สัมผัสความหรูหราระดับผู้บริหาร กับนวัตกรรมใหม่ที่เหนือชั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Full Hybrid ทรงพลัง ตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจ อารมณ์รถสปอร์ตแต่ประหยัดน้ำมันสูงสุด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบสวยโดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ที่วางใจในการขับขี่ได้ทุกเส้นทาง

ต้องยอมรับว่าเพียงแรกเห็นก็อาจตกหลุมรักในรูปโฉมได้ง่าย ๆ รุ่นที่ผมได้มาทดลองขับนั้นมาพร้อม Sunroof ระบบ One-Touch ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ตกแต่งด้วยกรอบไฟสีฟ้า และกระจังหน้าดีไซน์พิเศษ โฉบเฉี่ยวไปอีกระดับกับ       สปอยเลอร์พร้อมล้ออัลลอยแบบสปอร์ตใหม่ ดูโดยรวมแล้วหรูหราสมราคาครับ 

มาดูด้านในบ้าง เบาะหนังสีน้ำตาลใหม่ พร้อมชุดตกแต่งภายในลายไม้ Piano Black ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก Engine Remote Start ด้วยระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกลระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ Connectivity ตอบสนองอย่างเหนือชั้นด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อล้ำสมัย สามารถเชื่อมต่อทุกการสื่อสารด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบรองรับ

Apple CarPlay หรือเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านระบบ MirrorLink เรียกได้ว่าทุกอย่างสั่งการง่ายด้วย Smart Interface พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 7.7 นิ้ว อาทิ ควบคุมเครื่องเสียง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านพวงมาลัยแบบ Multi-Function Steering พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ผ่านหน้าจอระบบสัมผัส ให้คุณขับเคลื่อนอย่างราบรื่นตลอดการเดินทาง

Wheel Information Switch ปุ่มเลือกการแสดงข้อมูลบนหน้าจอ, Audio Control Switch สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, Hands Free Telephone Switch ปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย พร้อมรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI, Cruise Control System ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, Lane Keeping Assist System (LKAS) ปุ่มเปิด/ปิดระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, Multi Information Control Switch ปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ทั้งหมดนี้ควบคุมและสั่งการได้อย่างง่ายดายที่พวงมาลัยได้เลย ใช้ง่ายไม่ยุ่งยากครับ

ในการทดลองครั้งนี้ผมเลือกที่จะขับไปรอบ ๆ กรุงเทพฯ โดยเริ่มจากไปรับรถที่บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จํากัด (อุดมสุข) ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าถนนมอเตอร์เวย์เพื่อจะทดลองการทำความเร็ว โดยขับมุ่งหน้าเข้าสนามบินสุวรรณภูมิระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี พวงมาลัยควบคุมง่าย เวลาเข้าโค้งแม่นยำมั่นใจได้ ช่วงล่างดีมาก แม้จะทำความเร็วแต่การสั่นสะเทือนในห้องโดยสารนั้นถือว่านิ่มมาก นั่งสบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร

มาดูเครื่องยนต์กันบ้าง Advanced i-MMD Two-Motor Hybrid System เหนือชั้นไปอีกขั้นกับการเคลื่อนที่ทรงพลังแบบ Full Hybrid ตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจด้วยกำลังสูงสุด 215 แรงม้า ให้การประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่าถึง 23.8 กม./ลิตร พร้อมแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ส่งผลให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Drive Mode ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. โดยไม่ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน

เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC ที่มีระบบเผาไหม้สำหรับระบบไฮบริดโดยเฉพาะให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจตอบสนองได้ดีเยี่ยม แบตเตอรี่ไฮบริดแบบลิเธียม-ไอออน ความจุไฟฟ้า 1.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว และจ่ายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า จึงให้สมรรถนะสูง และสามารถขับขี่ได้ต่อเนื่องยาวนานเมื่ออยู่ในโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ให้แรงบิดสูงสุดถึง 315 นิวตัน-เมตร โดยจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รวมถึงชาร์จไฟกลับในขณะลดความเร็ว ผสานการทำงานกับมอเตอร์เจเนอเรเตอร์ ที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ส่งต่อให้มอเตอร์ขับเคลื่อน โดยมี PCU ควบคุมการทำงานของมอเตอร์ทั้ง 2 ตัวเพื่อมอบพลังงานในการขับเคลื่อนที่ดีเยี่ยม

จากสนามบินสุวรรณภูมิผมขับออกเส้นบางนา-ตราด เพื่อขับเข้าทางด่วนพระราม 2 ใช้เส้นทางกาญจนาภิเษก ข้ามสะพานภูมิพลเพื่อไปที่ป้อมพระจุลฯ นอกจากได้ทดลองสมรรถนะของรถแล้วยังได้เห็นว่าประหยัดน้ำมันมาก เพราะมาถึงจุดหมายโดยน้ำมันไม่ลดลงสักขีด ช่วงเย็นผมขับเข้าไปทดลองสภาพรถติดในเมืองโดยไปยังสยามแสควร์ใช้ทางด่วนจากพระราม 3 ไปลงอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝ่าดงรถติดตัดเข้าซอยรางน้ำ และขับออกทางประตูน้ำผ่านเซ็นทรัลเวิร์ลเข้าถนนพระรามที่ 1 รถติดสมใจอยากเลยครับ 

ได้ตั้งใจทดลองทั้งเครื่องเสียง การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และระบบไฟฟ้า สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ นอกจากเครื่องยนต์ที่เงียบ ก็คือนั่งในห้องโดยสารความรู้สึกเหมือนกับยังไม่ได้สตาร์ทรถเลยครับ เงียบมาก และเมื่อมองมายังแผงหน้าปัดของรถต้องตกใจ ที่น้ำมันนั้นลดไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น 

สรุปว่าใครที่มองหารถหรูประหยัดน้ำมัน และรักสิ่งแวดล้อม NEW HONDA ACCORD HYBRID ตอบโจทย์ได้ครบทุกข้อดังสโลแกน “ไม่ต้องตามใคร...ในเมื่อโลกหมุนตามคุณ” ของเขาเลยครับ

การทำงานของระบบ Sport Hybrid i-MMD
ขณะรถหยุดนิ่ง เครื่องจะหยุดทำงาน แต่ระบบแอร์ยังคงทำงานอยู่ โดยรับพลังงานจากแบตเตอรี่ ถ้าระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ เครื่องยนต์จะกลับมาทำงาน

EV Drive / Hybrid Drive ขณะออกตัวและเพิ่มความเร็ว รถจะออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยที่เครื่องยนต์ยังหยุดทำงานอยู่ และเมื่อเพิ่มความเร็ว ระบบจะเข้าสู่โหมดไฮบริด ถ้าระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ เครื่องยนต์จะเริ่มทำงานและออกตัวด้วยโหมดไฮบริด ขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ/ปานกลางคงที่ จะเข้าสู่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบจะมีการเลือกสลับการทำงานกับโหมดการขับขี่แบบไฮบริดตามระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ขณะเร่งแซงเครื่องยนต์จะทำงานและเข้าสู่โหมดการขับขี่แบบไฮบริดเพื่อเพิ่มกำลังในการเร่งแซง ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุดคงที่ จะเข้าสู่โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ และระบบจะมีการตัดสลับการทำงานกับโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตามระดับของไฟฟ้าในแบตเตอรี่

Regenerating ขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่