เสกสรรค์ ศุขพิมาย

เสกสรรค์ ศุขพิมาย

ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เข้ามามีผลกระทบต่อวงการเพลงเป็นอย่างมาก ทำให้ยอดจำหน่ายซีดีหรือดิจิตอล ดาวน์โหลด ไม่ใช่รายได้หลักของศิลปินอีกต่อไป ศิลปินหลายท่านหันมาทำธุรกิจมากขึ้น รวมไปถึง คุณเสกสรรค์ ศุขพิมาย ประธานกรรมการ บริษัท โลโซ โฮลดิ้ง จำกัด หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในชื่อ เสก โลโซ ศิลปิน ร็อคสตาร์ชื่อดังของเมืองไทย

นอกจากผลงานเพลงที่ยังเปรียบเสมือนลมหายใจ ล่าสุดเขาเดินหน้าเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง ภายใต้แบรนด์ “Loso-D” พร้อมลุยเต็มที่ด้วยการใช้ มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) ผ่านคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่าง ๆ เป็นกลยุทธ์ในการรุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของเมืองไทย โดยใช้ภาพลักษณ์การเป็นศิลปินเป็นจุดขาย โดยเริ่มจากฐานแฟนเพลงที่มีทั่วประเทศ

เส้นทางชีวิต-สู่วงการธุรกิจ
“ต้องบอกว่ายังเป็นนักดนตรีอยู่ยังร็อคแอนด์โรลอยู่เหมือนเดิมครับ แต่เพิ่มเติมคือการเป็นนักธุรกิจ เพราะเนื่องจากเพลงในปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าค้าขายไม่ได้แล้ว เพราะเนื่องจากสมัยนี้เรามีหลากหลายช่องทางในการเข้าถึงเพลง ผมจึงมีความคิดว่าการทำเพลงอย่างเดียวคงไม่สามารถเลี้ยงลูกน้อง หรือเลี้ยงคนรอบข้างได้ ดังนั้นจึงต้องหันมา
ทำธุรกิจ ซึ่งตอนนี้ก็ทำหลายอย่างด้วยกัน แต่มุ่งเน้นไปที่ เครื่องดื่มชูกำลัง “Loso-D” ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ “Loso-D” ยังมีน้ำดื่ม โทรศัพท์มือถือ ต่อไปก็จะเปิดตัวธุรกิจสุรา แล้วก็เบียร์ แต่หลัก ๆ ในตอนนี้เรารุกไปยังตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่

“ก่อนหน้านี้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ผมเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเกิดความคิดว่าเครื่องดื่มชูกำลังมันน่าจะเข้ากับภาพลักษณ์ของผม เข้ากับเพลงและในส่วนของชีวิตความเป็นอยู่ของผม ส่วนชื่อของแบรนด์นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากชื่อวงดนตรีของตัวเราเอง อีกส่วนหนึ่งมาจากชื่อของลูกสาว น้องเดียร์ ซึ่งในไลน์ของเขาจะมีโลโก้เป็นตัว D แล้วก็โลโก้รูปดาวอยู่ผมก็เลยอยากทำเครื่องดื่มอันนี้ให้กับลูกสาวคนนี้แล้วก็ลูก ๆ อีก 2 คนด้วย คาดหวังอยากจะให้รุ่นลูกหลานสืบทอดธุรกิจ เลยเป็นที่มาของชื่อ Loso-D” 

แผนรุก-บุกตลาดแบบผู้ชนะ
“ผู้ประกอบการธุรกิจประเภทเครื่องดื่มชูกำลังจะทราบดีว่าเครื่องดื่มชูกำลังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างคล้าย ๆ กัน รสชาติไม่ต่างกันมากนักแต่แตกต่างกันที่แบรนด์และการตลาด รวมไปถึงการบริหารจัดการ ส่วนตัวผมเองจุดแข็งจุดแรกนั้นมุ่งไปยังฐานแฟนเพลงรากหญ้าที่ชื่นชอบในตัวผม ซึ่งพื้นฐานของผมเป็นคนบ้านนอกอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็ได้ยึดแนวทางนี้เป็นตัวจุดประกายในการทำธุรกิจ ส่วนจุดแข็งอีกอย่างก็คือการขายความเป็นตัวเอง (Brand Ambassador) ขายความเป็น เสก โลโซ

