แจ๊ค ผู้ฆ่าเมีย
“เอาน้ำแข็ง โซดา มาอีกชุด แล้วเอาเนื้อย่างติดมันมาอีกจาน” คนผิวคล้ำตัวโตบอกกับเด็กเสิร์ฟ
“เสี่ยแจ๊คสบายใจได้ เด็กผมเก็บงานเรียบร้อย เสี่ยแจ๊คไม่ต้องกังวล” คนผิวคล้ำตัวโตพูด ขณะคีบน้ำแข็งใส่แก้วให้เขา
“อือ” เขาส่งเสียงสั้น ยกเหล้าขึ้นจิบ ไม่ได้แตะต้องกับแกล้มบนโต๊ะ ส่วนคนผิวคล้ำตัวโต ดื่มเหล้าน้อยแต่กินกับแกล้มเป็นหลัก
…เขายกเหล้าขึ้นจิบอีกรอบ และนึกภาพตามแผนการที่คนตัวใหญ่ว่า
“สักหกโมง ทุ่มนึง ผมจะไปหาเสี่ยแจ๊คที่บ้าน แล้วก็ชวนกันออกมากินเหล้าที่ร้านลาบในซอยบ้านเสี่ย สักสามทุ่ม ทั้งคุณนายกับพวกเด็กคนงานมันก็พาแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน ทีนี้พอสี่ทุมครึ่ง คนของผมก็จะเข้าไปจัดการกับคุณนาย แผนก็อย่างที่บอก คือเด็กผมมันก็แฝงตัวเข้าไปทำงานอยู่บ้านเสี่ยมาระยะหนึ่งแล้ว พอมันปีนเข้าไปข่มขืนแล้วฆ่าคุณนายเสร็จก็อาจจะเอาข้าวของติดมือไปสักหน่อย ทีนี้เราค่อยให้การว่า เด็กผมมันเล่นชู้กับคุณนายมานานแล้ว แล้ววันนี้คงทะเลาะอะไรกัน มันเลยฆ่าชิงทรัพย์ แล้วผมก็ให้อีกทีมเตรียมรถไปรับมันไปส่งชายแดน มันเป็นต่างด้าว เราก็ส่งให้มันหนีกลับบ้านมันเลย รับรองคดีฆ่ากันตายเล็ก ๆ แบบนี้ เขาไม่เสียเวลาไปตามล่าข้ามประเทศหรอก ทีนี้เรื่องเงินประกันเรื่องอะไรเสี่ยแจ๊คก็ค่อยว่ากันอีกที หลังเสร็จงานศพ”
(เริ่มเรื่อง)
วันที่เด็กชายแจ๊ค เปลี่ยนคำหน้านามตัวเอง จากเด็กชายเป็นนายวันแรก ก็คือวันที่แจ๊คย้ายข้าวของเข้าไปอยู่ร่วมชายคากับเมียของเขาถึงเธอจะบอกกับใคร ๆ ว่าแจ๊คเป็นน้องที่มาอยู่ด้วยกัน เพราะอายุอานามมันห่างกันถึง 16 ปี แต่ทุกคนในโรงงานก็รู้กันอยู่แก่ใจ ว่าแจ๊คเข้ามาอยู่ในฐานะอะไร ตอนนั้นแจ๊คเพิ่งเต็ม 15 ปี ส่วนเมียเขาก็ 31 ปี
ตอนเช้าเมียเขาจะขับรถไปส่งแจ๊คที่โรงเรียน แล้วให้ตังค์ไปโรงเรียนวันละ 200 บาท สมัยเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน เงินไปโรงเรียนวันละ 200 นี่ใช่น้อยเสียเมื่อไหร่ เรียกว่าแจ๊คเที่ยวเตร่เฮฮา ได้สบาย ๆ ทีเดียว แถมจะไปไหนมาไหนเมียเขายังให้พิเศษอีก สมัยนั้นแจ๊คเป็นฮีโร่ของเพื่อน ๆ จริง ๆ ยิ่งเป็นยุคที่หนังสือโป๊ประเภทม่ายสาวพราวสวาทกับเด็กหนุ่มน้อยวัยกำดัด กำลังเป็นที่นิยมชมชอบของบรรดาไอ้หนุ่มหัวสิว วัยแตกพาน ชีวิตคู่ของแจ๊คยิ่งเป็นที่ฮือฮาในหมู่เพื่อนฝูง โชคดีที่สมัยนั้นสังคมยังไม่เปิดเหมือนตอนนี้ แจ๊คเลยไม่ค่อยเตลิดเปิดเปิงเท่าไหร่แต่แจ๊คก็ยังคบหาสาว ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันอีกเป็นโขยง แถมเมียเขาก็ไม่ว่าไม่บ่น คือขอให้แจ๊คกลับบ้านเป็นพอ
