Kamolned Ruengsri

Kamolned Ruengsri

หลายคนมองว่าเธอคือนักแสดงเลือดใหม่ของช่อง 3 บ้างก็ว่าเธอคือนักเขียนหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในช่วงนี้ และอีกหลายต่อหลายคนยกให้เธอเป็น Hipster ตัวแม่ แต่ไม่ว่าจะมุมไหน เธอมักจะมีมุมที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ สมาร์ท และอาร์ตในบางเวลา ที่สำคัญ MiX MAGAZINE ฉบับนี้จะพาคุณไปพบกับอีกหนึ่งมุมมองของเธอคนนี้ ‘อาย กมลเนตร เรืองศรี’ 

อาย กมลเนตร ใน MiX MAGAZINE เล่มนี้ถือว่าเปลี่ยนไปมาก?

ใช่ค่ะ เป็นการถ่ายแบบครั้งแรกที่ดูโตขึ้น เปลี่ยนแปลงมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างตรงคือธีมของ MiX เล่มนี้จะเป็น The Evolution of the Book หรือวิวัฒนาการของหนังสือ หลายคนก็จะทราบว่าตัวอายเองก็เป็นคอลัมนิสต์ เขียนหนังสืออยู่ด้วย ส่วนสิ่งที่ถ่ายทอดมาทางแฟชั่นก็จะเป็นเซ็กซี่แบบเด็กเรียนนิดนึง เรียกได้ว่าเนิร์ดหน่อย ๆ ด้วยธีมเล่มจะตรงกับอาย แต่เรื่องความเซ็กซี่ก็ได้อยู่นะ (หัวเราะ) แต่จะเป็นการโชว์เล็ก ๆ ซึ่งอายว่ามันลงตัวมากค่ะ อายได้เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย คิดว่าคนดูน่าจะชอบนะ 

ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเห็นคุณถ่ายแฟชั่นสักเท่าไหร่?

ส่วนใหญ่จะไปทางละครและงานโฆษณามากกว่า จากที่เข้าวงการมา 5 ปี ต้องบอกว่าคอนเซ็ปต์ในการถ่าย MiX วันนี้สนุกและท้าทายมาก ลงตัวทุกอย่างเลยค่ะ

ถ้า MiX ฉบับนี้วางแผง แล้วมีคนติดต่อทาบทามให้รับบทเซ็กซี่หรือเปรี้ยวขึ้น คุณจะว่ายังไง?

ก็น่าคิดนะคะ (ยิ้ม) จริง ๆ แล้ว อายยังไม่เคยรับบทเซ็กซี่เลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นละครแนวพีเรียด หรือลุคสาวห้าว ลุย ๆ หรือสดใส น่ารัก ยังไม่ค่อยทิ้งคาแรกเตอร์ตัวเองเท่าไหร่ แต่ถ้ามีติดต่อมาแล้วทางผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม อายก็ยินดีค่ะ

ปีนี้จะเห็นได้ว่า ชื่อของอาย กมลเนตร ปรากฏอยู่ในละคร โฆษณา ไวรัลวิดีโอ หลายเรื่องมาก?

ใช่ค่ะ...ถือเป็นปีที่ดีมากสำหรับอาย เพราะได้ลองงานหลายรูปแบบ และรู้สึกสนุก เต็มที่กับทุกงาน อย่างละคร ก็ถ่ายทำมาสักพักแล้วค่ะ แต่เป็นช่วงจังหวะที่ออกอากาศพร้อมกัน คนก็จะเข้าใจว่าปีนี้อายปังนะ จริง ๆ มันทำงานมาต่อเนื่องเรื่อย ๆ มากกว่า ส่วนละครที่กำลังออกอากาศจะเป็นเรื่อง บ่วงอธิฏฐานค่ะ รับบทเป็น อุษาและปารมี 2 ตัวละคร เป็นละครที่ย้อนกลับไปในอดีต ก็จะมีทั้งภพปัจจุบันและภพอดีต คาแรกเตอร์ก็จะเป็นคนช่างพูดช่างคุย สดใสร่าเริง แต่จะขี้กลัว อย่างกลัวเรื่องผีหรือวิญญาณ คาแรกเตอร์ก็จะใกล้เคียงตัวอาย แต่ที่ยากคือเราต้องจินตนาการถึงผีหรือวิญญาณ และเล่นเป็น 2 ตัวละครค่ะ

ตอนนี้คุณเขียนคอลัมน์ให้กับที่ไหนบ้าง?

อายเขียน คอลัมน์ “มุมมองเห็น” ให้กับ นิตยสาร a day ค่ะ และมี Photo Book Eyes On Narita ที่เป็นนางแบบเองและเขียนบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจของเมืองนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น

ในฐานะที่คุณเป็นนักเขียน ส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร? 

ส่วนใหญ่มาจากการใช้ชีวิตค่ะ อายเป็นคนชอบพบปะผู้คน ชอบพูดชอบคุยกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่า คุยกับคนหลากหลายอาชีพ ตรงนี้มันคือข้อมูลที่ดี ข้อมูลใหม่ ๆ ในงานเขียนทั้งหมดเลยค่ะ เวลาที่เราได้คุย ถ้าเรื่องไหนที่เราชอบ เราก็จะขออนุญาตเจ้าของเรื่องว่าอายขอแชร์ต่อนะ หรืออย่างการนั่งสังเกตคนรอบข้าง ดูหนัง ฟังเพลง มันก็ทำให้เราต่อยอดความคิด จนออกมาเป็นงานเขียนได้ค่ะ อายชอบงานเขียน ตรงที่มันอิสระมาก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเซ็นซิทีฟในการรับสารด้วยและขึ้นอยู่ว่าจะนำมาบอกเล่าในมุมไหน 

คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเวลาทราบข่าวว่า นิตยสารหลายเล่มปิดตัวลง สื่อสิ่งพิมพ์ถึงยุคที่ต้องเปลี่ยนแปลง?

