Emotional awareness relaxation

Emotional awareness relaxation

ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่แทบจะเรียกได้ว่า ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล คนไม่รู้จักกันสามารถระเบิดอารมณ์ใส่กันได้อย่างไม่ยั้ง คู่อริต่างสถาบันศึกษาปลิดชีวิตอีกฝ่ายได้อย่างเลือดเย็น อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่เพียงเป็นอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียวต่อไป แต่กลับกลายเป็นหนทางแห่งการล้างแค้นหากมีรถอีกคันขับปาดหน้า หรือแซงซ้ายขวาในระยะประชิดเพียงเพราะอยากไปได้ก่อนคนอื่นๆ 

สิ่งต่างๆ ในปัจจุบันเหล่านี้ หรืออาจจะมากกว่านี้ ทำให้เรามีอารมณ์ที่ขุ่นมัว ไม่สบายใจ หงุดหงิด วิตกกังวล โกรธ เกลียด กลัว เครียด และที่สำคัญก็คือ อาการเหล่านี้ไม่สามารถระบายออกได้ ทำให้เรารู้สึกเก็บกด กลายเป็นความเครียดแบบเรื้อรังที่แทบจะฝังลงไปในร่างกายของเรา จิตใจอ่อนล้า เหนื่อยแรง ทิศทางไหนก็เศร้า หม่นหมอง

อาการต่างๆ เหล่านี้หากใครเป็นอยู่ จริงๆ แล้วเลิกได้ครับ การได้ปล่อยปลดอารมณ์เหล่านี้ออกมาบ้าง หมอว่าเป็นเรื่องที่ดี และควรทำให้เป็นนิสัย เพราะการระเหิด (ไม่ใช่ระเบิดนะครับ) เอาอารมณ์ขุ่นมัว เศร้า หมอง ไม่ดีเหล่านี้ออกไปจากเราเสียบ้าง ก็จะมีส่วนช่วยทำให้ความเครียดลดน้อยลง อาจจะมีเครียดอยู่บ้าง แต่ก็คงสบายหัวขึ้น วิธีการแบบนี้ทำได้ และถือเป็นการปลดปล่อยอารมณ์รูปแบบหนึ่ง

สำหรับวิธีการก็ไม่ยากครับ มีทั้งหมด 6 ขั้นตอน นั่งบนเก้าอี้แบบไหน อย่างไรก็ได้ ขอแค่มั่นคง นั่งแล้วไม่ตกเก้าอี้ก็พอ สิ่งสำคัญคือยืดหลังตรง ไม่พิงพนักเก้าอี้ และวางมือทั้งสองลงบนต้นขา (ท่านี้จะใช้ท่ายืนก็ได้ แต่ขอแยกขาจากกันพอประมาณ ให้ถ่ายน้ำหนักไปยังเท้าทั้งสองฝั่งแบบพอดีกัน)

หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ พร้อมกับยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นจนถึงระดับคาง ท่านี้เหมือนกำลังภายในที่เราเคยดูในหนังจีน ในหนังเรียกว่าฝึกลมปราณ สิ่งที่เราทำตอนนี้คือหนึ่งในขั้นตอนระเหิดอารมณ์

พลิกฝ่ามือหงายแล้วดันขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นจังหวะที่ระบายลมหายใจออก ช่วงเวลาที่ทำก็ให้สมองผ่อนคลายไม่ต้องไปคิดเรื่องที่ผ่านๆ มาระหว่างที่ระบายลมหายใจออก ให้โก่งคอแหงนขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายได้ยืดเหยียดอย่างเต็มที่ และทำให้คุณรู้สึกสบายขึ้นระหว่างระบายลมออกทางปาก ให้จินตนาการว่าอารมณ์ที่ไม่ดีนั้น ได้ถูกขับออกไปพร้อมกับลมหายใจ ไม่ต้องถึงขั้นปล่อยวางได้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยๆ การทำแบบนี้ก็ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น

ลดฝ่ามือลง พลิกฝ่ามือกลับมาคว่ำอยู่ต้นขาอีกครั้ง ทำซ้ำสักประมาณ 3 - 12 ครั้งในแต่ละอารมณ์ ก่อนจะเปลี่ยนไประบายอารมณ์อื่น (ที่มีอยู่) กลไกที่สร้างความผ่อนคลายอยู่ที่การหายใจเข้า - ออก ในแต่ละครั้งมีลึกพอสมควร ร่วมกับทำความรู้สึกว่าจิตใจ ได้รับการปลดปล่อย และสามารถทำได้บ่อยๆ เท่าที่ต้องการ

เชื่อไหมว่าทำแล้วจะรู้สึกดี ... ต้องลองทำดูครับขอให้ความเครียดจงออกไป ความสบายใจเข้ามาแทน 

ป่วยธาลัสซีเมียควรเลี่ยงอาหารธาตุเหล็ก

โรคธาลัสซีเมีย เป็นหนึ่งในโรคทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปยังลูกได้ ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 1% ของประชากรทั้งหมด แต่มีผู้ที่เป็นพาหะจะมีมากถึง 30 - 40% หรือคิดเป็น 20 - 25 ล้านคน

สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ทางองค์กรเภสัชกรรมแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก ทั้งในผัก ขนม ยา วิตามิน และ อาหารเสริม ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้คือ ห้ามกินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก เพราะมีโอกาสทำให้ธาตุเหล็กสะสมในร่ายกายมาก และเกิดเป็นพิษรวมถึงโรคอื่นๆ แทรกซ้อนได้

ผู้ป่วยโรคนี้จะมีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง ซึ่งจะแตกตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้ร่างกายดูซีด ตัวเหลือง ท้องบวม ตัวไม่โต การกินยาขับธาตุเหล็กจะช่วยให้ร่างกายเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนน้อยลง โดยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะการกินยาชนิดนี้ต้องคำนวณจากน้ำหนักของผู้ป่วย และต้องกิน 3 เวลา สิ่งสำคัญคือ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ผักบางชนิด ผักขี้เหล็ก ผักคะน้า รวมทั้งช็อกโกแลตด้วย 

สำหรับยาขับธาตุเหล็ก ปัจจุบันองค์การเภสัชกรรมได้บรรจุยาไว้ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเรียบร้อยแล้ว เพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้มองในแง่ดี ถึงจะป่วย แต่ก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเหมือนกันครับ

 

ระเหิดอารมณ์ - ระบาย - คลายเครียด