“ปัจจุบันสินค้ามีจำหน่ายแล้วประมาณ 30 จังหวัด เราเพิ่งเริ่มกระจายสินค้าอย่างจริงจังได้ประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นในอนาคตก็จะมีวางจำหน่ายในร้านค้า (โมเดิร์น เทรด) ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อทั่วไป ส่วนเป้าหมายของส่วนแบ่งทางการตลาด ผมยังไม่คาดหวังมาก เพราะว่าช่วงนี้ยังเป็นขั้นแนะนำผลิตภัณฑ์ เนื่องจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังต้องยอมรับว่ามันใหญ่มาก ถ้าเราได้ส่วนแบ่งการตลาดมานิดหน่อยผมก็อยู่ได้แล้ว แต่อนาคตข้างหน้าผมลุยเต็มที่แน่นอน เพราะผมมีโมเดลที่ผมมองไว้ในอนาคตนั่นคือการทำร้านสะดวกซื้อ แล้วก็มีคนมาซื้อแฟรนไชส์ และเราสามารถจำหน่ายสินค้าของเราได้ด้วย ดังนั้นกิจการ LOSO 22 SHOP ที่มีอยู่ยังคงดำเนินกิจการไปเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ที่เน้นหลัก ๆ 

คือรุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง แม้ว่าในปีที่ผ่านมามีปัญหาเศรษฐกิจ
ชะลอตัว ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง
ของเราเลย เพราะว่าไม่ได้ไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน ใช้ทุนทั้งหมด
ของตัวเองที่มีอยู่ ทั้งยังเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์
ไปไม่ถึงปี

“ตลาดเครื่องดื่มบ้านเราเป็นตลาดที่ใหญ่โตมาก มันมี
มูลค่าที่มหาศาลมาก เครื่องดื่มชูกำลังก็มีมูลค่ามหาศาล
แม้กระทั่งกาแฟ ฉะนั้นเวลาที่เขาจะจ้างศิลปินที่มีอิทธิพลต่อการ
ค้าขายเขาต้องจ้างแต่ตัวศิลปินเจ๋ง ๆ เพราะมูลค่าทางการตลาดของตลาดเครื่องดื่มมันมีมากกว่าชิ้นอื่น ๆ ส่วนเบียร์โลโซนั้น
ตอนนี้ยังเป็นโครงการใหม่ แต่เรามีโรงงานผลิตเตรียมไว้แล้ว เพียงแค่เราต้องสร้างผลิตภัณฑ์ของเราให้มันสำเร็จขึ้นมา ต้องมีคู่ค้าของเรา มีพันธมิตรในการค้าขาย มีกลุ่มเป้าหมาย มีระบบจัดส่งมีการบริหารที่ดี เรากำลังเริ่มธุรกิจใหม่ คงต้อง
ใช้เวลาสักระยะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงเพราะแบรนด์
แต่ละอันต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก”

ไม่ต้องห่วงฉัน-การบริหารงานสไตล์เสก โลโซ
“ผมเอาชีวิตทั้งชีวิตนี้ทุ่มให้กับทั้ง 2 อย่าง ทั้งการเล่นดนตรีและการทำธุรกิจ การบริหารจัดการภายในบริษัท ตื่นเช้ามาก็ทำงานที่บ้าน เวลามีงานพนักงานของเราจะมาประชุมกัน ถ้ามีเจรจาธุรกิจก็ประชุมกันตรงนี้บ้างหรือไม่ก็ที่ออฟฟิศซึ่งอยู่ในซอยถัดไป ถ้าไม่มีงานคอนเสิร์ตเราก็ทำงานในส่วนธุรกิจเต็มตัวเลย แต่ถ้ามีงานคอนเสิร์ตเราก็จะไปเล่นคอนเสิร์ต แล้วก็จะทำงานทาง LINE ประชุมทาง LINE เพราะปัจจุบันนี้เครื่องมือสื่อสารค่อนข้างสะดวกสบาย

“การเป็นนักธุรกิจยังคงควบคู่กับการเป็นศิลปินเท่าเดิม ธุรกิจของผมก็คือการเอาเพลงของผมไปซัพพอร์ตธุรกิจ แล้วใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เป็นกุญแจในการรุกตลาด ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเลิกการเป็นนักดนตรีได้เลย ทัวร์คอนเสิร์ตก็ยังทัวร์เหมือนเดิมและออกอัลบั้มปีละ 1 ชุด อย่างล่าสุดก็เพิ่งออกอัลบั้ม 20 ปี เสกโลโซ เราและนาย ดังนั้น ความเป็นนักดนตรียังเต็ม 100% เท่าเดิม เพิ่มเติมคือเป็นนักธุรกิจเท่านั้นเอง

