วิไลวรรณ์ สุชาติสุนทร และ ช่อทิพย์ ประสิทธิชัย
หากพูดถึงตลาดเครื่องสำอางในบ้านเราถือได้ว่ามีมูลค่ามหาศาล ทำให้จำนวนคนที่เข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางนั้นมีเยอะมาก สิ่งที่ตามมาคือการแข่งขันที่สูง ตรงนี้เองทำให้หลายแบรนด์ไม่สามารถอยู่ได้ แต่สำหรับ Cosluxe เองพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเครื่องสำอางโดยเฉพาะอายไลน์เนอร์ที่สาวหลายคนได้ทดลองใช้ด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง
Cosluxe เริ่มต้นมาจากหุ้นส่วนสำคัญ 2 คนคือ คุณพี วิไลวรรณ์ สุชาติสุนทร และคุณกิ๊ฟ ช่อทิพย์ ประสิทธิชัย ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่สมัยที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยก่อนหน้านั้นคุณพีเองได้ทำงานในบริษัทเครื่องสำอาง 2 แห่ง ทำให้รู้เรื่องของไลน์การผลิตและวิธีบริหารการจัดการต่าง ๆ ได้ดี มีความคิดที่ว่าอยากทำเครื่องสำอางของตัวเองขึ้นมาจึงเริ่มหาผู้ร่วมลงทุน โดยมองมาที่เพื่อนสนิทอย่างคุณกิ๊ฟ โดยในขณะนั้นคุณกิ๊ฟเองก็เป็นพนักงานประจำในส่วนของการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อมีเพื่อนมาชวนลงทุนในกิจการก็ตกลงทันที
“ในครั้งแรกเมื่อเราเห็นโมเดลธุรกิจทำเครื่องสำอางประเภทอายไลเนอร์จากเพื่อนก็ตกลงทำทันที เพราะเทรนมันกำลังจะมา ในเวลานั้นผู้ผลิตอายไลเนอร์มีน้อยมาก ที่มีจะอยู่บนเคาน์เตอร์แบรนด์ซึ่งมีราคาแพงแล้วเราก็พบว่ามันมีอยู่ยี่ห้อเดียวที่ดีและราคาถูกแต่มันหาซื้อยากมาก ก็คิดว่ามันน่าจะเป็นช่องทางที่เราสามารถแชร์ตลาดเขาได้ถ้าเราทำของดีราคาถูกขึ้นมา” คุณกิ๊ฟ
“เนื่องจากพีเองรู้ว่าเราจะผลิตสินค้าชนิดนี้อย่างไรให้คุณภาพดีเพราะเรารู้จักโรงงานที่มีคุณภาพ แต่กว่าจะได้สินค้าชุดแรกมาเราต้องทดสอบนานพอสมควรเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือเรามีเงินที่ร่วมลงทุนกับเพื่อนไม่เยอะ เมื่อทำสินค้ามาแล้วจะไปขายที่ไหนกันดี เราก็มองหาช่องทางออนไลน์ก่อนเลยเป็นที่แรก แล้วก็เริ่มกระจายฝากขายสินค้าตามร้านขายเครื่องสำอางในล็อตแรกแล้วก็ขายหมด ซึ่งเราก็เป็นเซลล์กันเองอยู่นานพอสมควร” คุณพี
“การตลาดในช่วงแรกจากงบที่น้อยคือการใช้บล็อกเกอร์เข้ามาช่วยโฆษณา โดยการส่งของไปให้เขาใช้รีวิว จากนั้นก็กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ คนก็เริ่มมาถามหาตามร้านค้าทำให้เราขายได้มากขึ้น แต่วิธีนี้ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเห็นผลตอบรับ ซึ่งกิ๊ฟคิดว่าการตลาดแบบปากต่อปากมันดีที่สุดวิธีหนึ่ง” คุณกิ๊ฟ
“จุดเด่นของ Cosluxe คือเรื่องของคุณภาพที่เทียบเท่าเครื่องสำอางบนเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่มีราคาที่ถูกกว่า แล้วเราจะโฟกัสเป็นอายไลเนอร์ type A B C ให้ครบทุกประเภท พอมันหมดแล้วเราจะมองไปที่ตัวอื่น ซึ่งได้เริ่มทำดินสอเขียนคิ้วขึ้นมา โดยตอนนี้เรามีสินค้าราว 7- 8 ประเภทคือมี คิ้ว ตา คอนแทคเลนส์ ขนตา ที่เลือกตรงนี้เพราะว่ามันโฟกัสได้ชัดเจนที่สุด” คุณพี