แต่ทุกความสุขในโลกก็ล้วนมีอายุของมัน ความสุขของแจ๊คเริ่มเสื่อมลงเมื่อเขาเข้ามหาวิทยาลัย คราวนี้เป็นแจ๊คเองต่างหาก ที่เที่ยวบอกใคร ๆ ว่าไม่ใช่เมียแต่เป็นพี่สาว เพราะอะไรอันนี้ก็คงไม่ต้องบรรยายกันมาก โดยเฉพาะในรูปวันรับปริญญา ที่แจ๊คถ่ายรูปคู่กับเมียของเขา ทั้งกอดทั้งหอมแก้มกัน จนเพื่อนทักว่าแม่มึงยังสาวและสวยอยู่เลยนะแจ๊ค
เพราะแจ๊คเป็นคนฉลาดและรักดี เขาจึงเลือกเรียนออกแบบเฟอร์นิเจอร์เพื่อมาต่อยอดการทำงานในโรงงานของเมียเขา และดีดธุรกิจจากระดับโรงงานบ้าน ๆ ให้กลายเป็นธุรกิจส่งออกได้ในเวลาไม่นาน
(กลางเรื่อง-ก่อนเกิดเหตุ)
ปีนี้แจ๊คอายุ 44 ปีบริบูรณ์ ส่วนเมียเขาก็เข้า 60 ปีพอดี ทรวงอกที่เคยเต่งตึงก็หย่อนยานไปตามอายุ สะโพกผายเหมือนแม่วัว ที่เขาเคยชมชอบ ก็เผละผละ ซอกคอขาวผ่องก็เหี่ยวย่นไปตามวัย แต่ที่เพิ่มเติมคือ ท่าทางใหม่ ๆ ของเมียเขา เช่นเผลอนั่งดูทีวีแล้วหลับกรน อ้าปาก ตามประสาคนเริ่มมีอายุ รวมไปถึงท่าทางและอื่นๆ เช่นคำพูดคำจาและการแต่งตัวเวลาอยู่บ้านของเมียที่เขาระอาเหลือใจ กับทรวงอกห้อย ๆ คล้อย ๆ ที่เป็นพังผืดชิ้นเดียวกันกับคอเหี่ยว ๆ นั้น มันทำให้เขาหมองตา หมองใจอย่างไรบอกไม่ถูก
.............................................................................................
“เสี่ยแจ๊คดื่มระวัง ๆ หน่อยครับ ผมเห็นเสี่ยยกเอา ๆ ผมกลัวว่าเดี๋ยวตอนเข้าบ้านไป แล้วต้องไปให้การ เราจะเสียแผนนะครับ ถ้าเสี่ยแจ๊คเมามาก”
“เดี๋ยวนี้มึงกล้าสั่งสอนกูเหรอ” เขาพูดเสียงปกติ แล้วยื่นแก้วเหล้าที่เพิ่งยกหมดส่งให้
“เปล่าครับเสี่ย ผมขอโทษครับ” คนตัวโตรับแก้วเหล้าไปผสมแล้วบรรจงวางลงตรงหน้าเขา
…เขายกเหล้าดื่มแบบรวดเดียวหมด แล้ววางแก้วเหมือนกระแทกลงบนโต๊ะ
“มึงโทรไปบอกเด็กมึง เดี๋ยวนี้ ว่ากูสั่งแคนเซิล แผนทั้งหมด ถ้าเมียกูเป็นอะไรไป กูจะฆ่าพวกมึง” เขายังพูดเสียงปกติ รับเหล้าแก้วใหม่ที่คนตัวโต ชงให้แล้วค่อย ๆ จิบ
“โทรหรือยัง กูบอกให้รีบ ๆ โทร”
“ครับเสี่ย” คนตัวโตรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร บอกยกเลิกเป็นภาษาต่างด้าว คุยกันอีกหลายคำ แล้วจึงกดวางหู
“มึงพูดอะไรกัน แปลให้กูฟังสิ”
“ไม่มีอะไรครับเสี่ย”
“กูบอกให้แปล” เขาวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ มองไปที่แก้วเหล้า ไม่มองหน้าคู่สนทนา
“ขอโทษเสี่ย มันบ่นว่า เสี่ยสั่งให้มันฆ่าคุณนายมาสิบกว่าครั้งแล้ว แล้วพอใกล้เวลาเสี่ยก็ยกเลิกทุกที คราวนี้มันก็เลยไม่ได้สแตนด์บายตามแผน มันว่าเดี๋ยวเสี่ยก็ยกเลิกอีก”
“อือ” เขาออกเสียงสั้น ๆ “เหล้าหมดหรือยัง”
“ยังครับเสี่ย เหลืออีกนิดหนึ่งนะครับ จะให้เพิ่มไหมครับ”
“พอแล้ว เริ่มเมาแล้ว” เขาส่งแก้วให้คนตัวโตเติมเหล้าแก้วใหม่