ชื่นชมผลงาน สมาคมฟุตบอลไทย

ชื่นชมผลงาน สมาคมฟุตบอลไทย

คอลัมน์ประจำเดือนนี้ขอเขียนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลไทยบ้าง โดยเฉพาะการทำงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถ้าจำกันได้เมื่อปีที่แล้ว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่ ซึ่งผมมองภาพรวมของคณะทำงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยชุดใหม่น่าเป็นห่วง เพราะคนที่มีพื้นฐานเรื่องของฟุตบอลไม่เยอะ และคนที่มีโอกาสเข้าไปบริหารอยู่ในสภากรรมการก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะกล้าที่จะออกมาพูดคุยในเรื่องราวต่าง ๆ 

เวลาผ่านไป 1 ปี สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปมากมาย หลายอย่างที่ผมเขียนท้วงติง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในเรื่องของการออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับสมาคมฯ ว่าเกือบทุกเรื่องราวในสมาคมฟุตบอลคนที่จะออกมาให้ข่าว มาสัมภาษณ์ ทำทุกอย่างในเรื่องของสมาคมผมเห็นเพียงคนเดียวคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง วันที่ผมไม่มีโอกาสรู้ข้อเท็จจริง ผมสงสัยว่าทำไมสภากรรมการคนอื่น ๆ ถึงไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่พอเวลาผ่านไปผมมีโอกาสใกล้ชิดพูดคุยกับคนที่อยู่วงในที่ทำงานอยู่ในสมาคมชุดนี้ ได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามีการตกลงกันในคณะทำงาน ว่าถ้าปล่อยให้ทุกคนพูดข่าวที่ออกมาอาจจะมีทิศทางที่ไม่เหมือนกัน ในเรื่องสัมภาษณ์สื่อก็มอบหมายให้ท่านนายก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการให้ข่าว 

หลังจากผ่านมา 1 ปีเต็ม ผมเข้าไปรู้เรื่องราวต่าง ๆ ยิ่งรู้ก็ยิ่งรู้สึกดี โดยเฉพาะในเรื่องของการเปิดประมูลสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการมอบหมายให้บริษัทมาเปิดซองประมูลว่าใครจะให้สิทธิประโยชน์ ให้เม็ดเงินกับสมาคมมากที่สุดเพื่อใช้ในการบริหารจัดการเริ่มต้นผมทราบแค่บริษัท แพลน บี ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ชนะในการประมูลมีเม็ดเงินจำนวน 700 ล้านบาท ที่ให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เรื่องนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนผมก็ฟังและคิดว่ามันคงเป็นตัวเลขลอย ๆ สิ่งต่าง ๆ
ในสมัยก่อนบางครั้งก็พิสูจน์ไม่ได้ แต่กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทุกอย่างชัดเจน ถามว่า บริษัท แพลน บี ได้อะไรจากการที่มาประมูล บริษัท แพลน บี ก็เหมือนเอเจนซี่ จะได้รับค่าบริการที่ดูแลการหาเม็ดเงินประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเงินที่เหลือก็เป็นเรื่อง บริษัท แพลน บี มอบเงินให้กับสมาคมนำไปใช้จ่ายในเรื่องการบริหารจัดการ โดยที่ บริษัท แพลน บี ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องของการใช้เงินแม้แต่นิดเดียว

นอกจากในเรื่องสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการหาเม็ดเงินมาให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้ว การเปิดประมูลในเรื่องชุดแข่งขัน ซึ่งแต่ก่อนนั้นเป็นเจ้าเดิม ๆ สัญญาในการประมูลเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบว่าสมาคมฯ ได้รับเงินเท่าไหร่ และสิ่งตอบแทนที่สมาคมมอบให้กับบริษัทที่มาเป็นตัวแทนในการผลิตชุดกีฬาของนักกีฬาทีมชาติมีอะไรบ้าง ซึ่งต่างกับสมัยนี้ที่ทุกอย่างโปร่งใส สามารถสอบถามได้ และทุกอย่างเกี่ยวกับสมาคมฯ ก็มีการเสียภาษีอย่างถูกต้องทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของคนที่มาเป็นโค้ชทีมชาติอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และทีมงาน ยิ่งเวลาผ่านไปความเป็นจริงที่เปิดเผยออกมามันก็ทำให้ผมเองและคนในแวดวงฟุตบอลเริ่มมีความหวัง ผมเชื่อมั่นว่าท่านนายกสมาคมมีความตั้งใจสูงและมีเป้าหมายชัดเจนที่อยากพัฒนาฟุตบอลเมืองไทยให้เทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเซีย และสามารถไปเล่นฟุตบอลโลกได้ 

เรื่องเหล่านี้สำหรับผมที่ผ่านมาเป็นเรื่องเพ้อฝัน ผมเคยบอกกับคนข้างเคียงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นฟุตบอลไทยไปบอลโลก เพราะว่าผ่านมาเกือบ 40 ปีที่ผมอยู่ในแวดวงฟุตบอลเมืองไทยบอกเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้มเหลว

แต่พอปีนี้ ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความคิด เริ่มรู้สึกว่าถ้าเราให้โอกาสคนที่มีความตั้งใจจริงเข้ามาบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถึงจะมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องฟุตบอลไม่มาก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ อาจจะใช้เวลานานหน่อยแต่มันอาจจะสร้างความฝันให้เป็นความจริงได้ และผมก็ยิ่งมันใจเพราะว่ายิ่งติดตามการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยภายใต้การบริหารงานของท่าน ผมยิ่งมั่นใจว่าฟุตบอลเมืองไทยมีอนาคตครับ หลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลง คณะทำงานถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้ตัดสิน เรื่องบทลงโทษหรืออะไรก็ตาม แต่คนเหล่านี้คือคนที่เข้ามาช่วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และมีความตั้งใจจริง และที่สำคัญก็คือ ทุกคนที่เข้ามาทำงาน ผมว่าไม่ใช่เสือหิวและทุกคนไม่หวังผลประโยชน์กับการที่เข้ามาช่วยงาน เพราะทุกคนถือว่าประสบความสำเร็จในการทำงานรับราชการมาจนกระทั่งเกษียณอายุและมาใช้เวลาในช่วงบั้นปลายชีวิตช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

ก็ขอชื่นชมนะครับ ในวันที่ผมตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในช่วงนั้น ผมเองก็ไม่ได้เกรงใจ พล.ต.อ.สมยศ เพราะว่าผมกับ พล.ต.อ.สมยศ ถึงแม้จะรู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยหรือคลุกคลี เพราะฉะนั้นการที่ผมออกมาเขียนบทความหรือแสดงความคิดเห็น ผมใช้ความคิดเห็นมุมมองส่วนตัวที่ต่อสู้กับแวดวงฟุตบอลเมืองไทยมาตลอดชีวิต และวันนี้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า ฟุตบอลไทยมีอนาคต 

ผลงานที่ผ่านมาของสมาคมฟุตบอลไทย ได้สร้างชื่อให้กับประเทศเป็นอย่างมาก