“หลังจากเมื่อผมบริหารได้ 1-2 ปี เมื่อบริษัทมันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ผมก็จะไปจ้างนักบริหารธุรกิจเก่ง ๆ มาบริหารงานแล้วผมก็จะไปเล่นดนตรี เพื่อทำให้ประชาชนได้รู้จักสินค้าผมแล้วมาซื้อผลิตภัณฑ์ของผม ดังนั้นผมก็ยังเป็นนักดนตรีอยู่เสมอ นี่คือหัวใจหลักของผม นักธุรกิจเป็นรองด้วยซ้ำไป

“ก็ขอฝากเครื่องดื่ม Loso-D ไว้ด้วย นี่คือการทำธุรกิจที่เรียกว่าใหญ่ที่สุดในชีวิตผม ที่ทำผ่าน ๆ มาก็มีการทดลอง ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ก็ดี เรื่องอะไรต่าง ๆ ก็ดี อันนั้นเป็นธุรกิจแค่เล็ก ๆ นิดเดียว เป็นของ Souvenir แต่อันนี้เป็นธุรกิจที่จริงจังมาก ถึงแม้วันหนึ่งผมจะตายจากไป อันนี้ก็จะยังคงอยู่ นี่คือสิ่งที่ผมคาดหวังเอาไว้ อันนี้ทำแบบจริงจังมาก ไม่ได้ทำเป็นเพียงของที่ระลึก”

วิสัยทัศน์-ด้วยตัวเราเอง
“รายได้หลักของผมมาจากการเล่นคอนเสิร์ต ผมจัดทัวร์คอนเสิร์ตในแต่ละปีประมาณร้อยกว่าคอนเสิร์ต เรียกว่าอยู่ได้สำหรับทัวร์คอนเสิร์ต เนื่องจากปัจจุบันนี้การค้าขายซีดีหรือค้าขายเพลง รายได้มันน้อยนิดมาก สมัยก่อนผมสามารถสร้างฐานะได้ก็เพราะว่าค้าขายเพลงได้ก็มีการจัดเก็บลิขสิทธิ์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ปัจจุบันนี้เมื่อขายไม่ได้แล้ว มีเพียงช่องทางเดียวที่ทำเงินให้กับนักศิลปินก็คือทัวร์คอนเสิร์ตและผมเชื่อว่าคอนเสิร์ตของผมเล่นได้น่าสนใจจึงมีผู้ว่าจ้างทั้งปีคงบอกไม่ได้ว่าเป็นตัวเลขเท่าไหร่ คือในแต่ละงานมันไม่แน่นอน 

“ช่วงแรก ๆ ที่ผมเริ่มแต่งเพลงก็เป็นลิขสิทธิ์ของทางค่ายเพลงอย่างเดียว แต่หลังจากที่ผมทำไป 2-3 ชุด ผมก็เลยแจ้งทางค่ายว่าผมควรได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ร่วมกันด้วยเพราะว่าผมเป็นคนแต่งเพลงเอง ผมเป็นเจ้าของเพลง ทางค่ายเพลงก็เห็นดีด้วยเนื่องจากผมทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียงเพลงทุกเพลงเป็นเพลงของผมหมด ดังนั้นเขาก็ให้เกียรติว่าเราเป็นเจ้าของร่วมกัน ผมได้มองเห็นอนาคตของวันนี้เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ผมก็เลยต้องแก้ไขสัญญา เขาก็ใจดีแก้ไขให้เป็นอย่างปัจจุบันนี้ 

“เนื่องจากว่าเราได้เห็นการพัฒนาของโลกนี้ไปในทิศทางระบบของดิจิตอลที่ทันสมัยมากขึ้น ผมก็มีความคิดว่า ถ้าวันนี้คุณสามารถก็อปปี้เพลงได้ อนาคตวันหน้าผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปซื้อเพลงเลย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณต้องซื้อก็คือ เรื่องการแสดงสด คุณต้องซื้อบัตรมาดูผม คุณต้องจ้างผมไปเป็นตัวจริงเท่านั้น เพราะว่า เสก โลโซ มีคนเดียว แต่เพลงคุณสามารถไปฟังที่ Youtube ก็ได้ ไปที่ 4shared ก็ได้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิสัยทัศน์ของผมคือผมแต่งเพลงเองทั้งหมด ส่วนศิลปินคนอื่น ๆ ทางค่ายเพลงมีการว่าจ้างคนแต่งเนื้อร้อง แต่งทำนอง นักเรียบเรียง รวมทั้งนักดนตรีในห้องอัดด้วย เวลาอยากจดลิขสิทธิ์ร่วมแบบผมที่ทำกับค่ายเพลงคงลำบาก

