Naphat Siangsomboon
ถ้าให้เลือกระหว่างผู้หญิงสวยกับผู้หญิงเก่ง ผมเลือกผู้หญิงเก่งครับ เพราะจะทำให้เธอดูสวยขึ้นมาทันที แต่ถ้าทั้งสวยและเก่ง ผมว่าเธอจะมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกหลายเท่า ไม่ต่างอะไรจากหนุ่มสุดฮอตคนนี้ ที่มาพร้อมทั้งความหล่อและสมาร์ท ในเรื่องความมีเสน่ห์ เขาขึ้นแท่นหนุ่มในใจของสาว ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งได้พูดคุยตลอดการสัมภาษณ์ ผมแทบไม่สนใจความหล่อ เพราะทั้งความสมาร์ท หลักความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล พร้อมทั้งความเป็นสุภาพบุรุษ มันแซงหน้ารูปลักษณ์ภายนอกไปเลยครับ มันทำให้เสน่ห์ของเขาแรงฉุดไม่อยู่จริง ๆ นี่อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ MiX MAGAZINE เลือกนาย ณภัทร เสียงสมบุญ หนุ่มฮอตคนนี้เป็นปกเดี่ยวครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ต้องบอกก่อนว่า คุณเป็นสุภาพบุรุษเพียงคนเดียวที่ขึ้นปกนิตยสาร MiX?
(ยิ้ม) ต้องขอบคุณทางนิตยสาร MiX มากเลยนะครับที่ให้เกียรติผม วันนี้ถ่ายไปพี่ช่างภาพก็บอกไปว่าผมสวย (หัวเราะ) คงเป็นเพราะน่าจะชินกับแฟชั่นผู้หญิงมากกว่า แต่ผมว่าตรงกับคอนเซ็ปต์เดือนแห่งความรักมาก เพราะผมมองว่าความรักมักมีสองด้านเสมอ ส่วนบรรยากาศในวันนี้ก็สนุกมากครับ เสื้อผ้าก็สไตล์ MiX & MATCH มีหวานนิด ๆ โรแมนติกหน่อย ๆ เข้ากับเดือนแห่งความรัก
นิยามความรักในแบบฉบับของนาย ณภัทร คืออะไร?
ผมเคยอ่านหนังสืออยู่หนึ่งเล่มเขาบอกไว้ว่า บางครั้งเนื้อคู่ของเราอาจจะไม่ได้มาในรูปแบบของบุคคล อาจจะเป็นในรูปแบบอื่น เช่น สัตว์หรือสิ่งของ แต่ผมไม่เคยปิดกั้นในเรื่องของความรักครับ แต่ผมรู้สึกว่า ผมทำอะไรให้คนอื่นมีความสุข ไม่เดือดร้อน หรือเราได้ทำงานที่เรารัก ได้เจอผู้คนผมว่ามันคือนิยามความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง
สิ่งที่โรแมนติกที่สุดที่คุณเคยทำในชีวิตคืออะไร?
(หัวเราะ) ผมเป็นคนโรแมนติกนะ แต่ผมจะไม่ค่อยทำอะไรแบบหวานแหวว กุ๊กกิ๊ก คือผมจะเป็นคนที่โฟกัสเรื่องหน้าที่ของตัวเองมากอย่างเรื่องเรียน เรื่องงาน คือเอาจริง ๆ ถ้าทำให้แฟน ผมคิดว่าผมยังไม่เคยทำนะ หรืออาจจะทำแต่ผมไม่รู้ตัวก็ไม่รู้ (หัวเราะ)
ถามถึงกระแสตอบรับจากภาพยนตร์เรื่อง พรจากฟ้า เป็นอย่างไรบ้าง?
ดีมากครับ มีแต่คนอยากเป็นภรรยาท่านทูต (ยิ้ม) จริง ๆ ถือว่าผมโชคดีมาก ที่เข้าวงการมาก็ได้เล่นภาพยนตร์เลย ถือเป็นโอกาสที่ดีได้มาเจอพี่ ๆ ทีมงาน การทำงานในกองถ่ายให้อะไรผมมากมายครับ ให้ผมได้โตขึ้น ที่สำคัญแฟนคลับหรือคนซัพพอร์ตเราก็มากขึ้นด้วย
ทราบว่าจะมีผลงานละครด้วย?
