ผิดไหม
เมื่อใดก็ตามที่อันตรายเริ่มใกล้เข้ามาถึงตัวเรา กลไกการป้องกันตัวเองก็จะเริ่มทำงาน เช่น หากมีใครจะเข้ามาทำร้ายเรา เราก็ต้องหาวิธีการป้องกัน จะด้วยการหนี หรือต่อสู้กลับก็สุดแล้วแต่ และหากการกระทำตอบกลับรุนแรงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ หรือถึงแก่ชีวิต แม้จะมีความผิด แต่หลาย ๆ กรณีก็จะถือเป็นการป้องกันตนเอง คือผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ (เป็นกรณี ๆ ไป และต้องสืบให้พบว่าข้อเท็จจริงคือการป้องกันตัวเองอย่างแท้จริง) ทว่าการป้องกันตนเองจากสัตว์ที่ปรี่เข้ามาจะทำร้าย กลับกลายเป็นเรื่องราวที่เกิดความเข้าใจผิด และกลายเป็นที่ฮือฮาในสังคม เหมือนอย่างเรื่องของ เชน
เชน เป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่คอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ โดยปกติแล้ว เขาเป็นคนที่รักสัตว์ เพราะที่บ้านก็เลี้ยงสุนัข และแมวไว้อย่างละ 2 ตัว รวมไปถึงหากมีสุนัขหรือแมวจรจัดเข้ามาเขาก็จะหาข้าวหาน้ำให้มันได้กินจนอิ่ม
ทว่าเหมือนฟ้าสั่งสวรรค์แกล้ง เย็นวันหนึ่งที่ เชน กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและในระหว่างการตรวจตราพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยทุกข์สุขของประชาชนตามปกติ เขาได้พบกับเหตุการณ์ที่สุนัขฝูงหนึ่งประมาณ 5-6 ตัว เห่าและกำลังจะเข้าทำร้ายสองแม่ลูก เชนได้พยายามตะโกนห้ามปรามพวกมัน
เชน : ไป อย่าเข้ามานะ หมาก็อยู่ส่วนหมาสิวะ
แม่ : ช่วยด้วยค่ะ ช่วยดิฉันกับลูกด้วยค่ะ
เชน : ถอยไปชิดกำแพงฝั่งนั้นเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะใช้ปืนยิงขู่ พวกมันจะได้หนีไป
แม่ : ค่ะค่ะ ช่วยด้วยค่ะ
เด็กชาย : ช่วยด้วยครับคุณอา ผมกลัวครับ
ไม่ทันสิ้นเสียงของเด็กชายสุนัขตัวหนึ่งกระโจนเข้าทำร้ายเด็กชายพร้อม ๆ กับอีกหลายตัวกำลังตามเข้ามา เชนตัดสินใจยิงเข้าใส่สุนัขกลุ่มนั้นทันทีสองนัด กระสุนทะลุผ่านไปยังท้องของสุนัขตัวหนึ่ง ส่วนอีกนัดเข้าที่หัวของอีกตัว ทำให้สุนัขส่วนที่เหลือเมื่อได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งหนีไป
สุนัขทั้งสองทนพิษบาดแผลไม่ไหว ล้มลง และตายในเวลาต่อมาไม่นาน
เหตุการณ์ครั้งนี้มีคนเห็นเหตุการณ์อยู่พอสมควร มีทั้งเสียงสรรเสริญ และไม่พอใจในสิ่งที่เชนทำลงไป เพราะถือเป็นการทำร้ายสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีทางสู้ และทางเจ้าของเมื่อทราบเรื่องว่าสุนัขถูกยิงตาย ก็ต้องการจะเอาเรื่องเชนให้ถึงที่สุด
Q : เอาละครับ เชนจะมีความผิดหรือไม่ อย่างไร ไปติดตามกันครับ
A : จากข้อเท็จจริงปรากฏว่า สุนัขฝูงหนึ่งมีจำนวน 5-6 ตัว กำลังเห่าและจะเข้าทำร้ายสองแม่ลูก แม้เชนเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่และเห็นเหตุการณ์จะเข้าไปตะโกนเพื่อจะห้ามปรามพวกมัน แต่ก็มีสุนัขตัวหนึ่งกระโจนเพื่อเข้าทำร้ายเด็กชายพร้อม ๆ กับ มีอีกหลายตัวกำลังตามเข้ามา ตามอุทาหรณ์ดังกล่าว เด็กชายกำลังจะได้รับอันตราย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ดังนั้นการที่เชนใช้ปืนยิงไปที่สุนัขและมีผลทำให้มันตายเป็นกรณีที่มีความจำเป็น เพื่อป้องกันอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายของเด็กชายตามพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 21 (6) การกระทำดังกล่าวของเชน จึงไม่ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ตามมาตรา 20 แต่อย่างใด
จะเป็นคนหรือสัตว์ต่างก็รักชีวิตและร่างกายด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นสัตว์ก็ไม่มีสิทธิทำร้ายคน คนก็ไม่มีสิทธิทำร้ายสัตว์เช่นกัน ถึงแม้จะมีพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 แล้วก็ตาม มันก็ไม่มีสิทธิจะทำร้ายคนเพราะว่าคนก็สามารถอ้างเหตุจำเป็นจะป้องกันตัวเองได้เช่นกัน
พระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
“สัตว์” หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดงหรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
“การทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทําหรืองดเว้นการกระทําใด ๆ ที่ทําให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ ได้รับความเจ็บปวดความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรืออาจมีผล “การทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทําหรืองดเว้นการกระทําใด ๆ ที่ทําให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ ได้รับความเจ็บปวดความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรืออาจมีผล
มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
มาตรา 21 การกระทําดังต่อไปนี้ ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ตามมาตรา 20(6) การฆ่าสัตว์ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อป้องกันอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายของมนุษย์ หรือสัตว์อื่น หรือป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สิน
มาตรา 31 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
WORD OF WISDOM
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ต้องการความยุติธรรมและมีกฎหมายคุ้มครองด้วยกันทั้งสิ้น
นิติธัช