“ก่อนที่ผมจะร่วมงานกับค่ายเพลงที่สังกัดในปัจจุบัน ผมเคยมีอีกบริษัทมาทาบทามไปออกเทป แล้วก็บอกให้คนนั้นคนนี้แต่งเพลงให้ผม แต่ผมไม่เห็นด้วยหรอก เพราะตัวผมเองเป็นศิลปิน ผมต้องเขียนเพลงเองและต้องแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาในเพลง มันเป็นงานศิลปะอีกแขนงหนึ่ง ดังนั้นผมนึกถึงทั้งเรื่องศิลปะทั้งเรื่องในเชิงพาณิชย์ด้วย ถ้าจะบอกว่าผมไม่รู้เรื่องการพาณิชย์นั้นเพลงของผมก็คงขายไม่ได้ เพราะผมมีการทำการตลาด มีการฟังมีการค้นคว้าหาข้อมูลมาตั้งแต่อัลบั้มแรก ทุกอย่างก็ออกมาจากความคิดของเรา แล้วก็เป็นเพลงในทุกวันนี้ ดังนั้นผมเองไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนผมก็ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ผมถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก ต้องขอชื่นชมทางค่ายแกรมมี่ด้วยที่ทำงานร่วมกันมา และสร้างทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกัน เขาก็แฟร์กับเรา เราก็แฟร์กับเขา เวลาผมทำอัลบั้มเสร็จผมก็เอาไปให้ค่ายเพลงขาย แล้วก็เอาเงินมาแบ่งกัน และก็ในส่วนที่เขาไปจัดเก็บลิขสิทธิ์กับคนที่นำเพลงไปใช้เขาก็เอาเงินมาให้ผม”

ฉันหรือเธอที่เปลี่ยนไป
“อัตลักษณ์สำคัญมากครับ เป็นนักธุรกิจผมก็ยังใส่ชุดโทนสีคล้าย ๆ เดิมแต่ก็ยังดูเรียบร้อย เวลาเข้าหาผู้ใหญ่ จะไปใส่เสื้อมอซอไม่ได้ แต่จริง ๆ ผมสามารถใส่ได้หมดเพราะว่าเป็นคนที่สบาย ๆ จะหรูหราก็ได้ ส่วนเวลาเป็นศิลปิน ผมต้องมีกีตาร์ของผมสีขาว ๆ มีแว่นตาดำ มีรองเท้า คอนเวิร์ส กางเกงยีนส์ เสื้อยืด สิ่งเหล่านี้เราก็คิดว่าเป็นอัตลักษณ์ของเรา เช่น วง AC/DC ภาพจำจะต้องมีกีต้าร์ที่เป็นทรงเขาควาย กางเกงขาสั้น ผูกไท แต่งชุดเป็นเด็กนักเรียน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งถ้าเป็นนักดนตรีฝรั่งแค่เดินออกมา คนก็จะรู้เลยว่าเป็นเขา

