โฉมใหม่รถโดยสารของไทย โดย ศิวัช วงศ์บพิธ

โฉมใหม่รถโดยสารของไทย โดย ศิวัช วงศ์บพิธ

บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า บขส. เป็นธุรกิจที่เรียกว่าทำยากธุรกิจหนึ่ง เพราะด้วยสัดส่วนของการลงทุนที่ต้องใช้เงินมหาศาล อีกทั้งยังมีเรื่องของการบริหารจัดการขนาดใหญ่ต้องใช้จำนวนคนที่มาก คนที่เข้ามาลงทุนการทำธุรกิจประเภทนี้จึงต้องทุ่มเททั้งกำลังกายกำลังใจอย่างแท้จริง 

อย่างไรก็ตาม “สมบัติทัวร์” ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินรถโดยสาร ผ่านมาแล้วหลายยุคหลายสมัย แสดงให้เห็นว่าสามารถยืนอยู่บนธุรกิจสายนี้ได้ด้วยการให้บริการลูกค้าอย่างดีมาโดยตลอด วันนี้เรามาพบกับคุณตี้ ศิวัช วงศ์บพิธ ทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัท เทพสมบัติ จำกัด หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อสมบัติทัวร์ เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาบริหารงาน พยายามปรับเปลี่ยนโฉมหน้ารถโดยสารแบบเก่าให้ต่างไปจากเดิม 

ในวัยเด็กคุณตี้คลุกคลีอยู่กับธุรกิจเดินรถโดยสารของครอบครัวมาโดยตลอด ในช่วงมัธยมได้ศึกษาโรงเรียนเซนต์คาเบรียล แต่ด้วยความที่ไม่ได้อยากไปเรียนต่อในต่างประเทศ แต่ชอบธรรมชาติจึงเลือกที่ไปเรียนต่อปริญญาตรีบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เมื่อเรียนจบก็กลับมาเรียนต่อปริญญาโทสาขาภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม ที่มหาวิทยาลัยมหิดล

“แม้ผมจะอยู่ในธุรกิจการเดินรถมาตั้งแต่เด็กแต่ผมเรียนหนังสือมาโดยตลอด การที่ได้รู้เบื้องลึกเรื่องของธุรกิจนี้จริง ๆ ก็ตอนที่ผมทำโครงงานหรือ Thesis โดยใช้สมบัติทัวร์เป็นตัวอย่างในการทำงานชิ้นนี้ มันทำให้รู้ว่ารถโดยสารหนึ่งคันกว่าจะออกมาวิ่งได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย การบริหารงาน บริหารคน ผมต้องไปเรียนรู้เรื่องของส่วนประกอบต่าง ๆ ตามอู่ประกอบรถทัวร์ เรียกว่าทุกกระบวนการตรงนี้เองมันทำให้เราสนุกเพราะบางเรื่องเราต้องไปปรึกษาคุณปู่ คุณอา หรือคุณพ่อ ผู้ที่ทำงานจากประสบการณ์จริง

“จนกระทั่งผมเรียนจบและเข้ามาทำงานได้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทสมบัติทัวร์ ถ้าพูดกันตามตรงก็ทำตั้งแต่เรื่องเล็กที่สุดไปจนถึงระดับการบริหาร มีปัญหาอะไรขึ้นมาเราต้องลงมาดูทันที ด้วยตัวผมเข้ามาในลักษณะการรับงานต่อจากรุ่นคุณพ่อ ถ้าผมทำงานได้เท่ากับรุ่นคุณพ่อคือเท่าทุน ซึ่งผมก็อยากทำให้ดีกว่านี้ขึ้นไปอีก

“สิ่งที่ผมเริ่มทำคือนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในระบบจำหน่ายตั๋วให้มันอยู่ในระบบออนไลน์มากขึ้น เพราะคนรุ่นเก่าไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสมาร์ทโฟน แต่ลูกค้าของเราตอนนี้เกิดมากับสมาร์ทโฟนที่ทุกอย่างอยู่ในมือหมด เราต้องพยามผลักดันเพื่อให้มีการปรับตัวในทุกส่วน คือถ้าไม่ปรับในอนาคตเราก็อาจจะเหนื่อยได้”