ปัจจุบันบริษัท Cosluxe มีการเติบโตมากขึ้นทำให้มีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจนโดยคุณคุณกิ๊ฟดูเรื่องการตลาด และการขายโมเดิร์นเทรดเข้าห้างสรรพสินค้า ส่วนคุณพีจะดูขายส่งและดูเรื่องการพัฒนาสินค้าตามที่ตัวเองถนัดเมื่อมีการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้น ยอดขายจากเดิมที่มีหลายสิบล้านบาท กำลังแตะหลักร้อยล้านบาทในไม่ช้านี้
“กว่าจะมาถึงตรงนี้เราก็ประสบปัญหามาเยอะตั้งแต่เรื่องปัญหาภายใน ทั้งเรื่องการถูกโกงเงิน เรื่องสินค้า แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เรื่องสำคัญอย่างหนึ่งคือเรื่องของคู่แข่งที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาทำเครื่องสำอางคุณภาพ ใช้วิธีผลิตของคุณภาพต่ำแต่โปรโมทหนักแล้วเมื่อคนซื้อไปของไม่ดีเขาก็ปิดแบรนด์หนีแต่ได้เงินไปแล้ว จากนั้นก็ไปสร้างแบรนด์ใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันทำลายตลาด” คุณกิ๊ฟ
“ส่วนเรื่องที่คนกังวลว่าเศรษฐกิจชะลอตัวเราจะได้รับผลกระทบหรือเปล่า ในเรื่องของเศรษฐกิจตอนนี้ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของเราคือ ผู้หญิงยังไงก็ต้องแต่งหน้าเพราะผู้หญิงต้องสวยงามอยู่ตลอดเวลา แต่พฤติกรรมของผู้หญิงอาจเปลี่ยนไปจากที่เคยซื้อดินสอเขียนคิ้วแท่งละ 600 บาท จะเหลือ 300 บาท อายไลเนอร์ แท่งละ 900 บาท เหลือ 200 บาท ในคุณภาพที่เหมือนกัน ก็เหมือนเป็นความโชคดีของเราที่คนเคยซื้อในราคาสูงแต่ลงมาซื้อในราคาประมาณเราแทน” คุณพี
“เรามาจาก SME ในยุคแรกที่มีการแข่งขันไม่สูงมากเหมือนปัจจุบัน แต่ตอนนี้สื่อออนไลน์เยอะมาก ผู้คนส่วนใหญ่ก็เสพสื่อเยอะขึ้น ทำให้การโปรโมทด้วยกระแสต่าง ๆ ทำได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ เราเริ่มต้นมาด้วยความคิดที่ว่าอยากมีเงินเพิ่มจากการทำงานประจำ ซึ่งอายไลเนอร์ ล็อตแรกที่ทำออกมาขายหมด ทำให้เราต้องออกจากงานประจำมาทำบริษัทเครื่องสำอางอย่างจริงจัง วันนี้เราคาดหวังว่าอยากจะขยายไปต่างประเทศบ้างอย่างเมืองจีน” คุณกิ๊ฟ
“บางคนเห็นว่าทำไมเรายังไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้า ขอบอกว่าหัวใจของการทำแบรนด์คือมันอยู่กับที่ไม่ได้ คือถ้าอยู่นิ่งเมื่อไหร่เราตายทันที ตรงนี้เองเราต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้คนอื่นวิ่งตามเราอีกทีหนึ่ง มันอาจจะเป็นข้อดีของเราที่มาสายการพัฒนาสินค้าทำให้เราตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา สำหรับการทำธุรกิจ SME สักอย่างหนึ่งถามว่าทำไมบางคนมีเงินไปลงทุนทำธุรกิจจึงไม่ประสบความสำเร็จ ความจริงต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบในสิ่งที่ตัวเองทำหรือไม่ อย่าเห็นว่าคนอื่นทำแล้วสวยงามตลอด เพราะอย่างเราเองก็ทำอะไรล้มเหลวมาเยอะแต่เรายังไม่ถอดใจ แต่ควรศึกษาให้รอบคอบแล้วลงมือทำอย่างจริงจังไม่นานจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน” คุณพีทิ้งท้ายถึงหัวใจของการสร้างแบรนด์ให้เติบโต