จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ
นักธุรกิจส่วนใหญ่มักเลือกทำธุรกิจที่ตัวเองถนัด หรืออย่างน้อยก็ลงทุนในธุรกิจอื่นเพียงไม่กี่ชนิดที่ตัวเองมั่นใจเท่านั้น แต่สำหรับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างคุณจักรพันธ์ ประจวบเหมาะ นั้นอาจต่างจากนักธุรกิจทั่วไปเพราะเขาเลือกทำธุรกิจที่หลากหลาย โดยในกลุ่มบริษัท เจพี กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) มีบริษัทในเครือมากมาย อาทิ จำหน่ายรถจักรยานและรถจักรยานยนต์ทั้งสินค้าใหม่และมือสองคุณภาพ รวมถึงรถอเนกประสงค์ โดยมีระบบแฟรนไชส์ JPW ธุรกิจบริการด้านสินเชื่อ ธุรกิจไอที (iWish) ธุรกิจมีเดียที่รวมแล้วมีมูลค่าหลายพันล้านบาท
คุณจักรพันธ์ ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มทำธุรกิจแล้วเติบโตทันทีอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ความจริงแล้วมีเขาพื้นฐานทำธุรกิจตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งมาถึงในยุคที่เรียนมหาวิทยาลัยก็เริ่มทำธุรกิจใหญ่มากขึ้นอย่างการขายโมเดลการ์ตูนหรือนาฬิกามือสองแบรนด์เนม เมื่อเรียนจบจึงเก็บเงินกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยทำธุรกิจปศุสัตว์แต่ไม่ประสบความสำเร็จนักจึงเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่คือ โรงงานน้ำดื่ม ครั้งนี้ไม่ผิดหวังสร้างกำไรให้สามารถต่อยอดได้อีกหลายธุรกิจอย่างในปัจจุบัน
แต่สิ่งที่เขากำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษคือเรื่องของธุรกิจสื่อโฆษณาตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยนวัตกรรมการโฆษณารูปแบบใหม่ไม่เคยมีในเมืองไทย เรียกว่า Social Life Tower เป็นทาวเวอร์โฆษณา 4 ด้าน มองเห็นได้ทุกด้าน ขนาดความสูง 8 เมตร มีลูกเล่นมากกว่าโฆษณาปกติทั่วไปโดยเขาเลือกเปิดตัวที่สนามบินภูเก็ตเป็นที่แรก
“ตรงส่วนนี้มีเพียงสนามบิน Los Angeles เท่านั้นที่มี เราเอามาทำเป็นประเทศที่สอง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมานานแล้วพอมีโอกาสเลยลุย ผมเห็นว่าธุรกิจสื่ออนาคตมันอีกไกลก็เลยมาทำตรงนี้ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือธุรกิจมีเดียมันมีคนทำเยอะเราจึงต้องหาจุดขายของตัวเองที่ไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นจอสี่เหลี่ยมแล้วเอาไปติดตามสี่แยกแล้วขายโฆษณาแบบนี้เราคงไม่ได้ทำ แต่เราทำอะไรที่มันอลังการกว่านั้น มีซอฟแวร์ที่สามารถเล่นกับคนเดินผ่านไปมาในสนามบินได้ ที่สำคัญเป็นฐานข้อมูลให้กับสนามบิน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้
“โดยส่วนตัวแล้วให้มองผมเป็นนักลงทุนมากกว่า หากมีใครขายบริษัทหรืออยากให้ผมไปร่วมทุนผมจะวิเคราะห์อย่างดีหากมองแล้วว่ามีอนาคตผมจะเข้าไปลงทุนทันที อย่าง บริษัท เจพี มอเตอร์เวิร์คจะเป็นธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานและรถจักรยานยนต์ที่ผมสร้างขึ้นมาเอง ธุรกิจไอที (iWish) ผมจะเข้าไปถือหุ้นร่วมทุนกับบริษัทอื่นครึ่งหนึ่ง ธุรกิจคมนาคมผมจะใช้วิธีเทคโอเวอร์เข้ามา นอกจากนี้ยังมีธุรกิจรักษาความปลอดภัยที่ผมเทคโอเวอร์เข้ามาเหมือนกัน ข้อดีอย่างหนึ่งคือมันประหยัดเวลา ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีระบบที่ดีอยู่แล้วผมก็จัดทีมมืออาชีพเข้าไปบริหารงานเท่านั้น
