The Legend of
ในเวลานี้ถ้าพูดถึงเกมมือถือออนไลน์แล้ว คงไม่มีอะไรที่เป็นกระแสไปกว่า Pokemon Go ดังนั้นแล้วเรื่องราวของ Legend ฉบับนี้ จึงขอนำท่านผู้อ่านย้อนเวลากลับไปสู่ปี 1996 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กลับไปสู่ยุคแห่งต้นกำเนิดของเกมที่มีชื่อเรียกว่า Pokemon อะไรที่ทำให้เกมนี้อยู่มาได้นานถึงขนาดนี้ และมาฮิตทำเงินสร้างรายได้ในปัจจุบันกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เราลองมาติดตามกันครับกับ The Legend of the Pokemon
เกม Pokemon นี้ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์เกมอย่างหนึ่งครับคิดค้นและสร้างโดย ซาโตชิ ทาจิริ ซึ่งก่อนหน้านี้แฟรนไชส์เกมที่ดังและอยู่มานานที่สุดก็คือเกม “มาริโอ้” โดยเกม Pokemon นั้นมีแฟรนไชส์อยู่ถึง 4 อย่างครับนั่นก็คือ ภาคเกม, ภาคหนังสือการ์ตูน, ภาค Animation TV และภาค Animation Movie
โดยเหมือนสูตรสำเร็จของแฟรนไชส์เกมทั่วไปของญี่ปุ่นครับ เริ่มแรกจากการออกหนังสือการ์ตูนมาวางจำหน่ายก่อนในช่วงต้นปี 1996 ใช้ชื่อเรื่องว่า Pokemon Special เขียนบทโดย ฮิเดโนริ คุซากะ วาดโดย มาโตะ คาซาว่า (เล่ม 1-9) และซาโตชิ ยามาโมโตะ (เล่ม 10 จนถึงปัจจุบัน) โดยเริ่มต้นกล่าวถึงเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่อาศัยอยู่บนโลก ซึ่งได้นิยามศัพท์เรียกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ว่า Pokemon หรือ Pocket Monster หากแปลกันตรง ๆ นั่นก็หมายถึงมอนสเตอร์ที่สามารถจับมาอยู่ในลูกบอลได้นั่นเอง และยังกล่าวอีกว่าในโลกนี้มีโปเกม่อนอยู่มากมายหลายชนิดแตกต่างกันออกไป ตัวเอกในเรื่องนี้เป็นเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่า Red แห่งมาซาร่า ทาวน์ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก Dr.ออคิด ให้ออกติดตามค้นคว้าเก็บรวบรวมข้อมูลของโปเกม่อนในแต่ละสถานที่ต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการเป็น Pokemon Trainer และทำการบันทึกส่งข้อมูลกลับมาให้ Dr. จนครบจำนวน โดยการเดินทางของ Red ในครั้งนี้ได้ออกเดินทางกึ่งร่วมมือและแข่งขันไปกับ Green หลานชายของ Dr.ออคิด ซึ่งมีเป้าหมายเป็น Pokemon Trainer เช่นเดียวกันนั่นเอง
โดยในการเดินทางนั้นพระเอกของเราต้องมีโปเกม่อนเริ่มต้นที่จะไปช่วยต่อสู้ในการจับโปเกม่อนในที่ต่าง ๆ ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนเข้าใจผิดมาโดยตลอดครับว่าโปเกม่อนตัวแรกของพระเอกนั้นคือ Pikachu แต่แท้ที่จริงแล้วคือ Balbasaur หรือเจ้ากบดอกไม้ซึ่งภายหลังจะกลายร่างมาเป็น Ivysaur และ Venusaur ตามลำดับครับ เจ้าหนูสายฟ้า Pikachu นั้นเป็นตัวที่เนื้อเรื่องเขียนให้เจอต่อมาในภายหลัง แต่กาลกลับกัน Pikachu เป็นตัวละครที่ดังที่สุด เนื่องด้วยความน่ารักของมันนั่นเอง
