ค่าตัวนักฟุตบอล

ค่าตัวนักฟุตบอล

ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับการซื้อขายตัวผู้เล่นคงหนีไม่พ้นเรื่องของพอล ป็อกบาที่ย้ายจากสโมสรยูเวนตุสในอิตาลี มากับอยู่สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดในอังกฤษ ด้วยค่าตัวที่ทำลายสถิติโลกอีกครั้งซึ่งสูงถึง 89 ล้านปอนด์ หรือ 105 ล้านยูโร 

ลองย้อนกลับไปที่การทำลายสถิติซื้อขายนักเตะมูลค่าสูงที่สุดในโลกครั้งที่แล้ว การย้ายทีมของปีกลิงจ๋อ แกเร็ธ เบลจากสโมสรสเปอร์ในอังกฤษ ไปยังสโมสรเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวที่สูงทะลุหลัก 100 ล้านยูโรเป็นครั้งแรก (100 ล้าน 8 แสนยูโร หรือ 86 ล้านปอนด์) ผ่านไปเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น ในยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังถดถอย

นั้นหมายความว่ามูลาค่าของเกมฟุตบอลทุกวันนี้กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกทีมต้องยอมรับความจริงว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน ทุกทีมต้องการนักเตะที่เก่งที่สุดและดีที่สุดมาร่วมทีม

ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีการทำลายสถิติโลกในการซื้อขายนักเตะไปแล้วถึง 7 ครั้ง เริ่มจากปี 2000 เฮอร์นัน เครสโป อดีตกองหน้าทีมชาติอาเจนติน่า ย้ายจากสโมสรปาร์ม่าไปอยู่กับสโมสรลาซิโอด้วยค่าตัว 35.5 ล้านปอนด์หรือ 55 ล้านยูโร ถือว่าเป็นนักเตะคนแรกที่สถิติค่าตัวเกินหลัก 50 ล้านยูโร

ต่อด้วยหลุยส์ ฟิโก้ อดีตกองกลางทีมชาติโปรตุเกสที่ย้ายข้ามฝากจากสโมสรบาร์เซโลน่าไปอยู่กับสโมสรเรอัล มาดริดด้วยค่าตัว 37 ล้านปอนด์ หรือ 62 ล้านยูโร ในปี 2001

ปี 2002 ราชันชุดขาวในยุคกาลาติกอส 1 ยังสร้างสถิติด้วยการดึงตัวซีเนอดิน ซีดาน นักเตะที่ถูกยกย่องว่าเก่งที่สุดในโลกยุคนั้นมาร่วมทีมจากสโมสรยูเวนตุสด้วยค่าตัว 46.6 ล้านปอนด์ หรือ 75 ล้านยูโร ก่อนที่ปี 2009 มาดริดสร้างทีมในยุคกาลาติกอส 2 อีกครั้งด้วยการใช้เงินถึง 136 ล้านยูโร ในการทำลายสถิตินักเตะที่มูลค่าซื้อขายสูงที่สุดในโลกปีเดียวกัน คือริคาร์โด้ กาก้า จากสโมสรเอซี มิลานด้วยค่าตัว 56 ล้านปอนด์ หรือ 68 ล้านยูโร กับคริสเตียนโน่ โรนัลโด้จากสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ หรือ 94 ล้านยูโร (ค่าตัวของซีดานแพงกว่ากาก้าในหน่วยเงินยูโร เพราะค่าเงินยูโรตก)

อีกจุดที่เห็นได้จากการซื้อขายนักเตะที่เป็นสถิติโลกในยุคนี้ คือสโมสรเศรษฐีใหญ่จากแดนกระทิงดุเรอัล มาดริด ซึ่งตั้งแต่ปี 2000 บอร์ดบริหารของทีมจ่ายเงินเป็นสถิติโลกจำนวน 5 จาก 7 ครั้ง ถ้าลองรวมจำนวนเงินทั้งหมดที่จ่ายไปเท่ากับ 306 ล้านปอนด์ หรือ 501.5 ล้านยูโร ในระยะเวลาเพียงแค่ 13 ปี