“ที่ทำธุรกิจเยอะเป็นเพราะความชอบมากกว่า คนทั่วไปถ้าเขามีเงินอาจจะให้รางวัลตัวเองโดยการซื้อบ้านราคาแพงผมชอบบ้านราคาปกติ แต่ผมจะเอาเงินไปทำธุรกิจมากกว่าแล้วธุรกิจทุกตัวมันก็โตตลอด มีคนชอบถามผมว่าเราจะดูแลธุรกิจที่มากขนาดนี้ได้ครอบคลุมแค่ไหน ผมจะเน้นในการหาคนเก่งเข้าไปดูแลธุรกิจที่สร้างขึ้นมา หากผมลงทุนธุรกิจใดผมจะมั่นใจก่อนว่ามี CEO เข้าไปดูแลรับผิดชอบ แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาเมื่อใดผมจะพิจารณาขายทันที เวลาที่เราเทคโอเวอร์ธุรกิจใดมาจึงจำเป็นต้องดูวัสดุอุปกรณ์คลังสินค้าว่าเขามีอะไรที่ทำกำไรให้เราได้บ้าง เมื่อถึงคราวที่ตัดสินใจขายตรงนี้จะทำให้เราไม่ขาดทุน
“การทำธุรกิจมันมีปัญหาทุกวันแต่ส่วนใหญ่มันก็มาจากระบบการจัดการภายในมากกว่าปัญหาด้านอื่น โดยเฉพาะคนที่เราส่งไปทำงาน เราอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึงพนักงานทำงานผิดพลาดรวมถึงเรื่องของการทุจริต มีการแบ่งฝ่ายหรือไม่ถูกกันบ้าง ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนโยกสายงาน แก้ปัญหาให้มันสุดก่อนถ้าแก้ไม่ได้ก็เลิกนำธุรกิจออกขายเลย เราจึงต้องทำให้เขาเห็นก่อนว่าถ้าทะเลาะกันผลจะเป็นแบบนี้ คนเราสิ่งที่กลัวที่สุดคือการตกงาน ผมคิดว่าธุรกิจในเครือผมมีเยอะถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องขายแต่ถ้าขายแล้วขาดทุนผมไม่เอา ผมต้องขายโดยที่มีกำไรเท่านั้น
“ธุรกิจมันคือเรื่องของโอกาสว่าในเวลานั้นธุรกิจตัวไหนจะทำเงินได้บ้าง แต่บางทีเราไม่รู้หรอกว่าตัวไหนจะสำเร็จก็ต้องทำมันไปเรื่อย เพราะผมคิดว่าการที่อยู่เฉย ๆ เป็นความเสี่ยงที่สุดแล้ว เพราะมันเท่ากับศูนย์มีเงินก็อาจหายไปเรื่อย ๆ กับการใช้จ่ายหรือโดนดอกเบี้ยกินเงินต้นหมด แต่ถ้าลงมือทำยังมีโอกาส 50% ที่จะสำเร็จได้
“สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งมันอยู่ที่ Vision โดยปกติคนเรามีเรื่องแบบนี้ไม่เหมือนกัน อย่างผมถ้าจะเลือกทำธุรกิจสักหนึ่งตัวจะมองว่าธุรกิจที่ทำตัวไหนสามารถเติบโต แต่มันไม่อาจถูกต้องตลอดมันก็อาจผิดพลาดเหมือนกัน เพราะอนาคตไม่มีใครคาดเดา
ได้ทั้งหมดจึงต้องประกอบด้วยความสามารถและโชคชะตารวมกัน ถึงอย่างไรก็ตามคนเราไม่ควรหยุดเดินทำมันไป 10 รอบ สำเร็จเพียง 2 ครั้งใหญ่ ๆ ก็เพียงพอแล้ว”
แม้จะสร้างธุรกิจมากมายขึ้นแน่นอนว่าเขาไม่หยุดตัวเองอยู่แค่นี้ เพราะอีกไม่นานเราจะได้เห็นบริษัทในกลุ่มของเขาไปลงทุนในคอมมูนิตี้มอลล์ย่านราชดำเนิน เท่านั้นยังไม่พอบริษัทของเขากำลังก้าวเข้าไปโลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นการการันตีว่าเขาคือนักธุรกิจที่มีความสามารถคนหนึ่งของประเทศไทยอีกด้วย
Know Him
• เขาจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
• นอกจากการลงทุนในรูปแบบธุรกิจแล้วเขายังเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นที่มีพอร์ทหลายร้อยล้านบาท
• เขาได้ถ่ายทอดแนวคิดการทำธุรกิจผ่านหนังสือของตัวเอง ที่มีชื่อว่า“สร้าง 500 ล้าน เพียง 2 ปี”