จากนั้น Pokemon ก็ได้พัฒนาเข้าสู่ Animation TV ตามลำดับครับ แต่ตัวเอกในอนิเมชั่นทีวีนั้น ไม่ได้ชื่อ Red ดังเช่นในหนังสือการ์ตูน แต่ใช้ชื่อว่า ซาโตชิ ซึ่งในปี 1996 นั้นคนไทยก็ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของ Pokemon ด้วยข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่ว่า “เด็กญี่ปุ่นกว่าค่อนประเทศ เกิดอาการอาเจียนหลังจากดูการ์ตูนโปเกม่อน” สาเหตุมาจากฉากการต่อสู้ฉากหนึ่งที่เจ้าหนู Pikachu ได้ทำการใช้ท่าไม้ตายช็อตไฟฟ้าใส่คู่ต่อสู้ จนเกิดประกายไฟแปลบปราบกระพริบอยู่เป็นเวลานานทำให้เด็ก ๆ เกิดอาการเวียนศีรษะและอาเจียนในที่สุดนั่นเอง ซึ่งในตอนนั้นผู้ใหญ่ผู้ปกครองในบ้านเรานั้นค่อนข้าง Anti เจ้าโปเกม่อนมากอยู่พอสมควร ด้วยความกลัวว่าลูกหลานดูการ์ตูนแล้วจะอ้วกตาม
ผลกระทบในข่าวเสียหายอาจจะมีบ้างครับแต่จากนั้นไม่นานในปีเดียวกันบริษัทแม่อย่าง Nintendo ก็ได้จับมือคู่กับบริษัท GameFreak ออกเกมมาสู่ท้องตลาดให้เล่นคู่กับเครื่อง Gameboy โดยใช้ชื่อว่า Pokemon Red & Green ซึ่งอิงเนื้อหาจากในหนังสือการ์ตูน ผลที่ได้ออกมาก็คือขายดีเป็นเทน้ำเทท่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยเนื้อหาของเกมนั้นเป็นเกมภาษา ให้เราออกจับโปเกม่อนตามเมืองต่าง ๆ การออกเดินทางต่อสู้ไปเรื่อย ๆ ทำให้โปเกม่อนสามารถเก็บค่าประสบการณ์มีความเก่งกาจมากขึ้นและยังสามารถวิวัฒนาการไปในร่างต่าง ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ได้ทำให้บริษัท Nintendo ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพทางการตลาดและวางแผนพัฒนาเกม โปเกม่อนในภาคต่าง ๆ ต่อ ๆ มา
จากความสำเร็จดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้ต่อมาในปี 1999 บริษัท OLM ของประเทศญี่ปุ่น ได้ซื้อลิขสิทธิ์โปเกม่อน และสร้างเป็น Pokemon The Movie โดยใช้ชื่อตอนเป็นตอนพิเศษว่า ความแค้นของมิวทู เนื้อเรื่องกล่าวถึงโปเกม่อนในตำนานของภาคนี้ที่มีชื่อว่า Mew โปเกม่อนที่เชื่อว่าเป็นโปเกม่อนชนิดแรกของโลก มีอยู่เพียงตัวเดียวและมีพลังมาก นักวิทยาศาสตร์ได้เส้นขนที่ร่วงลงมาจากตัวของมิวและนำมาโคลนสร้างเป็น Mew Two (มิวทู) ขึ้นในแลป จากนั้นมิวทูที่ถูกสร้างขึ้นนั้น กลับเป็นโปเกม่อนที่ทรงพลัง และมีสติปัญญา มันมีความเจ็บแค้นที่ถูกสร้างขึ้น จึงได้ทำลายแล็ป และนำเอาโปเกม่อนที่ถูกโคลนสายพันธุ์ต่าง ๆ ออกอาละวาดไปทั่วนั่นเอง
Pokemon The Movie นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลาย ๆ องค์ประกอบ ทั้งในเรื่องความสนุก แง่คิดและที่สำคัญเพลงประกอบภาพยนตร์ของ Pokemon The Movie ติด Billboard Chart ของสหรัฐฯ เป็นเวลาอยู่หลายเดือน ซึ่งเพลงนั้นก็คือ Don’t say you love me ของวง M2M นั่นเอง หากใครที่เกิดทันช่วงปี 1999 ย่อมทราบดีเลยล่ะครับว่าเพลงนี้ดังขนาดไหน ซึ่งตั้งแต่ Pokemon The Movie ภาคแรกมาถึงปัจจุบันนั้นมีจำนวนถึง 18 ภาคทีเดียว
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของเกมโปเกม่อนนั้น เกิดจากการอัพเดทเกมและเนื้อเรื่องอยู่ตลอดเวลา แฟน ๆ นั้นสามารถเล่นเกมและอ่านเนื้อเรื่องได้อย่างต่อเนื่องกันโดยตลอดครับ โปเกม่อนทั้งในการ์ตูนและในเกมแต่ละภาคนั้นมีความสนุกและแตกต่างกันออกไป มีโปเกม่อนที่แปลกตาปรากฏออกมาอยู่ตลอด รวมไปถึงโปเกม่อนในตำนานต่าง ๆ ที่ทยอยปรากฏตัวออกมาให้เราได้ตื่นเต้นอยู่เรื่อย ๆ ว่ามันจะมีฤทธิ์เดชความสามารถอะไรบ้าง ซึ่งในเรื่องนี้นอกจากจะขอชมในเรื่องของการเขียนบทแล้ว ยังขอชมในส่วนของการดีไซน์ออกแบบตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเกมและเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างมาก