เวลาที่ทราบข่าวก็ใจหายนะคะ เพราะอายเองเป็นชอบคนอ่านหนังสือ เรารู้สึกว่ามันเข้าถึงมากกว่าสื่อออนไลน์ อายชอบการสัมผัส ได้จับ ได้เห็น และถ้าเล่มไหนชอบก็จะซื้อเก็บ เพราะมันหยิบมาอ่านได้ตลอด แต่อีกมุมหนึ่งก็ต้องเข้าใจโลกแห่งความจริงของยุคนี้ที่เป็นยุคดิจิตอล และคนก็อ่านหนังสือน้อยลง หรือเลือกเก็บน้อยลงเพราะทุกอย่างมันดูออนไลน์ได้ คนที่ทำหนังสือก็ต้องมีการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์หรือการนำเสนอ อายว่ามันคือการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า 

หนังสือเล่มโปรด?

เล่มโปรดจะเป็นหนังสือที่อ่านตอนเรียนมหาวิทยาลัยชื่อ มัชฌิมนิเทศ ของพี่โหน่ง วงศ์ทนง อ่านตอนเรียนปี 1 แล้วความคิดเปลี่ยนไปเลย คือเมื่อก่อนอายจะเป็นเด็กเรียน ค่อนข้างเนิร์ดเลยค่ะ จะโฟกัสที่เรื่องเรียน โฟกัสที่เกรดเฉลี่ยอย่างเดียว แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้วมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากกว่าในตำรา ทำให้เราเปลี่ยนมุมมอง แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียนนะคะ แต่หันมาทำกิจกรรมมากขึ้น และที่สำคัญมันทำให้เราได้คิดว่า การเรียนก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพียงแต่อย่าไปกดดันตัวเอง 
อย่าแข่งกับใคร ให้แข่งกับตัวเอง ทำให้เต็มที่ ไม่ตกหรือเรียนผ่านก็ถือว่าใช้ได้แล้ว แต่ถ้าได้เกียรตินิยม ก็ถือว่าเราได้โบนัส ยิ่งไม่เครียด เราก็จะทำได้ดี 

ในวันนี้มองว่าตนเองอยู่จุดไหนของวงการบันเทิง?

ถ้าจะเปรียบว่าวงการบันเทิงเป็นยอดเขา ตัวอายเองก็ยังคงค่อย ๆ เดินขึ้นถือว่าเป็นช่วงต้น ๆ เองค่ะ แต่ก็จะขอเดินไปแบบนี้ อยากเดินด้วยเท้าของตัวเอง อาจจะยากหน่อย แต่ถ้าเรามองกลับมาเราก็จะภูมิใจ หรือวันนึงเราต้องลงจากยอดเขา ก็จะได้รู้ว่าจะลงอย่างไรเพราะเรารู้วิธีเดินขึ้นมา ทุกวันนี้ที่ได้รับโอกาสอายว่ามันคือจังหวะชีวิต อายเชื่อในเรื่องของ TIMING ในเรื่องของจังหวะเวลานะคะ เราใช้ความสามารถของเราปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ ดีกว่า ไม่รีบค่ะ (ยิ้ม)

ถามถึงเรื่องหัวใจบ้างดีกว่า?

ก็เป็นคนนอกวงการค่ะ อาจจะเห็นแว้บ ๆ ใน IG ส่วนตัวของอายบ้าง (ยิ้ม ) เราเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันค่ะ คือคุยแล้วเข้าใจค่ะ ทิศทางเดียวกัน เพราะเราเองก็โตแล้ว ขอคุยกับคนที่เข้าใจกันดีกว่า อายว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของความสัมพันธ์นะ ตอนนี้ก็ให้กำลังใจกัน เชื่อใจกันค่ะ 

ปิดท้ายด้วยการฝากผลงานกันหน่อย?

ก่อนอื่นก็ขอขอบคุณบรรดาแฟน ๆ ที่ติดตามอายมาตั้งแต่เล่นเรื่องแรก คือ The Sixth Sense นะคะ อายค่อนข้างโชคดีที่มีแฟนคลับหลายกลุ่มมาก ทั้งเด็ก, ผู้ใหญ่ หรือว่าเด็กมหาวิทยาลัยที่เขาเป็นแฟนงานเขียน หรือแม้แต่แฟนคลับที่ชื่นชอบภาพ
ที่เราถ่ายก็มี มันทำให้เรามีกำลังใจในการสร้างสรรค์งานต่อไป แล้วก็ฝาก MiX MAGAZINE ฉบับนี้ด้วยนะคะ โตขึ้นและเซ็กซี่แน่นอนค่ะ ส่วนผลงานละคร เร็ว ๆ นี้ก็จะมีละครเรื่องบ่วงอธิฏฐาน ฝากติดตามกันด้วยนะคะ 

LADY QUOTE