ใช่ครับ ถ่ายทำใกล้เสร็จแล้ว เรื่องรักกันพัลวัน คาแรกเตอร์อาจจะดูน่ากลัวสำหรับบางคน (หัวเราะ) จริง ๆ น่าสงสารครับ เพราะต้องมาบริหารงานสวนสัตว์ ที่มีพ่อกับพี่ชายคอยจับตาดู เราก็จะกดดันเลยทำให้เขามีบุคลิกเคร่งขรึม พูดจาขวานผ่าซาก ไม่ค่อยสนใจใคร และมีความหลังฝังใจกับนางเอก เพราะนางเอกเคยแย่งแฟน คือนางเอกในเรื่องเป็นทอม และบังเอิญอีกว่า นางเอกเข้ามาเป็นลูกน้อง ก็เลยกัดกันไปกัดกันมา เรื่องนี้สนุกมากครับ พัลวันสมชื่อจริง ๆ ตัวละครเยอะมากและให้ได้ลุ้นตลอดว่า ใครจะอะไรกับใคร และเรื่องโลเคชั่นก็สวยมาก ป้าแหม่มผู้จัดละคร (แหม่ม ธิติมา สังขพิทักษ์) เน้นโลเคชั่นมากครับ เข้าป่า ดำน้ำ ถ่ายที่เขาใหญ่ เขาเขียว หลีเป๊ะ ภูเก็ต ถ่ายทำบนเรือ สวยและสนุกมากครับ
ถือว่าคุณก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงเต็มตัวแล้ว รู้สึกรักในวงการบันเทิงหรือยัง?
รักครับ แต่แรก ๆ ก็จะเครียด เพราะเราเริ่มจากศูนย์เลย แต่ก็โชคดีที่ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องพรจากฟ้า คือผมแสดงภาพยนตร์ก่อนแล้วมาเล่นละคร ซึ่งการเล่นภาพยนตร์ก็ทำให้เรารักในการแสดงมาก รู้สึกเอ็นจอยและมีความสุขมาก ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมพบอีกหนึ่งอาชีพที่ผมรักครับ
แล้วกับงานถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่น?
คือต้องบอกว่าผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสทำงานในวงการบันเทิง และในการทำงานแต่ละครั้ง พอกลับบ้านไป ก็จะคุยกับคุณแม่ คุณแม่ก็จะคอยบอกว่า ข้อเสียในครั้งนี้ของเราคืออะไร ผมก็จะเอากลับมาแก้ไข พอมันสำเร็จ แก้ไขได้ งานหน้าเราก็จะรู้สึกสนุก รู้สึกดีที่เราทำสำเร็จ คืองานแต่ละงานก็จะท้าทายต่างกัน พอเราสนุกกับการทำงาน ก็จะทำออกมาได้ดีเสมอ ส่วนงานถ่ายแบบผมว่ามันคนละแบบกับงานแสดง เหมือนเราต้องสร้างเรื่องราวให้กับภาพถ่ายในแต่ละครั้งก็ต้องอาศัย Inner พอสมควรแต่เป็นอีกงานหนึ่งที่สนุกทุกครั้งที่ได้ทำ
จากเด็กผู้ชายที่ตามคุณแม่ไปกองถ่าย เคยเล่นซุกซน แต่วันนี้ได้เข้ามาในวงการเต็มตัว เวลามองย้อนกลับไปคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?
รู้สึกแปลกมากครับ ผมจะเคารพในอาชีพนักแสดงของคุณแม่มาก แต่ไม่เคยคิดจะทำงานในวงการ แต่เมื่อเราโตขึ้น โอกาสก็เริ่มเข้ามา ผมว่าถ้าปฏิเสธ มันเหมือนไอติมถ้าไม่กินก็ละลายไปแบบสูญเปล่า ก็เลยลองเล่นโฆษณา จนรู้สึกสนุก โจทย์ก็ท้าทายขึ้น พอตัวที่สองก็สนุกขึ้นเพราะเราได้ใช้ประสบการณ์ครั้งแรกมาแก้ปัญหา และยิ่งได้มาเล่นหนัง เล่นละคร มันก็ยิ่งสนุกขึ้นไปอีก ที่ผมบอกว่าแปลกอีกอย่างคือ เวลาผมไปกองถ่ายกับแม่ผมก็จะเล่นซุกซน ปีนป่าย พอมาเล่นละครพี่ทีมงานบางคนก็ยังจำผมได้ คือเขายังอยู่ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็ก ก็เลยเป็นบรรยากาศที่แปลกและอบอุ่นมากครับ
เวลาที่คนพูดถึงคุณ จะบอกว่าคุณเป็นเด็กหนุ่มที่มีความคิดเป็นของตัวเอง คุณคิดว่าอะไรที่หล่อหลอมให้คุณเป็นแบบนั้น?
คุณแม่เลยครับ การเลี้ยงดูของคุณแม่จะเป็นเชิงจิตวิทยา คือไม่บังคับ แต่เราจะอยู่กันเหมือนเพื่อน คู่หู คู่คิด เป็นแม่ในบางครั้ง (ยิ้ม) ผมจำคำสอนของแม่ได้ไม่หมดนะครับ แต่ทุกอย่างมันอยู่ในตัวผมทั้งหมด แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ผมยึดถือ คือ เราเป็นผู้ชาย ต้องเทคแคร์ดูแลคน ต้องให้เกียรติทุกที่ เคารพสถานที่ เคารพคนที่เราทำงาน อย่างวันนี้มาถ่ายแฟชั่น ผมก็จะให้เกียรติเสื้อผ้าที่ผมใส่ เพราะถือเป็นอาชีพผม หรืออะไรที่ผมทำให้ทีมงานได้ ผมก็จะช่วยเต็มที่ครับ และการรู้จักหน้าที่ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ผมว่าสุภาพบุรุษต้องมี
ถามถึงเรื่องการดูแลตัวเองบ้าง?