“สมัยก่อนผมมีความเป็นร็อคแอนด์โรลสูงมาก มีความดิบเถื่อนมีความแบดบอยอยู่ในตัวพอสมควรมีคนมองว่าผมเป็นคนเจ้าชู้ ผมก็เป็นคนเจ้าชู้จริง ๆ แต่ผมเริ่มจะเลิกเจ้าชู้แล้ว (หัวเราะ) ผมเริ่มมีความรู้สึกว่าผมโตขึ้นมากจนไม่มีเวลาจีบสาว ๆ เพราะทำงานเยอะ ก็เจ้าชู้น้อยลง ผมเคยมีแฟนทีเดียวหลายคน แต่ก็รู้สึกว่าเริ่มไม่สนุก พอเราทำงานเยอะ ๆ เราก็ไม่ค่อยมีเวลาแบ่งไปให้เขา หัวใจของผมเริ่มมีวินัยมากขึ้น แต่ในทางกลับกันเราก็มีมุมดี ๆ ของเราเหมือนกัน เนื่องจากสื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มีสื่อโซเชียลเขาจึงไม่ได้เห็นมุมที่ดี ๆ ของผม เพราะทุกคนก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าข่าวร้าย ๆ มักจะขายได้ (หัวเราะ) ข่าวดี ๆ เขาก็ไม่เขียนกัน ฉะนั้นเขาก็จะมองเห็นภาพของผมเป็นแบดบอยเสมอ แต่ที่ดีผมก็มีอย่างผมไปเล่นคอนเสิร์ตการกุศล ผมทำตั้งแต่ผมเริ่มต้นการเป็นนักดนตรีไม่ใช่เพิ่งเริ่ม มุมดี ๆ เราก็มี แต่เพียงคนอื่นเขาไม่ได้เห็นเท่านั้นเอง พวก John Lennon, Rolling Stones, Kurt Cobain ก็เช่นเดียวกัน มันเป็นภาพลักษณ์ของร็อคสตาร์ แต่มุมดี ๆ ของเขาก็มีเยอะมาก อย่าง Lennon รณรงค์ให้คนรักกัน 

“ผมไม่อยากให้มองร็อคแอนด์โรลเป็นแบดบอยอย่างเดียว เขาก็มีมุมอื่นที่ดีของเขา เพียงแต่สื่อไม่ค่อยนำเสนอมุมดี ๆ แต่โอเคผมอยู่ได้ ผมรับได้กับเรื่องที่ตัวเองเป็นแบดบอย เพราะในอดีตผมเคยไปพัวพันในสิ่งที่ผิด ๆ ภาพเหล่านี้มันเป็นภาพที่เขามองแล้วรู้สึกว่ามันยังคั่งค้างอยู่ แต่ปัจจุบันผมว่าภาพเหล่านั้นมันได้ลบออกจากตัวผมไปบ้างแล้ว อาจจะไม่หมดแต่ผมก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคำที่ว่าแบดบอยมันก็มาจากเรื่องเหล่านั้นแหละ มันเป็นเรื่องจริงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ฉะนั้นคำว่าร็อคสตาร์กับแบดบอยมันเป็นของคู่กัน อย่างเช่น Liam Gallagher หรือ Axl Rose ก็เป็นภาพจำเช่นกัน ผมคิดว่าเรื่องแบดบอยมันน่าจะเป็นเรื่องของภาพลักษณ์แล้วก็เป็นสโลแกนของชาวร็อคแอนด์โรล

“ปัจจุบันผมได้ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจแล้ว ภาพลักษณ์แบบนั้น ต้องลบมันออกไป แล้วก็พยายามสร้างความเป็นร็อคแอนด์โรลแบบใหม่คือทำในสิ่งดี ๆ ต่อสังคมนี้ เล่นดนตรี
และทำธุรกิจไปด้วยมีอะไรที่เราจะช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเราก็ช่วยเหลือ ยอมรับว่าทุกวันนี้ใจเย็นลง ทำอะไรใช้ความคิดมากขึ้น”

รอยยิ้มนักสู้
“จริง ๆ แล้วสำหรับผมไม่มีสิ่งไหนที่ผมจะต้องเสียใจ เพราะทุกอย่างที่ผ่านมามันผ่านไป กลับไปแก้ไขไม่ได้ ไม่มีใครกลับไปแก้ไขอดีตได้ ผมบอกตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือประสบการณ์ในชีวิตผมทั้งสิ้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะกลับไปแก้ไขอดีต เพราะมันผ่านไปแล้ว เป็นแบบนั้นไปแล้ว ดังนั้นผมเองอยู่ทุกวันเป็นปัจจุบันนี้ด้วยความภาคภูมิใจ บอกตัวเองว่าขนาดนั้นฉันยังผ่านมาได้เลย ต่อไปนี้มีเรื่องใหญ่แค่ไหนที่ผมผ่านไม่ได้บ้าง

“เรื่องไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด หรือพลาดพลั้งเรื่องต่าง ๆ สิ่งเหล่านั้นเราก็พิสูจน์แล้วว่าเราแก้ไขได้ในปัจจุบัน วันนี้คือวันที่ผมแก้ไขมัน เราเลิกยาเสพติด แล้วก็ชี้แนะให้น้อง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ลด ละ เลิก บอกได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะติดยาเสพติดหนักแค่ไหนเราก็สามารถเลิกได้ วันนี้คือวันที่ผมแก้ไขมันแล้ว ส่วนในเรื่องอื่น ๆ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตว่าเราจะสามารถทำได้ดีแค่ไหน

