หลังจากที่รอคอยกันมาพักใหญ่ สาวกพันธุ์แท้ของ JAZZ ก็ได้สมใจกันสักที หลังจากที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถ All New Honda Jazz เจนเนอเรชั่นที่ 3 ในตลาดรถยนต์ซับคอมแพคของเมืองไทย  แค่ช่วงเปิดตัวก็สามารถสร้างกระแสความนิยมได้อย่างล้นหลาม ด้วยรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวโดนใจวัยรุ่นแบบเต็มๆ

ภายนอกแตกต่างจากรุ่นเดิมอยู่พอสมควร แต่รูปลักษณ์โค้งเว้าโดยรวมแล้วยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ JAZZ อยู่เหมือนเดิม รูปทรงดูอ้วนและกลมมากขึ้น แต่ยังแอบแฝงเหลี่ยมมุมไว้ได้อย่างน่าสนใจ ดูดีเลยทีเดียว ตัวถังใกล้เคียงกับรุ่นเดิมมีขนาดความยาว 3,955 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 3,915 มิลลิเมตร) ความกว้างและความสูงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1,695 และ 1,525 มิลลิเมตรตามลำดับ 

ฐานล้อ 2,530 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 2,500 มิลลิเมตร) ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,476/1,466 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 1,476/1,459 มิลลิเมตร) น้ำหนักเบากว่า 1,088 กิโลกรัม (รุ่นเดิม 1,115 กิโลกรัม) ตัวรถดูโดยรวมใหญ่ขึ้นเล็กน้อย อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้น แต่น้ำหนักรถกลับเบาลงห้องโดยสารเน้นความทันสมัย หรูหราแต่แฝงความเป็นสปอร์ตอยู่เต็มเปี่ยม ดูสวยงามและลงตัวคล้ายๆ กับฮอนด้าซิตี้ สามารถพับเบาะได้หลายแบบ ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเด่นของ JAZZ อยู่แล้ว เบาะคู่หน้านั่งสบายกระชับตัวดี ขับขี่ในระยะทางไกลไม่รู้สึกเมื่อยล้า 

สำหรับตัวท็อปมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้ครบครัน เช่น จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, Paddle Shift, ครูสคอนโทรล, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, ที่เท้าแขนระหว่างเบาะหน้ามีที่เก็บ Tablet, ลำโพง 6 ตัว ระบบความปลอดภัยมีแอร์แบ็กคู่หน้า แอร์แบ็กข้าง และม่านนิรภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกันกับรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ โดย JAZZ จะเน้นดีไซน์เพิ่มเติมในเรื่องที่วางของกระจุกกระจิกเสียมากกว่า 

การเก็บเสียงจากพื้นผิวถนนในห้องโดยสารทำได้ดี จะมีบ้างก็คือเสียงลมปะทะและเสียงเครื่องยนต์เวลาเร่งที่ค่อนข้างดังเข้ามาในห้องโดยสารสักหน่อย ได้ฟีลลิ่งไปอีกแบบฟังสนุกในการเร่งเครื่องดีครับ

ยังคงใช้เครื่องยนต์เหมือนตัวเดิมแต่ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลดความฝืดและลดน้ำหนักชิ้นส่วนภายใน พร้อมชุดแคมชาฟต์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยต์ PGM-FI และลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 มีความจุ 1,497 ซีซี 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.9 กก.-ม. ที่ 4,700 รอบต่อนาที 

ส่วนเกียร์อัตโนมัติ CVT พัฒนาใหม่ภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และให้อัตราเร่งที่ดี แต่ JAZZ ใหม่มีแรงม้าที่ลดลงจากรุ่นเก่า 3 แรงม้า จากเดิม 120 แรงม้า เหลือ 117 แรงม้า ซึ่งแรงม้าที่หายไปนั้น เป็นเพราะต้องปรับจูนเครื่องยนต์ให้รองรับ E85 แต่แค่ 3 แรงม้า ไม่มีผลกระทบกับการใช้งานทั่วไปเท่าไหร่

จากการทดสอบ New JAZZ ให้ความคล่องตัวสูง ขับง่าย อัตราการเร่งแซงถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว นอกเมืองถนนโล่งเมื่อกดคันเร่งเพิ่มขึ้นเครื่องยนต์ทำงานผสานกับเกียร์ CVT ใหม่ ได้อย่างลื่นไหล มีทอร์คคอนเวอร์เตอร์ช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงออกตัว ความรู้สึกในการขับคล้ายเกียร์อัตโนมัติแบบฟันเฟืองทั่วไป แต่กลับนุ่มนวลมากขึ้นในขณะขับขี่ เมื่อรวมกับเครื่องยนต์ที่ทำงานราบเรียบจึงขับสบายและตอบสนองดี ลื่นไหลขึ้นแบบต่อเนื่องจนไปแตะที่ 170 กม. / ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อัตราความสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 14.7 กม. / ลิตร

ระบบกันสะเทือนยังคงใช้แบบเดิม ด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบาร์ H-Shape มีการเซ็ตช่วงล่างให้แข็งกว่าฮอนด้าซิตี้ เพื่อให้เหมาะกับบุคลิกความเป็นสปอร์ต ซึ่งลองเข้าโค้งด้วยความเร็ว ยังคงให้ความมั่นใจ ไม่มีอาการโคลงให้รู้สึกมากนัก และเมื่อขับผ่านถนนขรุขระช่วงล่างสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ไม่นิ่มและไม่แข็งจนเกินไป เกาะถนนเป็นอย่างดี เหมาะกับการใช้งาน แถมยังมาพร้อม VSA หรือ Vehicle Stability Assist ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง 
และ HSA หรือ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชันอีกด้วย

ระบบเบรกหน้าดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังจากเดิมเป็นดิสก์ เปลี่ยนเป็นดรัมเบรก มีตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์ ABS และ EBD รวมทั้งระบบ ESS หรือ Emergency Stop Signal ไฟฉุกเฉินกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน ซึ่งการทำงานของเบรกดีกว่ารุ่นเดิม เบรกได้นุ่มนวล ลองเบรกหนักๆ ตัวรถก็ถูกดึงลงอย่างรวดเร็ว มั่นใจได้ทีเดียวสำหรับระบบเบรก

สรุปจากการทดสอบโดยรวมแล้ว ยังมีความคล้ายรุ่นเก่าทั้งในส่วนของตำแหน่งท่านั่ง มุมมองและทัศนวิสัย แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ ความสะดวกสบายที่ได้จากพื้นที่ใช้สอยภายในเพิ่มมากขึ้น ที่นั่งด้านหลังมีที่วางขาเพิ่มขึ้น อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน 
เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย และรูปร่างหน้าตาที่สวยงามขึ้น รวมทั้งสีสันที่ทำให้รถดูน่าใช้ อีกทั้งยังสามารถรองรับน้ำมันได้ถึง E85 กับราคาเริ่มต้นที่ 555,000 - 754,000 บาท ผมว่าเป็นรถที่น่าใช้รุ่นหนึ่งเลยทีเดียวครับ 

Trick & Tip

ความเข้าใจผิดๆ ในการยกใบปัดน้ำฝนหลายคนยกใบปัดน้ำฝน เพราะต้องการยืดอายุใบปัดน้ำฝน แต่หารู้ไม่ว่าจะทำให้สปริงที่ทำหน้าที่ดึงใบปัดให้แนบกระจกล้า ผลที่ตามมาคือ ยิ่งวิ่งเร็ว ใบปัดน้ำฝนจะยกตัวออกจากกระจก ทำให้การปัดน้ำฝนมีประสิทธิภาพลดลง