EDITOR’S PAGE

EDITOR’S PAGE

ผมได้รู้จักท่านศาสตราจารย์ระพี สาคริก เมื่อปี 2555 ด้วยการไปสัมภาษณ์ท่านลงนิตยสาร นับตั้งแต่นั้นมาผมก็สัมผัสได้ถึงความรักและเมตตาจากท่านที่มอบให้มาโดยตลอด ในวันนั้นเองผมก็ได้บอกกับท่านว่า เมื่อผมพบท่านผมรู้สึกว่ากำลังได้คุยกับคุณปู่ของผมและความรู้สึกนั้นก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ผมก็รู้สึกว่าท่านเหมือนพ่อคนหนึ่งของผมอย่างที่ใครหลาย ๆ คนเรียกท่านว่าคุณพ่อ ทุกครั้งที่ได้พบผมจะถามท่านอยู่เสมอว่า อายุขนาดนี้แล้วยังทำงานไม่มีวันหยุดเลยหรือ ท่านได้ตอบผมว่าเคยสัญญากับในหลวงรัชกาลที่ 9 และแผ่นดินนี้ไว้แล้วว่าจะทำงานถวายชีวิต และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ความสุขของท่านไม่ใช่การพักผ่อนแต่เป็นการคิดและทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างจริงจังอยู่เสมอ จนถึงวันที่ท่านล้มป่วยและถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 ท่านจึงนับเป็นข้าของแผ่นดินอย่างแท้จริง

ตลอดระยะเวลาที่ได้รู้จักท่านผมได้เรียนรู้จากเรื่องราวประสบการณ์ ทัศนคติที่ดี จากปราชญ์ท่านนี้อย่างล้นเหลือ นับเป็นบุญวาสนาอย่างแท้จริงในชีวิตยิ่งนักที่มีโอกาสได้สนทนาอย่างเป็นกันเองกับนักปราชญ์เช่นท่าน ย่อมเป็นความทรงจำที่งดงามที่จะคงประทับอยู่ในใจของผมตลอดไป

มีเรื่องราวดี ๆ และมีประโยชน์อีกมากมายของท่านที่ผมอยากจะแบ่งปันให้ได้รับรู้รับทราบ แต่ในโอกาสนี้ผมขอเขียนถึงเรื่องราวของการเป็นบิดาแห่งกล้วยไม้ไทย ที่ท่านได้นำไปสู่สากล รวมไปถึงองค์กรสำคัญระดับโลกยังมีหนังสือยกย่องและเชิญไปประชุมอย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ผมว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่า ในอดีตนั้นเรื่องของกล้วยไม้ไทยเป็นเรื่องของการแบ่งชนชั้นทางสังคม หรือผู้มีอันจะกินเท่านั้นที่สามารถจะปลูกหรือเลี้ยงกล้วยไม้และได้สัมผัสความงามของมันได้ ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงอุทิศตนพยายามพัฒนาและวิจัยกล้วยไม้อย่างจริงจัง และในที่สุดท่านก็ได้ทำลายกำแพงให้คนธรรมดาสามัญสามารถเข้าถึงความงามของพืชพันธุ์แห่งกล้วยไม้ได้อย่างเท่าเทียมกันเช่นวันนี้ เห็นไหมครับว่าแค่เรื่องของกล้วยไม้ยังมีอะไรที่ซ่อนเรื่องราวที่หลายคนไม่เคยรู้โดยเฉพาะในวันนี้กล้วยไม้สวยงามสามารถเข้าไปอยู่ได้ถ้วนทั่วทุกครัวเรือนได้อย่างง่ายดาย

วันนี้ไม่แปลกหรอกครับที่ว่าศาสตราจารย์ระพี สาคริก จะได้รับการเคารพยกย่องให้เป็นบิดาแห่งกล้วยไม้ไทย รวมไปถึงในแวดวงแห่งการศึกษา อีกทั้งเป็นปราชญ์แห่งยุคนี้ และปูชนียบุคคลอย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่ท่านทำมาตลอดทั้งชีวิตเป็นที่ประจักษ์แล้ว

ผมจึงขอใช้พื้นที่ของผมในฉบับนี้ เขียนถึงเรื่องราวบางส่วนของศาสตราจารย์ระพี สาคริก ผู้เป็นที่รักและเคารพอย่างยิ่งของผมเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยต่อท่าน แล้ววันหนึ่งเราจะได้พบกันครับท่านอาจารย์

บรรณาธิการบริหาร : ชโลทร ศิวารัตน์

editor