Vertigo TOO

Vertigo TOO

ใครที่ได้เห็นบรรยากาศและวิวมุมสูงจากชั้นดาดฟ้าโรงแรมบันยันทรีอย่างผมในยามนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือรูฟท็อปบาร์ที่บรรยากาศโรแมนติกอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพ หากว่าการขึ้นรูฟบาร์มันสูงเกินไป ก่อนขึ้นชั้น 61 ลองแวะเข้ามา Vertigo TOO ชั้น 60 ก็ได้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกไม่แพ้กันครับ

ที่นี่ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ Cosmopolitan ที่ให้บรรยากาศเป็นเหมือนกับสถานที่พักผ่อนหย่อนกายหลังเลิกงานของคนเมืองมีพื้นที่ในการพบปะสังสรรค์กัน โดยตกแต่งภายในให้เหมือนเป็นโดม เพดานประดับด้วยดวงไฟเสมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน

มุมหน้าต่างเป็นกระจกสูงที่ทำให้เห็นวิวรอบกรุงเทพฯ ได้ครบทั้ง 360 องศา สามารถเลือกโต๊ะนั่งได้ตามชื่นชอบ แต่ถ้าอยากสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ชมวิวบรรยากาศเมืองกรุงยามค่ำคืน สามารถนั่งโซฟาริมกระจกลิ้มรสบรรยากาศได้เต็มที่ หรือถ้าหากมากับคู่เดทสาวสวยแล้วอยากได้ความเป็นส่วนตัว ก็สามารถขึ้นไปนั่งบนบาร์ชั้นลอยสวีทกันได้อย่างสุดแสนโรแมนติก 

เมนูอาหารของ Vertigo TOO เป็นอาหารประเภท Tapas แบบ Grill Mexico Seafood ที่รวบรวมอาหารจากหลากหลายสัญชาติด้วยคอนเซ็ปต์ Cross-Cultural เราขอแนะนำอาหารทานแกล้มเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า Grilled Giant Octopus ปลาหมึกยักษ์ย่าง สไลด์บาง กรุบกรอบ Hokkaido Scallops Kataifi Wrapped หอย Scallops จากฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น ห่อด้วยเส้นหมี่จากประเทศฝรั่งเศส นำมาทอดจนได้สีเหลืองทอง รสชาติกลมกล่อม 

ส่วนบาร์ของที่นี่ก็มีเครื่องดื่มหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเบียร์ วิสกี้ ไวน์ ม็อกเทล หรือว่าค็อกเทลที่เป็นซิกเนเจอร์ โดยเริ่มต้นจาก The Haole ค็อกเทลผลไม้สไตล์ฮาวายเอี้ยนเสิร์ฟพร้อมสัปปะรดชิ้นใหญ่ในแก้วทรงสูง รสชาติชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำเหมาะกับทุกคนแน่นอน ส่วนผสมอย่าง Bianco Vermouth, Pineapple Syrup, Lemon Juice และ Ginger Ale เข้ากับไอเดียที่ได้แนวคิดมาจากเกาะฮาวายมาก ๆ เหมาะสมทุกประการกับการที่เป็นค็อกเทลที่ติดอันดับ Top 5 จาก Bacardi Legacy Competition อย่างไม่ต้องสงสัย 

ถัดมากับ Spring Field แก้วนี้ตกแต่งด้วยฟองไข่ขาวที่นุ่มละมุนลิ้น ตัดคาวด้วย Lemon Juice ดื่มง่ายลื่นคอสดชื่นราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน ควรคู่กับชื่อ Spring เสียจริง แก้วสุดท้าย Fog In Cinema แก้วนี้คือทีเด็ดจริง ๆ ครับ ด้วยกิมมิคที่ทาง Vertigo Too อยากให้แก้วนี้มีรสชาติเสมือนกับการจิบพร้อมไปกับการดูหนังในโรงภาพยนตร์ รสชาติหวานกรุบกริบ จากป็อปคอร์นราดคาราเมลกลั้วลิ้น ตลบไปด้วยกลิ่นหอม ถ้ามาเยือนแล้วไม่สั่งแก้วนี้ถือว่าพลาดจริง ๆ ครับ

ในส่วนของดนตรีนั้น Vertigo Too ก็ได้มีการแบ่ง Session อย่างชัดเจน โดยช่วงเวลาหัวค่ำจะเปิดเพลงแบบชิลล์ ๆ ให้เข้ากับบรรยากาศการรับประทานอาหารค่ำ วงแรกจะเริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น. ในขณะที่ช่วงหลัง 4 ทุ่ม ก็จะขยับสะโพกโยกย้ายกันมากขึ้น ก็จะเป็นช่วงของวงดนตรีวงที่สองที่มีแนวดนตรีแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นป็อป ร็อค หรือว่าสายโชว์ของอย่างแจ๊ส เรียกได้ว่าสลับสับเปลี่ยนไม่ซ้ำแบบกันในทุกคืนเลยทีเดียว  นอกจากนี้ในห้วงเวลาแห่งความสนุกสนานยามค่ำคืน ภายหลังจากวงดนตรีสดได้หมดหน้าที่ลงไปแล้วก็ยังมี DJ มาเปิดเพลงให้แดนซ์กัน จนกระทั่งร้านปิด 

Vertigo TOO เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00 น. ยิงยาวไปจนกระทั่งเวลา 01.00 น.

 

Vertigo TOO @Banyan Tree Bangkok ดื่มด่ำท่ามกลาง บรรยากาศแสนโรแมนติก