ไม่มีเงิน

ไม่มีเงิน

ผมสังเกตหลายคนสนใจที่จะลงทุน แต่ติดที่ยังไม่พร้อมเพราะไม่มีเงิน รอให้เงินพร้อมก่อนแล้วจะลงทุน ผมอยากจะแนะนำว่า ถ้าจะรอ ก็คงต้องรอต่อไป เพราะคำว่าไม่พร้อมนั้นมันไม่พร้อมเสมอตราบเท่าที่ใจเราไม่กล้าที่จะเริ่ม แต่ก็มีหลายท่านที่พร้อมแล้ว แต่ก็ยังติดปัญหาเรื่องไม่มีเงินมาลงทุน จะทำอย่างไรดี

สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาของคนที่เพิ่งเริ่มต้นเก็บเงินในชีวิต หรือพวกที่ไม่เคยเก็บเงินเลย พอถึงเวลาที่จะลงทุนก็คิดว่า สายเสียแล้ว ไม่ทันเสียแล้ว ส่วนหนึ่งคิดว่าคนอื่นเขาเก็บเงินมานาน เราไม่เคยสนใจเรื่องการเก็บเงิน ก็ใช้อย่างเดียวทำให้ไม่มีเงินก้อนไปลงทุน

คำว่า ‘เงินก้อน’ เป็นจำนวนเงินที่คนส่วนมากคิดว่าต้องมีถึงจะนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนได้ ถ้าไม่มีก็ไม่สามารถลงทุนได้ คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วเงินก้อนที่ว่านั้นควรเป็นเท่าไร หนึ่งแสนพอไหม หรือว่าต้องเป็นหนึ่งล้าน หรือต้องสิบล้าน ...

ยอมรับนะครับว่าโลกแห่งการลงทุน ผู้ที่มีเงินเยอะกว่าย่อมได้เปรียบ เพราะนี่คือโลกยุคทุนนิยม แต่ถ้าการที่เราไม่มีเงินทุนจำนวนมากแล้วตัดใจไปนั้น ผมว่าคุณกำลังคิดผิดครับ

ไม่มีเงิน
ไม่มีเงิน

สำหรับผู้ที่ยังไม่มีเงินถุงเงินถัง ผมมีความเห็นว่า ‘คุณควรมองข้ามเรื่องการเก็งกำไรระยะสั้น หรือกลางไปก่อน’ เราจะมาเริ่มใช้วิธีหาเงินก้อนของเราก่อนอันดับแรก มันมีวิธีการลงทุนอยู่ชนิดหนึ่งที่ผมคิดว่าทุกคนทำได้ ไม่ว่าเงินก้อนเล็ก หรือเงินก้อนใหญ่ก็ตาม วิธีนี้เรียกว่า Back to Basic

วิธีนี้เป็นวิธีที่สุดแสนจะคลาสสิก เรียกว่า DCA ย่อมาจาก Dollar Cost Average ซึ่งก็คือการที่เราตั้งเป้าซื้อหุ้นตัวหนึ่งโดยกำหนดจำนวนเงินที่แน่นอนในการเข้าซื้อในแต่ละเดือน เหมือนค่อยๆ ฝากเงินทุกๆ เดือนในอัตราที่สม่ำเสมอ แปลว่าถ้าหุ้นแพงขึ้นเราก็ซื้อได้น้อยลง ถ้าหุ้นถูกลง เราก็ซื้อได้เยอะขึ้น จินตนาการตามดีๆ นะครับ ถ้าหากเราซื้อไปสักพักใหญ่แล้ว เราก็จะมีจำนวนหุ้นที่มากขึ้น และในแต่ละครั้งที่เราซื้อทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ราคาที่เราซื้อถูกแพงเฉลี่ยกันไป ทำให้ DCA เป็นการลงทุน
ระยะยาวอย่างแท้จริงเพราะเป็นการที่เราซื้อหุ้นเหมือนการออมไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางหากหุ้นมีการเติบโต เราก็จะโตไปพร้อมๆ กับหุ้น รวมทั้งยังได้ปันผลอีกด้วยถ้ามี เมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะได้เงินก้อนที่สะสมและออมมา สรุปง่ายๆ ก็คือ การออกหุ้นแบบ DCA มีรายได้ 2 ทางนั่นคือ

Dividend Yield หรือปันผล ระหว่างที่เราออมหุ้นนี้ไป เราจะได้ Passive income เป็นปันผลไปเรื่อยๆ และจะมากขึ้นตามจำนวนหุ้นที่เราซื้อ

Capital Gain กำไรส่วนนี้ก็คือส่วนต่างจากราคา แต่จะเรียกว่ากำไรได้ก็ต่อเมื่อได้มีการขายออกสู่ตลาดมาแล้วเท่านั้น และแม้ว่าระหว่างทางที่ถือหุ้นเราจะเห็นจำนวน หรือมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เราก็จะไม่สามารถคำนวณ Net Profit ได้ จนกว่าจะขายออกมาทั้งหมดจึงเรียกว่า Realize Profit

ไม่มีเงิน
ไม่มีเงิน

สำหรับผมแล้ว DCA เป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดสำหรับการลงทุนอย่างแท้จริง แต่ปัญหาก็คือคนส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้ไม่นานพอ เวลาราคาหุ้นลงมักจะทำใจไม่ได้ จริงๆ แล้วหากคุณต้องการลงทุนแบบ DCA คุณควรจะเข้าใจคอนเส็ปต์ของวิธีการให้อย่างชัดเจน คุณจะต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้ว่า ระหว่างทางการลงทุนแบบนี้ราคาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การออม และการมีวินัยซื้ออย่างต่อเนื่อง หมายความว่าถ้าหุ้นที่เราเลือกแล้วดีจริงๆ ระยะยาวราคาจะสะท้อนในทางบวกขึ้นไปเรื่อยๆ ต้นทุนที่เราซื้อมาเสมอในระยะยาวก็จะสะท้อนในทางบวกเช่นกัน

มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมสนิทเคยเปรียบไว้ว่า DCA ก็เหมือนเวลาที่เราเห็นสิ่งของดีๆ สักอย่าง แต่เราไม่มีปัญญาซื้อ เราจึงสัญญากับตัวเองว่าจะเก็บเงินเดือนละเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แบบมีวินัยจนกว่าเงินที่เราเก็บมีค่าพอที่จะซื้อของสิ่งนั้นได้ ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร แต่มันจะทำให้เรามีวินัย และรู้จักคุณค่าและวิธีการแห่งการออมได้มากขึ้นอย่างแน่นอน 

Know Him

นิก ชานน รุ่งเรืองไพฑูรย์นักธุรกิจและนักลงทุน วัย 24 ซึ่งเริ่มลงทุนตั้งแต่สมัยยังเรียนมัธยม ปัจจุบันเขาเป็น Fulltime Trader และยังเป็นเจ้าของร้านกาแฟชื่อดัง ย่านทองหล่อ นอกจากนี้ก็กำลังจะมีผลงานเขียนเล่มแรกกับ stock2morrow ซึ่งจะบอกเล่าเส้นทางการเป็น Trader ของเขา เพื่อเป็นประสบการณ์ให้แก่นักลงทุนรุ่นใหม่ต่อไป www.facebook.com/nicschanon

 

ลงทุนได้หรือไม่