THAI SCREENWRITER, DIRECTOR AND ACTOR - ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
หลายคนจะรู้จัก เต๋อ ฉันทวิชช์ ในบทบาทนักแสดงที่เป็นพระเอกจอมกวน จนกลายเป็นภาพจำว่านี่แหละคือคาแรกเตอร์ของเขาไม่เพียงแต่งานเบื้องหน้าเท่านั้น งานเบื้องหลังหนุ่มเต๋อก็มีหลากหลายบทบาท ทั้งเขียนบทภาพยนตร์ ทั้งเป็นผู้กำกับเอง ไปจนถึงบางเรื่องทั้งแสดงและกำกับเอง เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มมากความสามารถอีกคนในวงการภาพยนตร์ไทย
“จริง ๆ ผมอยากเป็นหมอนะ เพราะว่าหมอเป็นอาชีพที่รวย เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กเวลาที่พ่อกับแม่จะพาไปหาหมอ พ่อกับแม่ก็จะดูให้ความเคารพนับถือคุณหมอมาก เราก็รู้สึกว่าการเป็นหมอน่าจะดีที่สุดสำหรับเราในช่วงเวลานั้น พอเรียน ม.ปลาย เราก็ได้ค้นพบกับสิ่งที่เรียกว่าฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้วก็เริ่มนอยด์รู้สึกว่าเราจะต้องอยู่กับมันตลอดไปเลยหรอ? พอช่วงเอนทรานซ์ ก็เลยเปลี่ยนแนวมาเรียนคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกภาพยนตร์และภาพนิ่ง
“ช่วงวัยเรียนทำให้เราได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วเขามีงาน ก็จะเรียกรุ่นน้องไปช่วย ไปออกกอง ไปเอ็กซ์ตร้า เราก็เริ่มได้รู้จักการแสดง รู้จักกองถ่ายตั้งแต่นั้น ช่วงนั้นเรื่อง “แฟนฉัน” ดังมาก ทำให้วงการหนังของไทยกลับมาบูมอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยมีโอกาสไปออกกองต่าง ๆ เยอะมาก จนได้ไปช่วยพี่ย้ง-ทรงยศ ในกองถ่ายเรื่อง “เด็กหอ” นั่นก็เป็นที่มาของการที่เราได้ทำงานเบื้องหลังมาเรื่อย ๆ
“เริ่มต้นงานเขียนบท เริ่มจากโปรเจ็กต์ จบปี 4 ที่นักศึกษาจะทำร่วมกัน มีเพื่อนอีกคนเป็นผู้กำกับแล้วเราก็ไปช่วยเขาเขียนบท เรื่องนั้นพี่เก้ง จิระ มะลิกุล ได้ดูแล้วพี่เขาชอบก็เลยดึงเพื่อน ๆ และเราไปช่วย หลังจากนั้นทั้งทีมก็แยกย้ายไปทำอย่างอื่น
“เริ่มต้นชีวิตนักแสดงเลยก็คือเรื่อง ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น เป็นเรื่องแรกที่ได้มีโอกาสเล่นจริง ๆ ซึ่งพี่ย้งเห็นว่าตอนนั้นเราก็มีถ่ายโฆษณาบ้าง พี่ย้งก็เลยให้เราไปแคส แล้วอยู่ ๆ เขาก็เลือกเราเล่นเฉยเลย พอได้เล่นเรื่องนั้นก็เลยมีงานแสดงมาเรื่อย ๆ ในเรื่อง กวน มึน โฮ ผมว่าเรื่องนี้แหละทำให้คนรู้จักผมเยอะที่สุด เพราะว่าเขียนบทเองเล่นเองก็เลยเป็นงานเรื่องแรกที่เราได้ทำสองอย่างด้วยกัน
