ตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปัจจุบัน เราจะคุ้นตากับสัญลักษณ์แบรนด์ไนกี้ บนชุดกีฬาของทีมฟุตบอลที่มีแฟนบอลทั่วโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทันทีที่จบฤดูกาล 2014 - 2015 นี้ เราก็จะไม่ได้เห็นมันอีก .... 

นั่นก็อาจเป็นเพราะตลอด 12 ปีที่ผ่านมาไนกี้ต้องเทเม็ดเงินให้แมนฯ ยูไนเต็ด ราวๆ 24 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล เรื่อยมาจนมาถึงสัญญาวาระล่าสุดที่แมนฯ ยูไนเต็ด ขอขยับค่าพื้นที่อีกสักนิด ซึ่งแน่นอนนี่อาจเป็นเรื่องกลไกทางการตลาดของทีมเขา แต่มันดันไม่เข้าแก๊ปกับผู้จ่ายเงินน่ะสิทีนี้ (แหม ... ผลงานก็ไม่ค่อยจะน่าปลื้มยังเรียกเงินเพิ่มอีก!!!) 

ถึงตรงนี้แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะบอกว่า ‘แต่ฉันเป็นสโมสรที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุด มีแฟนบอลมากที่สุด แถมผลงานของสโมสรก็อยู่ในระดับแนวหน้าของยุโรปอีกด้วยนะ’ (หมายถึงจากผลงานก่อนหน้านี้) ซึ่งหลายคนมองว่าการที่ไม่ต่อสัญญาของไนกี้นั้นเป็นเพราะผลงานที่สวนทางกับมูลค่าที่เรียกร้องหรือเปล่า?? นั่นก็อาจมีส่วนเพราะตัวเลขสูงลิ่วที่แมนฯ ยูไนเต็ด เรียกร้องจากสัญญาใหม่นั้นสูงถึง 40 - 70 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล!!! หรือจะเป็นเพราะถึงจุดอิ่มตัวที่มีต่อสโมสรนี้แล้วก็เป็นได้ แต่สุดท้ายเหตุผลที่ได้จากไนกี้นั้นก็คือ ‘ความไม่สมเหตุสมผลในเชิงธุรกิจ’ นั่นเอง 

แต่หากมองโลกในแง่ดี ก็ถือว่านี่อาจเป็นโอกาสอันดีในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เอาฤกษ์เอาชัยให้กับทีมก็ว่าได้ เพราะการเปิดโอกาสให้กับแบรนด์อื่นๆ ก็ยิ่งทำให้มูลค่าของโลโก้ทีมสูงมากขึ้นไป อย่างเช่นที่ Vodafone เคยเลือกเชิดใส่แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะวิ่งถอยหลังพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกสามปีติดมาแล้วน่ะสิ หลังจากนั้นพอเปลี่ยนมาเป็น AIG แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กลับขึ้นมาผงาดได้อีกครั้ง ... 

สำหรับบริษัทที่เข้ามาทำสัญญากับแมนฯ ยูไนเต็ดแทนไนกี้ หนีไม่พ้นอาดิดาสบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมัน (10 ปี 750 ล้านปอนด์) ที่เป็นคู่แข่งเบอร์ต้นๆ ของวงการ

ที่จดๆ จ้องๆ มาตั้งหลายครั้งหลายคราซึ่งอาดิดาสเองก็เคยเป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งขันให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว ในช่วงปี 1980 ถึง 1992 ที่สำคัญในปีนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้มีการเปิดตัวสปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อของทีมซึ่งเป็นเจ้าใหม่นั่นก็คือเชฟโรเล็ต โดยเซ็นต์สัญญาเป็นสปอนเซอร์หลักให้ทีมปีศาจแดงเป็นเวลา 7 ปี มีมูลค่าสัญญาสูงถึง 175 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

เป็นธรรมดาที่ไม่ว่าสโมสรที่ครองใจคนเกือบทั่วโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนี้จะขยับปรับเปลี่ยนอะไรก็มักเป็นที่จับตามองและเป็นข่าวครึกโครมอยู่เสมอ อย่างเรื่องการเปลี่ยนแบรนด์สปอนเซอร์ในครั้งนี้ยังตอกย้ำให้เห็นอีกด้วยว่าทุกอณูของสโมสรดังๆ มักมีมูลค่าเสมอ บางคนบอกว่าก็แค่สัญลักษณ์เล็กๆ ที่อกเสื้อเท่านั้น แต่อยากบอกว่า ‘มันคือพื้นที่พีอาร์ที่เล็ก แพง และคุ้มค่ากับการลงทุน’ อย่างไม่น่าเชื่อ แต่จะคุ้มยังไงนั้นเอาเป็นว่าทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันก็เป็นเรื่องของธุรกิจนั่นแหละ!!!