได้”

ไลฟ์สไตล์คุณศิรินพร ตัณฑุลวิสุทธิ์ เป็นอย่างไร?
“จริง ๆ แล้ว ไลฟ์สไตล์เราอาจจะมองว่าเป็นคนน่าเบื่อนิดนึงนะ คือว่าตัวเราเองเป็นคนชอบทำงาน ตลอดทั้งสัปดาห์ 7 วัน นี่คือทำงานหมดเลย แต่ถ้ามีเวลาก็อาจจะดูหนังบ้าง พักผ่อน หรืออาจจะเป็นการช้อปปิ้งคลายเครียดบ้าง แต่การเดินช้อปปิ้งของเราก็จะเป็นการทำงานไปด้วย ระหว่างเดินดูของเราก็จะคอยดูคอยสังเกตว่าตลาดแฟชั่นตอนนั้นเป็นยังไง มีอะไรน่าสนใจบ้าง เราจะสามารถทำอะไรกับมันได้บ้างประมาณนี้ค่ะ เรียกว่าบ้างานก็ไม่ผิดนะ การไปพักผ่อนบางทีเราก็ยังคงทำงานตลอดไม่ค่อยได้ออกไปแอดเวนเจอร์อะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะใช้เวลากับครอบครัวมากกว่า อย่างวันอาทิตย์ช่วงเช้าอาจจะเคลียร์งานสักเล็กน้อย เสร็จแล้วก็ไปบ้านเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ ตกเย็นก็กลับมาทำงานต่อ หรือถ้าเป็นการเดินทางไปต่างประเทศเราก็จะไปดูงานหรือประชุมบ้าง พอหลังจากเสร็จงานก็จะไปเดินดูตลาด ก็ถือโอกาสทำงานอีกว่ามีอะไรน่าสนใจ เพราะว่าเราตามไม่ได้ เรื่องของแฟชั่นเราต้องเป็นผู้นำอยู่เสมอ ทุกอย่างเอามาผูกเป็นเรื่องงานหมดเลย”

แนวโน้มในอนาคตของ YEAH จะเป็นไปอย่างไร?
“ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ใครก็สามารถที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์เองได้ และแน่นอนเรื่องของแฟชั่นมันไม่มีอะไรตายตัว เพราะฉะนั้นถ้าใครมีความสามารถผลักดันแบรนด์ของตัวเองจนเป็นที่รู้จักได้ เราก็มองว่าเรื่องพวกนี้สำคัญนะ ยิ่งถ้าผลงานแบรนด์ไทยสามารถทำให้ทั่วโลกรู้จักได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เยี่ยมเลย พวกเราพร้อมสนับสนุน น้อง ๆ รุ่นใหม่ หรืออาจจะเป็นรุ่นเก่าแต่หน้าใหม่ที่มี ไอเดียดี ๆ ทางเราก็เปิดโอกาสในส่วนนี้ให้เข้ามา คุยกันได้นะ ยิ่งยุคสมัยนี้เรื่องของการสร้างสรรค์ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดโลก ก็คงไม่ผิด เพราะฉะนั้นเราก็อยากให้เกิดการร่วมมือตรงส่วนนี้มากขึ้น ถ้าเราสามารถเป็นสื่อกลางที่ได้ช่วยเหลือการนำเสนอผลงานเหล่านั้น ให้ได้รับการผลักดันจนเป็นที่รู้จัก ก็สามารถเข้ามาร่วมจอยกันได้เลยค่ะ”

“นอกจากนี้ ร้านของเราเป็นตัวกลางนำเสนอ สินค้าหรือผลงานอย่างที่กล่าวไปแล้ว ทีนี้เราก็มีความคิดที่จะปั้นโปรดักส์ที่เป็นแบรนด์ YEAH ของตัวเองขึ้นมา เคยถามน้อง ๆ เหมือนกันว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องมีโปรดักส์ของตัวเอง ตอนนี้ก็กำลังมีการดำเนินการอยู่ เป็นโปรเจ็กต์ที่ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมาก เพียงแต่ว่าตอนนี้ ต้องขออุบไว้ก่อน ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ แต่ว่ามีแน่นอนค่ะ อยากให้รอติดตามกัน”

• คุณศิรินพร ตัณฑุลวิสุทธิ์ จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยร่วมกับกลุ่มเพื่อนก่อตั้งบริษัท อรสาสินทวี เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดังจากต่างประเทศ
• ปัจจุบันร้าน YEAH มีทั้งหมด 10 สาขา ได้แก่ สาขาสยามสแควร์, สาขาสยาม 1688, สาขาปิ่นเกล้า, สาขาลาดพร้าว, สาขาพระราม 9, สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์, สาขาเอสพลานาด รัชดา, สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่, สาขารังสิต และสาขาโคราช
• นอกจากนี้ยังมีเคาท์เตอร์อยู่ทั่วประเทศ
• YEAH เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยเป็นพันธมิตรร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย อาทิ Palladium, Vans, OBEY, Decay เป็นต้น

"เรื่องของแฟชั่น เราต้องเป็นผู้นำ เราจะเป็นผู้ตามไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นเราเองที่ไม่มีใครจดจำ"

TEXT : Surasak S.
PHOTO : Nutchanun Chotiphan

interview