เกม Pokemon ได้มีภาคต่อ ภาคเสริมออกมาวางจำหน่ายอยู่เรื่อย ๆ โดยอิงมาจากเนื้อเรื่องในหนังสือการ์ตูน Pokemon Special ที่เขียนอย่างต่อเนื่อง (ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่จบ) โดยนับจากภาคหลัก ๆ จนถึงปัจจุบันเปรียบเทียบกับ Timeline การพัฒนาเครื่องเล่นและ Software ของเกมแล้วมีดังนี้
โปเกมอน สเปเชียล : Red, Green , Blue (1996 Gameboy)
โปเกมอน สเปเชี่ยล : Yellow (1998 Gameboy)
โปเกมอน สเปเชี่ยล : Gold, Silver, Crystal (1999 Gameboy color)
โปเกมอน สเปเชียล : Ruby, Sapphire, Emerald (2002 Gameboy Advance)
โปเกมอน สเปเชียล : Fire red & Leaf Green (2004 Gameboy Advance)
โปเกมอน สเปเชียล : Daimond & Pearl (2006 Nintendo Ds)
โปเกมอน สเปเชียล : Platinum (2008 Nintendo Ds)
โปเกมอน สเปเชียล : Black & White (2010 Nintendo Ds)
โปเกมอน สเปเชียล : X & Y (2013 Nintendo3 Ds)
และในปัจจุบันนี้ปี 2016 กับ Pokemon GO เกมโปเกม่อนที่สามารถเล่นบนมือถือได้เกิดจากการจับมือกันระหว่างบริษัท Nintendo และบริษัท Niantic ทำให้เราสามารถพบเห็นโปเกม่อนหลบซ่อนตัวอยู่ในทุก ๆ ที่ทั่วทุกมุมโลกอาศัยการนำทางของ GPS ซึ่งเราสามารถไล่จับโปเกม่อนในชีวิตจริงได้นั่นเอง
ผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่ากระแสความนิยมของ Pokemon Go จะคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยภาคที่เราเล่นในปัจจุบันนี้เปรียบได้เท่ากับภาค Pokemon Red, Green, Blue ซึ่งมีจำนวนโปเกม่อน 151 ชนิด มันยังมีภาคต่อในภาคต่าง ๆ ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีการอัพเดทตัวเกมกันอยู่เรื่อย ๆ ทั้งในเรื่องของภาคต่าง ๆ รวมไปถึงฟังก์ชั่นในการแลกเปลี่ยนโปเกม่อน แลกเปลี่ยน Item รวมไปถึงการ Battle กันระหว่าง Trainer ด้วยกันเอง ซึ่งผมเชื่อว่าบรรดาแฟนคลับคงจะตั้งตารอคอยการปรับปรุงโฉมในเร็ววันนี้ครับ
ผมเองในวัย 35 ปีวันนี้ขอบอกตามตรงเลยครับว่า ผมเองเป็นบุคคลหนึ่งในประเทศไทยที่เป็นแฟนโปเกม่อนตั้งแต่แรกเริ่ม เล่นมาแล้วทุกภาค เด็ก ๆ ไม่มี Gameboy ก็ไปนั่งดูลูกคนมีกะตังค์เขาเล่น แค่นั่งดูก็รู้สึกมีความสุข โตขึ้นมาหน่อยก็ไปหาโหลด Rom มาเล่นผ่าน Computer เติมเต็มความต้องการในวัยเด็ก
จนมาถึง Pokemon Go ในปัจจุบัน แต่เชื่อหรือไม่ครับหัวใจหลักของโปเกม่อนตามเนื้อเรื่องแท้จริงแล้วนั้น มันไม่ใช่การพัฒนาโปเกม่อนให้มีความแข็งแกร่งไปสู้กับคนอื่นหรือเก็บสะสมโปเกม่อนจนครบแต่อย่างใด แต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องของความอ่อนโยนและผูกพัน ซึ่งไม่ต่างกับคนและสัตว์ในโลกของความเป็นจริง
โปเกม่อนนั้นมีจุดดีจุดด้อยที่แตกต่างกัน เราจะต้องรู้จักนำส่วนดีของแต่ละตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และยิ่งเราเอาใจใส่กับมันมาก มันก็จะยิ่งส่งผลตอบแทนกลับมาหาตัวเรามากครับ แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ให้เราเอาชีวิตทั้งชีวิตไปเล่นอยู่แต่กับเกมโปเกม่อนนะครับ ยังไงก็เล่นให้พอดีอย่าลืมคนรอบข้าง และสำหรับ Legend ฉบับนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