“มันไม่ใช่จากการที่ผมเสพยาผมถึงแต่งเพลงได้ ปัจจุบันนี้ผมก็แต่งเพลงได้ ชุดแรก ๆ ไม่รู้ตั้งกี่ชุด ผมแทบไมได้ใช้แอลกอฮอล์เลยด้วยซ้ำไป เรื่องยานี่มันเพิ่งเริ่มต้น ไม่นานแล้วมันก็หายไป แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ผมไม่ได้ใช้ยาเสพติดเพื่อแต่งเพลง ผมแต่งด้วยความมีสติ คุณจะเห็นว่าเพลงทุกเพลงของผมเขียนด้วยความมีสติและมีความสละสลวยในการใช้ภาษา เพลงทุกเพลงไม่มีมั่วเลย ถ้าคุณเมายาคุณไม่มีทางไปทำสิ่งเหล่านั้นได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมไม่ได้เป็นแค่นักร้องอย่างเดียว ผมเป็นทั้ง Producer เป็นทั้งนักแต่งเพลง แล้วผมเป็น Executive Producer ด้วย ถ้าผมเมาผมจะไปบริหารงานได้ขนาดนั้นเหรอ”

20 ปี โลโซ เราและนาย
“วงดนตรีที่อยู่ยืนยาวขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นตำนานอย่างแน่นอน คำจำกัดความของคำว่าตำนานของผมก็คือ วงดนตรีที่สร้างผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างเต็มที่ แล้วก็อยู่นานจนคนยอมรับว่าเป็นตำนาน แต่ถ้าดัง 2-3 ปี ให้เรียกว่าตำนาน ก็คงไม่ใช่ ดังนั้นคำว่าตำนานมันพิสูจน์ได้จากระยะทางที่เราเดินมา ปัจจุบันนี้โลโซย่างเข้าปีที่ 22 แล้ว สิ่งเหล่านี้เราได้พิสูจน์แล้วพร้อมกับระยะเวลาที่ยาวนานเพียงพอที่จะเรียกว่าตำนานได้ และแฟนเพลงอาจจะได้ดู LOSO Reunion ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่สมาชิกยุคเก่า ๆ ของผมด้วย ผมพร้อมเล่นเสมอ ถ้าเขาอยากเล่นเมื่อไหร่ ผมก็นัดเจอกันกินข้าวแล้วชวนกันเล่น ถ้าวันไหนเขายังไม่พร้อมเล่นเราก็ไม่ว่ากันอย่าง Guns N’Roses ยุบวงมา 20 กว่าปี เขายังมารวมกันได้ ซึ่งใหญ่กว่าเรา เป็นร้อยเท่า ดังนั้นทุกคนที่เคยอยู่ด้วยกัน วันหลังมาเจอกัน มันคลิกกันได้ก็สามารถกลับมาเล่นด้วยกันได้ 

“การก้าวมาเป็นร็อคสตาร์ที่มีชื่อเสียงในชั่วโมงนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายในปัจจุบัน Value ของเพลงเรียกว่าแทบจะไม่มีแล้ว คุณสามารถที่จะทำเพลงออกมาค้าขายได้ แต่คุณไม่มีทางที่ทำเพลงออกมาสิบเพลงแล้วโด่งดังได้เหมือนกับที่ผมเคยทำในชุดก่อน ๆ ดังนั้นมูลค่าการซื้อขายก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งถ้าคุณเป็นนักธุรกิจแล้ว คุณจะรู้ได้ว่าการที่คุณจะเป็นนักร้องดัง คุณจะทำเพลงออกมาต้องซื้อขายได้ อย่างผมทำอัลบั้มชุดที่ 2 Enterainment ขายไป 2 ล้านชุด มูลค่าการซื้อขายมันประมาณ 100-200 ล้านบาท ปัจจุบันนี้ถ้าทำเพลง 1 อัลบั้มขึ้นมา ลงไปทุนไป 3 ล้านกว่าบาทไม่รู้ว่าจะได้ทุนคืนหรือเปล่า 