ปัจจุบันบริษัท เทพสมบัติ จำกัด มีธุรกิจในเครือบริการขนรถยนต์ตามโชว์รูม มีบริการขนส่งของไปทั่วไปในประเทศ แต่ธุรกิจหลักยังคงเป็นรถโดยสารประจำทาง ที่มีสายการเดินรถโดยสารไปทั่วประเทศ โดยมีรถโดยสารอยู่ราว 350 คัน มีพนักงานกว่าหนึ่งพันกว่าคนซึ่งแบ่งการบริหารงานอย่างชัดเจน โดยมีสโลแกนคือมิตรแท้เพื่อนเดินทาง ที่ถูกปลูกฝังให้กับพนักงาน ทำให้ผู้โดยสารอุ่นใจทุกครั้งเมื่อใช้บริการ

“บางคนคิดว่าการเดินรถก็แค่ปล่อยรถต้นทางขับไปส่งคนให้ปลอดภัยถึงปลายทางก็พอแต่ความจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น คือเราต้องรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ ผมต้องคอยออกสำรวจเส้นทางด้วยตัวเองในต่างจังหวัดตลอด อย่างเส้น กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ในหนึ่งปีผมตั้งเป้าต้องไปดูทุก 3 เดือน ที่ต้องไปเพราะว่าข้างทางมันมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจะดูว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง เช่น บางทีมีการขยายเมืองทำทางเส้นใหม่เราดูว่ามีจุดใดบ้างที่เหมาะกับการรับลูกค้า ทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องลำบากที่จะต้องเข้ามารอรถในเมือง”

“อย่างตอนนี้เราก็มีคู่แข่งเพิ่มมาเยอะตั้งแต่รถตู้ที่วิ่งในระยะกลางและสั้น และมีเครื่องบินแต่เครื่องบินเขาเดินทางในลักษณะจุด A ไปจุด B ในส่วนของการเดินรถของเราก็เป็นจุด A ไปจุด B เหมือนกัน ต่างกันตรงที่เราสามารถแวะรถส่งคนระหว่างทางได้ อย่างไรก็ตามผมมองว่าความจริงแล้วคนก็ยังขึ้นรถโดยสารอยู่ดี แต่ต้องแข่งขันกันในเรื่องการบริการให้มากขึ้น เรามองว่าเค้กหนึ่งก้อนมีคนมารุม 10 คน แน่นอนว่าเหนื่อย แต่เราก็มาคิดว่าทำไมเราไม่มองเค้กก้อนอื่นบ้างคือทุกวิกฤตมีโอกาสซึ่งยังมีทางเลือกอยู่”

หนึ่งในทางเลือกที่มีการปรับตัวคือการทำรถโดยสาร VIP ที่เรียกว่า “เวียงพิงค์บัส” ซึ่งปรับเป็นที่นั่ง 2 แถว ฝั่งละ 1 เบาะเดี่ยวมีเพียง 20 ที่นั่งเท่านั้น สำหรับคนที่ต้องการเดินทางแบบส่วนตัว โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่ชาร์ตแบตโทรศัพท์ มีจอทีวีระบบหน้าจอสัมผัสสามารถดูรายการโทรทัศน์  ภาพยนตร์ เล่นเกม ฟังเพลง มีไฟอ่านหนังสือ และที่สำคัญคือเบาะที่ปรับเอนเวลาง่วงนอนโดยไม่ต้องเกรงใจคนข้างหลัง และถ้าเมื่อยก็ยังสั่งให้เบาะนวดตัวได้ซึ่งบริการแบบนี้ดีกว่านั่งเครื่องบินชั้นประหยัดแน่นอน

“ผมเชื่อว่ารถทัวร์เป็นขวัญใจประชาชนอยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคนจะมาใช้บริการมากเป็นพิเศษ โดยที่มาตรฐานการเดินรถของเราถูกควบคุมโดยรัฐบาล ผ่านกรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่เรื่องของราคาตั๋วและการบริการ เรามีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่นเรามีคนขับรถ 2 คนเปลี่ยนระหว่างทางควบคุมความเร็วด้วย GPS คนขับรถจะเร่งได้ไม่เกิน 90 กม มีค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิงรถทุกคันผ่านการเช็คเอียงตามหลักที่กรมการขนส่งทางบกตั้งไว้ทั้งหมด 

“เมื่อเป็นเช่นนี้แสดงให้เห็นว่ารถโดยสารเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ผมจึงอยากให้คนมาใช้บริการมาเยอะขึ้น ผู้ที่ใช้บริการอยู่แล้วก็ขอบคุณที่ยังเชื่อถือกันต่อไป ส่วนคนที่ไม่ได้ใช้บริการนานก็อยากให้ลองมาสัมผัสบรรยากาศใหม่ ๆ ดูบ้างครับ”

The Next Generation รถโดยสารโฉมใหม่ล่าสุดของคนไทย