ถ้าเรื่องหน้าตาเมื่อก่อนผมไม่ค่อยดูแลตัวเองเลยครับ แต่เข้าวงการมาก็มีบ้าง ทาครีมบำรุงก่อนนอน หรืออย่างรูปร่างที่เมื่อก่อนผมเป็นเด็กอ้วน แต่พอโตขึ้นก็เล่นกีฬาครับ ผมเล่นกีฬาทุกอย่าง ทุกประเภทจริง ๆ แต่มาค้นพบพรสวรรค์ด้านการตีกอล์ฟ และเป็นช่วงจังหวะที่ตัวเริ่มยืด คุณแม่ก็จะคอยดูแลเรื่องการกินควบคู่ไปด้วย เลยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีครับ (ยิ้ม)
ไอดอลหรือแรงบันดาลใจของคุณคือใคร?
หลายคนมากเลยครับ แต่คนที่ผมปลื้มที่สุดคือ พี่ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผมชอบความคิดเขามาก ทั้งการทำธุรกิจและการดำเนินชีวิต เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่เจ๋งมาก หรืออย่างพี่ณเดชน์ ผมก็ชอบและมีโอกาสได้ไปดูการแสดงของเขาที่กองถ่าย เข้าใจเลยว่าทำไมเขามีคนรักเยอะมาก ส่วนถ้าเป็นนักดนตรีผมยกพี่เล็ก ฮิวโก้ ไว้บนหิ้งเลยครับ พี่เล็กทำให้ผมรักและชอบในดนตรีครับ
ทราบมาว่าคุณใกล้จะเรียนจบแล้ว และกำลังทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธศาสนา?
ตอนนี้เรียนอยู่ปี 5 วิทยาลัยนานาชาติที่มหิดล ด้าน Communication Design และโปรเจ็กต์จบของทุกคนในปีนี้ ก็เห็นตรงกันว่าจะนำสิ่งที่เรียนมาทำประโยชน์ให้กับคนอื่นครับ ผมยึดศีล 5 และกฎไตรลักษณ์ในการดำเนินชีวิตอยู่แล้ว ก็จะนำสิ่งนี้แต่เป็นแค่ความหมายพื้นฐานนะครับ มาทำเป็นสื่อ ดีไซน์ให้เข้าใจง่าย เช่นภาพถ่าย หรือ MIX MEDIA ให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของผม คือหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างเกี่ยวกับพุทธศาสนาแต่จริง ๆ เราเจอมันทุกวัน อย่าง กฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ก็คือการเปลี่ยนแปลง อย่างผมเป็นนักแสดง วันหนึ่งผมอาจจะหมดชื่อเสียง หรือ วันนี้เราอยู่กับคนที่เรารักแต่พรุ่งนี้อาจจะไม่ใช่ เราต้องทำใจไว้ หรือทุกขัง คือความเป็นทุกข์ ทุกคนต้องเจออยู่แล้ว อยู่ที่เราจะจัดการมันยังไง อย่างผมถ้าทุกข์ก็จะแปปเดียวคือต้องหาทางแก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็จะคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว หรือสุดท้าย อนัตตา คือการไม่มีตัวตน คือทุกวันนี้เราปรุงแต่งตัวเอง โดยวัตถุ ของนอกกาย มันถือเป็นกิเลศชั้นยอด เราต้องรู้เท่าทัน แล้วสามอย่างนี้ ถ้าคนที่ไม่เข้าใจชีวิต ไม่เคยรู้ในทางพุทธศาสนา มันก็เกิดเป็นการฆาตกรรม การฆ่าตัวตายซึ่งมันน่าสลดมาก ฉะนั้นผมเลยอยากนำสิ่งที่ผมเรียนในมหาวิทยาลัยบวกกับสิ่งที่ผมสนใจ ทำเป็นสื่อให้ทุกคนเข้าใจง่าย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ Gen Y ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเติบโต ต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบ และถ้าเขามีปัญหา มีความทุกข์ ถ้าเขาเข้าใจตรงนี้ก็อาจจะช่วยได้ครับ
เพราะความคิดแบบนี้ ทำให้คุณถือเป็นหนึ่งในไอดอลหรือแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่?
ก็ดีใจมากครับ ผมรู้ว่ามันสำคัญขนาดไหน ผมอยากทำงานในวงการแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าผมสามารถส่งต่อ หรือส่งมอบตรงนี้ได้ ผมก็จะดีใจและภูมิใจมากครับ (ยิ้ม)