ดังนั้นการที่จะมาเป็นซูเปอร์สตาร์ลืมไปได้เลยล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางที่คุณจะมาเป็น แอ๊ด คาราบาว, พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์, เสก โลโซ หรือตูน บอดี้สแลม เพราะว่ามูลค่าการซื้อขาย ของเพลงปัจจุบันนี้แทบไม่มีเลย

“ดังนั้นการเป็นร็อคสตาร์ที่โด่งดังก็คงดังได้ประมาณหนึ่ง ทำเพลงออกมาแล้วดัง 1-2 เพลง แล้วก็ไปรับงานคอนเสิร์ต กว่าคุณจะสร้างเพลงให้โด่งดังอย่างวงคาราบาว หรืออย่างผมมันยากมากที่จะไปถึงจุดนั้น คุณไม่มีทางสร้างเพลงดังได้ถึง 30 เพลงในช่วงเวลา 10 ปี หรือตลอดชีวิตของคุณ เนื่องจากเพลงมันไม่ได้เป็นธุรกิจที่ทำมาค้าขายได้ ดังนั้นผมก็ได้แต่ให้กำลังใจน้อง ๆ ที่อยากจะเข้ามาเป็นนักร้อง ศิลปิน ร็อคสตาร์ ขอให้ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วก็แต่งเพลง สิ่งแรกคือทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้เพลงของตัวเองได้รับความนิยมก่อน แล้วไปทัวร์คอนเสิร์ต ใน 1 ปี ถ้าทำได้ 30-50 โชว์ คอนเสิร์ตก็สามารถทำให้เป็นสตาร์ได้ ก็คือไปพบประชาชนนั่นเองพอเขารู้จักคุณมาก ๆ คุณก็จะโด่งดังแล้วคุณก็จะสามารถสร้างงานสร้างรายได้จากอาชีพนักดนตรี ”

“20 ปี โลโซ เราและนาย เป็นอัลบั้มที่ผมภาคภูมิใจอย่างมากต้องยกความดีความชอบให้กับผู้บริหาร Yes Record ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโลโซของเรา เพราะเขาได้ไปรวบรวมทาบทามนักร้อง-นักดนตรีซึ่งมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาร้องเพลงในอัลบั้มนี้ มีวงคาราบาว, แบล็คเฮด, พี่หมู พงษ์เทพ,พี่ปู พงษ์สิทธิ์, หินเหล็กไฟ, พี่หงา คาราวาน และอีกหลายท่านมาช่วยกัน ผมเองก็เป็นผู้คอยดูภาพรวมแล้วก็ทำเพลงใหม่ของผมเอง 4 เพลง ดังนั้นนี่คือความภาคภูมิใจในชีวิตของผมที่ได้ทำ เขาทำอัลบั้มนี้ให้เพราะว่ามันเป็นผลงานของชีวิตผมทั้งหมด เพลงทุกเพลงผมเขียนหมดเลย แล้วก็ได้ศิลปินที่เรียกได้ว่าเจ๋งที่สุดในประเทศมาอยู่ในอัลบั้มนี้ ผมก็ขอฝากอัลบั้มนี้ด้วย นี่แหละคือสิ่งที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นตำนานของโลโซ”

ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙
“ผมเองเป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เทิดทูนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตั้งแต่ผมเกิดมา ฉะนั้นการสูญเสียพระเจ้าอยู่หัวที่เรารักยิ่งนั้น เป็นวันที่พวกเราทั้งประเทศโศกเศร้าเสียใจไม่ต่างกัน ซึ่งอัลบั้ม 20 ปี เราและนาย เป็นผลงานที่สร้างขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 9 ผมเชื่อว่าจากนี้ไปจนวันตาย ผมคงไม่สามารถทำเพลงได้ดังเท่ากับอัลบั้มที่ผมสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้อีกช่วงที่ผมเฟื่องฟูที่สุดคือช่วงรัชกาลที่ 9 ดังนั้นผมจะเป็นคนดีเป็นตัวอย่างที่ดีของศิลปิน แล้วก็เป็นตัวอย่างให้คนที่เขาชื่นชมผมมาตลอดชีวิต เพื่อที่จะตอบแทนพระคุณ ที่ได้ทำมาหากินในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอตอบแทนคุณของแผ่นดินไทยที่ได้มีงาน มีอาชีพที่ดี สร้างเนื้อสร้างตัวมาจนถึงทุกวันนี้ ผมรักพระเจ้าอยู่หัวครับ” 

ทำธุรกิจแบบ ใจสั่งมา Brand Like a Rock Star