ความแตกต่าง ของ ฟุตบอลลีกใหญ่

ความแตกต่าง ของ ฟุตบอลลีกใหญ่

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ ปี 2560 แฟน ๆ ท่านผู้อ่านหนังสือ MiX MAGAZINE ทุกท่านซึ่งปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่น่าเศร้าและไม่น่าจดจำอย่างยิ่ง ดังนั้นขอเริ่มคอลัมน์ฉบับแรกของปีด้วยเรื่องเบา ๆ โดยเฉพาะเรื่องของฟุตบอลต่างประเทศ  

ถึงแม้ในปัจจุบัน “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ”จะเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแต่เชื่อว่าลีกอื่น ๆ ก็สนุกไม่แพ้กันในรูปแบบที่แตกต่างทั้ง “ลาลีกา สเปน”, “บุนเดสลีกา เยอรมัน”, “กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี” หรือ “ลีกเอิง ฝรั่งเศส” ที่มีให้ติดตามกันในบ้านเรา อย่างไรก็ตามหลาย ๆ คนอาจจะเคยดูหรือผ่านตาฟุตบอล 5 ลีกใหญ่ของยุโรปมาแล้ว และน่าจะพอรู้สึกได้ว่าแตกต่างกันอย่างไรแต่มีบทความต่างประเทศที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งซึ่งมาจากบทสัมภาษณ์ของ “อาร์แซน เวงเกอร์” นายใหญ่ของ “อาร์เซน่อล” คนปัจจุบันที่แยกแยะความแตกต่างและจุดเด่นของแต่ละลีกไว้อย่างน่าสนใจ

เริ่มจากลีกแรก “ลาลีกา สเปน” ซึ่งเวงเกอร์ให้นิยามว่าเป็นลีกที่เน้นในเรื่องของ “เทคนิค” ที่ทุก ๆ ทีมเน้นในเรื่องคุณภาพของเรื่องนี้ ทำให้บางครั้งถ้าไม่ใช่ทีมใหญ่ที่มีซูเปอร์สตาร์ในทีมมากมายเจอกันคนทั่วไปอาจจะดูไม่สนุก และไม่แปลกว่าทำสถิติเฉลี่ยนของผู้ชมในสนามของลีกนี้ถึงน้อยที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป แต่การที่นักเตะมาเล่นในลีกนี้ถือว่าเป็นโรงเรียนของนักเตะที่ได้พัฒนาฝีเท้าของตัวเองเป็นอย่างดี รวมทั้งเทคนิคฟุตบอลที่ครองโลกอย่าง “Tiki-Taka” ก็มาจากที่นี่

ลีกต่อมาคือ “บุนเดสลีกา เยอรมัน” ที่เวงเกอร์บอกว่าถ้าคิดถึงลีกนี้ สิ่งที่คิดถึงคงเป็น “การเคลื่อนไหว”, “สปิริตทีม” และ “ผลลัพธ์” ด้วยนิยามว่า ทีมต่าง ๆ ในเยอรมันทำงานอย่างหนักนอกสนามหรือในสนามซ้อม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ (ผลการแข่งขัน หรือ ความสำเร็จ) ที่ดีในสนามภายใต้ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการสะท้อนภาพและลักษณะนิสัยของคนเยอรมันเป็นอย่างดี ดังนั้นไม่แปลกว่าทำไมระบบการสร้างดาวรุ่งที่เก่งและมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมถึงมาจากที่นี่ นอกจากนั้นเจ้าตัวยังบอกว่าลีกนี้มีบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมและการสนับสนุนจากแฟนบอลที่เข้ามาชมเกมเต็มสนามตลอด

ขณะที่ “กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี” นายใหญ่ของปืนใหญ่บอกว่า ด้วยรูปแบบที่มีทีมในลีกเพียงแค่ 16 ทีมก่อนหน้านี้ (เดี๋ยวนี้มี 20 แล้ว) ทำให้แต่ละทีมต้องแข่งขันกันอย่างหนัก ไม่ว่าจะลุ้นแชมป์ โควตายุโรปหรือหนีตกชั้นที่สมัยก่อนเอาถึง 4 ทีม ทุกทีมต้องเน้นในเรื่องของ “เกมรับที่เหนียวแน่น” เพราะไม่มีทีมไหนอยากแพ้เพราะความเสียหายไม่ใช่แค่แพ้ในเกมนั้นเท่านั้น สิ่งสำคัญของทีมฟุตบอลในสไตล์อิตาเลี่ยนคือเกมรับ ทำให้อีกมุมนึงลีกนี้จึงเป็นลีกที่สามารถผลิตนักเตะกองหน้าชั้นยอดของโลกมากมาย ไม่ว่าจะในอดีตถึงปัจจุบันอย่าง “ดิเอโก้ มาราโดน่า”, “โรแบร์โต้ บักโจ้”, “อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่”, “คริสเตียน วิเอรี่”, “ฟิลิโป้ อินซ่ากี้”, “โรนัลโด้”, “เฮอร์นัน เครสโป”,“ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ” หรือคนอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน 

มากันที่ “ลีกเอิง ฝรั่งเศส” ที่เวงเกอร์บอกว่าในปัจจุบันกำลังมีปัญหาจากคำถามที่ว่า “ตัวตนที่แท้จริงของฟุตบอลฝรั่งเศส” เป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันมีนักเตะที่มาจากผู้อพยพจากที่ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในแอฟริกา แต่สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนเลยคือธรรมชาติของฟุตบอลฝรั่งเศสในปัจจุบัน “เน้นความแข็งแกร่งของร่างกายมากกว่าเทคนิคของนักฟุตบอล”

ปิดท้ายที่ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งเจ้าตัวทำงานมาเพิ่งครบ 20 ปีกับลีกนี้บอกว่า ลีกอังกฤษมีจุดเด่นในเรื่องของ  “การแข่งขัน” ,“คำมั่นสัญญา” และ “ความเร็วของเกม”

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีแฟนบอลที่เสพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกทั่วโลกแต่ถ้าดูในสนามมีแฟนบอลรุ่นเก่ามากมายที่เชียร์ทีมโปรดของตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนแก่เหมือนคำมั่นว่าคุณจงรักภักดีกับทีมไหนแล้ว เหมือนคำสัญญาตลอดชีวิต ส่วนประเด็นเรื่อง “ความเร็วของเกม” เป็นสิ่งที่ต่างจากทุกลีกเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนถึงจะมีโค้ชฟุตบอลหรือนักเตะมาจากทุกมุมโลกแต่เวลาลงสนาม นักเตะเล่นกัน “เร็ว” มากบางทีเวลาไม่ถึงนาที ลูกบอลจากฝั่งหนึ่งสามารถไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสนามได้แล้ว ซึ่งนี้แหละอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมลีกนี้ถึงสนุกมากและเป็นลีกที่มีสถิติผู้ชมทั้งในสนามหรือนอกสนามมากที่สุดในโลก 

 

 

 

สัมภาษณ์ของ “อาร์แซน เวงเกอร์” ที่แยกแยะความแตกต่างและจุดเด่นของแต่ละลีกไว้อย่างน่าสนใจ