All New SUZUKI Celerio เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยนำเสนอเป็นรถยนต์ “อีโคคาร์” คันที่สองของค่ายซูซูกิ หวังเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์คันแรก กลุ่มนักศึกษา หรือกลุ่มที่คิดอยากจะเปลี่ยนจากการใช้รถจักรยานยนต์มาเป็นรถยนต์ที่ยังไงๆ ก็ปลอดภัยกว่า โดยวางราคาไว้อย่างน่าคบที่ 356,000 - 488,000 บาท (พร้อมโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินที่ให้ผ่อนชำระเริ่มต้นในอัตราที่น่าสนใจ)
ภายนอกของ All New SUZUKI Celerio ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของสีสันที่สนุกทุกครั้งที่ได้พบเห็น โดยมีให้เลือกกันถึง 8 สี ด้วยกัน ส่วนการออกแบบตัวถังเน้นเรื่องการใช้งานเป็นหลัก โดยใช้เส้นสายที่ตรงดูมีเหลี่ยมมุมมากกว่า แตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง ซูซูกิ สวิฟท์ และอีโคคาร์คู่แข่ง ซึ่งอาจจะดูเล็กไปสักนิด ด้วยขนาดความยาวของตัวถัง 3,600 มม. กว้าง 1,600 มม. แต่กลับสูงกว่า 1,540 มม. ซึ่งทำให้ตัวรถดูออกทรงสูงๆ แคบๆ แปลกตา ไม่เหมือนรถญี่ปุ่นทั่วๆ ไป
แม้จะเป็นรถเล็กที่ราคาย่อมเยา แต่การออกแบบโดยรวมนั้นก็ไม่ได้ตัดทอนในเรื่องของความทันสมัยและความเก๋ไก๋ลงไปแต่อย่างใด โดยเฉพาะตัวท็อป (GLX) ที่เพิ่มชุดแต่ง Aero Part มาให้รอบคัน ดูสวยงามลงตัวมากขึ้นเลยทีเดียว
ภายในกว้างขวาง ความสูงประมาณ 185 ซม. ก็สามารถเข้าไปนั่งได้อย่างสบายและยังเหลือพื้นที่เหนือศีรษะอยู่พอสมควร แต่ในรุ่นล่างสุดที่เป็นเกียร์ธรรมดานั้นอาจจะเกิดอาการอึดอัดบ้าง เนื่องจากพวงมาลัยไม่สามารถปรับขึ้นลงได้เหมือนตัวเกียร์ออโต้ ส่วนเบาะนั่งและภายในนั้นเน้นโทนสีดำเป็นหลัก โดยใช้วัสดุที่เรียบง่าย ดูแลง่าย แต่ไม่ใช่ดูราคาถูกเหมือนคู่แข่ง ซึ่งโดยรวมภายในนั้นสวยงามน่าใช้พอตัวเลยทีเดียว ส่วนอุปกรณ์สร้างความบันเทิง และอำนวยความสะดวกก็มีมาให้ไม่น้อยหน้าใคร ทั้งเครื่องเล่นซีดี พร้อมช่อง USB แบบ Built in กระจกไฟฟ้ารอบคัน เซ็นทรัลล็อก กุญแจรีโมทก็มีมาให้ แต่จะหาได้ในตัวท็อปและตัวรองลงมาเท่านั้น ส่วนตัวล่างสุดที่เป็นเกียร์ธรรมดานั้น ต้องไปติดตั้งเอง
ส่วนระบบความปลอดภัยนั้น SUZUKI Celerio จัดมาให้ครบเหมือนกันทั้งเข็มขัดนิรภัยในด้านหน้า 2 และด้านหลังอีก 3 จุด ถุงลมนิรภัยด้านคนขับในรุ่นล่างสุด และคู่หน้าในรุ่นเกียร์ออโต้ แถมด้วยระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
เรียกได้ว่าให้มาครบและไม่เกินความจำเป็นจริงๆ แต่สิ่งที่ไม่ควรตัดออกเลยก็นั่นก็คือ ใบปัดน้ำฝนกระจกหลังในรุ่นเกียร์ธรรมดา ซึ่งน่าจะมีมาให้เพราะนั้นถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศวิสัยในยามฝนตกได้เป็นอย่างดี ไม่น่าไปทำตามค่ายรถใหญ่ๆ เลย
“เครื่องยนต์แค่ 1,000 cc. จะไหวหรือ!!!” เป็นคำถามที่กลุ่มสื่อมวลชนที่ได้ไปทดลองขับกันที่เชียงใหม่ ตั้งคำถามกันอย่างหนาหู แต่หลังจากที่ได้ทดลองขับกัน ทุกคนก็ได้คำตอบ
All New SUZUKI Celerio มีเครื่องยนต์มาให้แค่ 1,000 cc. 3 สูบ 12 วาล์ว แต่ให้กำลังไม่แพ้เครื่องยนต์อีโคคาร์ในตลาดเลย โดยเครื่องยนต์ดังกล่าวให้แรงม้า 68 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที
แม้จะเป็นเครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในท้องตลาด แต่ในเรื่องการตอบสนองในการขับขี่นั้น ไม่ได้เป็นสองรองใครเลย ถึงแม้จะอืดอาดไปบ้างในช่วงออกตัว แต่ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเกียร์ CVT ที่ตอบสนองได้ไม่เท่าที่เราต้องการอยู่แล้ว เพราะ CVT นั้น จะเน้นการใช้งานอย่างประหยัดเสียมากกว่า
ส่วนการทำความเร็วในระดับ 60 - 100 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วในการใช้งานปกตินั้น SUZUKI Celerio ทำได้ดีอย่างไม่มีปัญหาและยังเหลือแรง เหลือกำลังพอที่จะเร่งแซงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ส่วนความเร็วสูงสุดที่พอจะทำได้ในทางตรงนั้น แตะ 160 - 165 กม./ชม. กันเลย ไม่ธรรมดาเลยครับ สำหรับเครื่องยนต์ 1,000 cc.
มาถึงช่วงล่างกันบ้าง SUZUKI Celerio ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม แบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง สวิฟท์ พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (ESP) ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 4.7 เมตร สิ่งที่ทำให้แปลกใจนั่นก็คือ การใช้หน้ายางเพียงแค่ 165/65 R14 แต่ให้ความรู้สึกที่เกาะถนนเกินคาด เพราะถึงแม้จะอยู่ในความเร็วสูง แต่ก็ยังสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างมั่นใจ ส่วนทางโค้ง หากคุณใช้ความเร็วที่เหมาะสมแล้วนั้น เอาอยู่แน่นอนครับ
All New SUZUKI Celerio ในราคาเริ่มต้นเพียงแค่สามแสนกว่าบาท คงทำให้หลายๆ คนที่ฝันอยากจะมีรถยนต์สักคันเป็นจริงได้ไม่ยากเย็นนัก ที่เหลือก็คงต้องเป็นการเปิดใจยอมรับ และถอดอคติเดิมๆ ออกไป แล้วยอมรับอะไรใหม่ๆ เข้ามาบ้าง บางทีคำตอบของคำว่า “ใช่” สำหรับเรา อาจอยู่ใกล้จนคาดไม่ถึงก็เป็นได้
Trick & Tip
ไฟเลี้ยวเปิดอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการไม่แจ้งให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะไปทางไหน ซึ่งไฟเลี้ยวหรือไฟกระพริบสีขาว หรือสีเหลืองในด้านหน้าและด้านข้าง ส่วนด้านหลังเป็นสีเหลืองหรือสีแดงกระพริบก็ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี อย่าลืมใช้ให้ถูกวิธีกันด้วยนะครับ