“วงการภาพยนตร์ในไทย บางทีก็จะมีจุดที่ซบเซา บางทีก็จะบูมก็บูมขึ้นมา มันก็เป็นธรรมดาของโลก แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องใส่ใจก็คือเรื่องของบทภาพยนตร์ อย่างที่พี่เก้งเคยบอกไว้ว่า บทที่ดีสามารถทำให้เกิดหนังที่ดีหรือหนังที่ไม่ดีก็ได้ บางคนเอาบทดี ไปทำหนังที่ไม่ดีก็มี เช่นเดียวกันกับบทที่ไม่ดี ก็สามารถทำให้เป็นหนังที่ดีได้เช่นกัน เรียกได้ว่าบทคือกระดูกสันหลัง เมื่อเราใส่ใจกับบทแล้วหนังที่ออกมามันก็จะดีขึ้น หลากหลายมากขึ้นสนุกมากขึ้น คนก็น่าจะหันมาสนใจหนังไทยมากขึ้น
“ผลงานที่เรียกได้ว่าเป็นมาสเตอร์พีช ที่ผมภูมิใจกับมัน เป็นเรื่อง แฟนเดย์ ครับ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นความท้าทายส่วนตัวของผม ที่ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงบุคลิก เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทุกคนรู้จัก เพราะคนจะรู้ว่าผมเป็นคนเฮฮา กวน ๆ และนี่เป็นเรื่องแรกที่เราจะต้องจริงจังกับตัวละคร เป็นอีกแบบหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวเราเลย ความภูมิใจก็คือเหมือนเราทำได้ แล้วคนก็ชื่นชอบ แล้วก็เชื่อในตัวละครที่เราได้รับบท
“ตอนนี้ก็มีโปรเจ็กต์ใหม่มาเรื่อย ๆ ขออุบไว้ก่อน ก็อยากจะให้แฟน ๆ ได้ติดตามผมในแอพลิเคชั่นเอสเคปเอ็กซ์ (EscapeX) เป็นแอพลิเคชั่นส่วนตัวของผมที่สามารถติดตามเรื่องราวส่วนตัวของผมได้อย่างใกล้ชิด ดีใจที่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของแอพลิเคชั่นนี้ สิ่งที่ดีใจมากกว่านั้นก็คือผมจะได้ตอบแทนแฟน ๆของเราจริง ๆ ตอบแทนในลักษณะที่เขาได้อะไรกลับไปจริง ๆ ก็จะมีคอนเทนต์อะไรแบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ บางคนก็จะได้เจอเรา ได้ของที่เป็นของเราจริง ๆ ได้สิ่งที่มาจากตัวเราจริง ๆ ก็จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มอบให้แฟน ๆ ที่ติดตาม แต่ผมรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่จริง ๆ สำหรับแฟน ๆ ของเรา
“ท้ายนี้ก็อยากจะฝากถึงน้อง ๆ ที่ได้อ่านกัน ผมเชื่อว่าเด็กทุกคน วัยรุ่นทุกคนมีความใฝ่ฝันอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นบ่อย ๆ เลย คือ...ท้อ สมมติเราทำหนังสั้นแล้วโดนวิจารณ์ยับ เขาก็จะเลิกทำแล้วไปทำอย่างอื่น ผมรู้สึกเสียดายมากนะ เพราะว่าบางคนเก่งมากเลยแต่เขารับไม่ได้กับความผิดหวังเพียงเล็กน้อยเสียดายความสามารถ เสียดายโอกาสที่เขาจะได้เติบโต ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เคยล้มเหลวทั้งนั้นเพราะล้มเหลวเขาจึงจะได้รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองลุกขึ้นมายืนได้ เขาจะไม่มีทางล้มแบบเดิมอีกต่อไป อย่าให้ความล้มเหลวมาจำกัดชีวิตเรา ว่าเราจะต้องเป็นยังไง”
MORE INFORMATION
แฟน ๆ สามารถดาวน์โหลดได้แล้วทั้ง PLAY STORE และ APP STORE โดยค้นหาคำว่า Ter Chantavit official App
TEXT : Phattaranit Suphason
PHOTO : Nutchanun Chotiphan