แน่นอนว่าเงินที่ใช้ทำลายสถิติโลกในยุคนี้ น้อยกว่าเงินรางวัลทีมที่ได้แชมป์ในแต่ละทัวร์นาเม้นท์

ไม่ว่าจะเป็นแชมป์บอลลีกในประเทศของตัวเอง หรือแชมป์รายการใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกรวมกันซึ่งน่าคิดว่ามูลค่าของนักเตะที่ถูกจ่ายไปและเป็นการทำลายสถิติโลก ไม่ใช่แค่มูลค่าในสนามของนักเตะที่จะทำให้ทีมเก่งขึ้นหรือมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเหนือทีมอื่นเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงมูลค่านอกสนามที่เป็นเรื่องของการตลาดอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเงินที่สามารถได้เพิ่มจากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด โดยเฉพาะลาลีกาลีกสเปนที่ก่อนหน้านี้ให้แต่ละทีมขายลิขสิทธิ์กับสถานีโทรทัศน์เองและรับเงินเท่ากับจำนวนที่ขายได้ ทำให้มีแค่ทีมใหญ่อย่างเรอัล มาดริดหรือบาร์เซโลน่า ที่มีรายได้มากกว่าทีมร่วมลีกอื่น ๆ (มากกว่าหลายเท่า) ด้วย

ขณะที่ลีกอังกฤษพรีเมียร์ลีกที่มีระบบการจัดการในเรื่องของนี้ต่างจากสเปนคือ ลีกจะเป็นผู้ขายลิขสิทธิ์เองและคอยนำเงินมาแบ่งกันตามสัดส่วนซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างของรายได้ในส่วนนี้ของแต่ละทีมในลีกไม่ห่างมากจนเกินไป แต่ปัจจัยที่นำให้ทีมใหญ่ในลีกมีเงินถุงเงินถังมากกว่าทีมอื่น ๆ มาจากค่าสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนต่าง ๆ จากทั่วโลก หรือเงินส่วนตัวจากเจ้าของสโมสรที่เป็นมหาเศรษฐีอยู่แล้ว

ต่อจากนี้เชื่อว่าการทำลายสถิติซื้อขายนักเตะก็คงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องรอเป็นระยะเวลายาวนานเหมือนสมัยก่อน ตราบใดที่มูลค่าของเกมฟุตบอลสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะสโมสรใหญ่ยังทำเงินได้มหาศาลจากสปอนเซอร์ ผู้สนับสนุน ตัวอย่างง่าย ๆ แค่บริษัทไทยอย่างสิงห์ คอปอเรชั่น ก็เข้าไปสนับสนุนทีมในอังกฤษถึง 4 ทีม ในฐานะ Global partner กับแมนฯ ยูไนเต็ด เชลซี แมนฯ ซิตี้และเลสเตอร์ ซิตี้”

ดังนั้นแนวคิดที่จะควบคุมเรื่องการเงินของยูฟ่าที่ตรวจสอบรายได้ของสโมสรต่าง ๆ ไม่มีทางที่จะหยุดการใช้เงินมหาศาลของทีมใหญ่ได้ ตราบใดที่สโมสรเหล่านั้นมีรายได้มากกว่ารายจ่าย หรือกฎ Home Grow ที่บังคับต้องใช้โควต้านักเตะท้องถิ่น เพราะมีตัวอย่างของทีมใหญ่ที่ทุ่มเงินซื้อนักเตะเพื่อสอดคล้องกับกฎนี้อย่างแมนฯ ซิตี้ ที่ใช้เงิน 47.5 ล้านปอนด์ หรือ 55.6 ล้านยูโร เพื่อซื้อจอห์น สโตน จากสโมสรเอฟเวอร์ตันซึ่งตัวนักเตะถือว่าฝีเท้าดี อายุเพียง 22 ปี แต่ถือว่าสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็นมาก

สุดท้ายการจ่ายเงินเพื่อซื้อนักเตะจำนวนมหาศาลก็จะเกิดเรื่อย ๆ และมูลค่าของนักเตะก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเราอาจจะได้เห็นสถิติโลกการซื้อขายนักเตะใหม่ถูกทำลายอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ครับ 

 

ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