5G มาไวกว่าที่คิด สะเทือนธุรกิจแบบดั้งเดิม

5G มาไวกว่าที่คิด สะเทือนธุรกิจแบบดั้งเดิม

ในโลกดิจิตอลที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ที่เข้ามาท้าทายธุรกิจแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้บริหารองค์กรจำเป็นต้องมีการปรับตัว เพื่อพลิกโฉมรูปแบบธุรกิจให้ทันต่อสถานการณ์ จึงจะเป็นการดี หากผู้บริหารมีการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ด้วยการสร้างโอกาสใหม่ แทนที่จะรอวันตกขอบโลก เนื่องจากเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ในอนาคต ได้มีการพัฒนาเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ อย่างเช่น เครือข่าย 5G ที่กำลังจะได้ฤกษ์ออกสู่ตลาดในเร็ว ๆ นี

ในปัจจุบัน เครือข่าย 4G มีการพัฒนาเกือบถึงขีดสุด และแพร่หลายไปในหลายประเทศทั่วโลก การพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นถัดไปต่อจากนี้จะเกิดเป็นเครือข่าย 5G ที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในทางทฤษฎีแล้วคาดว่า 5G จะออกสู่ตลาดในปี 2020 หรือช้ากว่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ในอดีตได้เปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้ประกาศแผนจะทำการวางระบบ 5G ในปี 2018 ซึ่งเร็วกว่าที่มีการประกาศไว้ในงานการประชุมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากในปี 2015 ได้มีการประกาศว่าจะมีการ Launch ระบบ 5G ในปี 2020 และที่สำคัญมากไปกว่านั้น ก็คือ 5G จะเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเทคโนโลยี 4G และจะเกิดการพลิกผันในหลายธุรกิจ (Market Disruption) และในทุก ๆ อุตสาหกรรม จึงได้เวลาแล้วที่องค์กรธุรกิจต่าง ๆ จะต้องตามให้ทัน 5G นอกเหนือไปจากความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ด้วยขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เท่า (อย่างต่ำ) เทคโนโลยี 5G จึงทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการปฏิวัติในอุตสาหกรรม IT จนส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยกระทบเป็นโดมิโน่ ซึ่งจากผลการวิจัยในสถาบันต่าง ๆ พบว่าวิวัฒนาการของ 5G จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม IT โดยได้มีการประกาศชัดเจนในงาน ITU World 2016 ที่ประเทศไทยแล้วว่า 5G จะเริ่มใช้อย่างเป็นรูปธรรมในช่วงต้นปี 2018 ในหลายประเทศ

ในแวดวงโทรคมนาคมระดับนานาชาติ มีการคาดการณ์ว่า 5G จะเข้ามาแทนที่เครือข่ายแบบมีสายและ Wi-Fi ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนบุคคล หรือใช้งานในองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่ง Wi-Fi อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในอีก 4 ปีข้างหน้า สุดท้ายอาจจะเป็นเพียงเทคโนโลยีเสริมให้ 5G ทำงานได้ดีขึ้น จนในที่สุดอาจจะไม่ได้รับความนิยมจนต้องหยุดการพัฒนาและเลิกใช้ไปในที่สุด

ประเด็นสำคัญที่มีการพูดถึงกันอย่างมากคือ 5G จะมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมอย่างฉับพลัน (Disruption) เพราะการมุ่งไปสู่การพัฒนา 5G บวกกับการให้บริการทุกรูปแบบบนระบบคลาวด์ จะช่วยให้เกิดการบริการใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต รวมไปถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น On-Demand ขององค์กร และเนื่องจากระบบดังกล่าวมีความยืดหยุ่น มีความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจและองค์กร มีขีดความสามารถในการประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้ระบบเครือข่ายขององค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล สามารถสร้างธุรกิจที่ปรับขนาดและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นเครื่องมือสำคัญต่อองค์กรในการปรับตัวรับมือกับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคตโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนจม เพราะองค์กรสามารถใช้งานโครงข่าย 5G ที่ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว จนไม่ต้องสร้างโครงสร้างของตนเอง จึงไม่ต้องแบกรับกับต้นทุนที่มหาศาลในระยะยาวอีกต่อไป

โอกาสใหม่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเกิดจากการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะมาร่วมกันพัฒนาทั้งในส่วนการสร้างสิ่งแวดล้อมในด้านนโยบายการพัฒนาด้านดิจิตอล การปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รวมไปถึงการจัดสรรทรัพยากรโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือการสร้าง Human Capability ของไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศของเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของไทย สืบไป ในขณะที่เกิดโอกาสใหม่ของคนรุ่นใหม่ แต่ก็คงจะมีองค์กรและคนที่จะตกขอบโลกเป็นจำนวนมากเช่นกัน” 

 

 

ครือข่าย 5G ที่กำลังจะได้ฤกษ์ออกสู่ตลาดในเร็ว ๆ นี