Titanium
(Artists: David Guetta featuring Sia)
You shout it out
But I can’t hear a word you say
I’m talking loud not saying much
I’m criticized
But all your bullets ricochet
Shoot me down, but I get up
* I’m bulletproof, nothing to lose
Fire away, fire away
Ricochet, you take your aim
Fire away, fire away
** You shoot me down but I won’t fall
I am titanium
You shoot me down but I won’t fall
I am titanium
Cut me down
But it’s you who’ll have further to fall
Ghost town and haunted love
Raise your voice, sticks and stones may break my bones
I’m talking loud not saying much
(*) (**)
Stone-hard, machine gun
Firing at the ones who run
Stone-hard as bulletproof glass
You shoot me down but I won’t fall
I am titanium
You shoot me down but I won’t fall
I am titanium
You shoot me down but I won’t fall
I am titanium
You shoot me down but I won’t fall
I am titanium
I am titanium
เธอตะโกนออกมาช่างน่าขัน เสียงดังลั่นพสุธามาเชียวเหวย
แต่ทุกคำฉันไม่ได้ยินเลย จะเปรียบเปรยด่าทอไม่ขอฟัง
ถูกวิพากษ์ทั้งวิจารณ์เธอขานไข ตัดสินไซร้ข่มขู่ดูขึงขัง
ทุกกระสุนจากปากเธอดูเพ้อจัง ยิ่งพูดดังยิ่งสะท้อนจนอ่อนใจ
จิตใจฉันมันมีเกราะกันกระสุน ยิงให้พรุนก็ไม่เจ็บเหมือนเห็บไถ
พ่นมาโลดเหมือนโดนเข่งกระเด้งไป เล็งที่ใจหมายพิฆาตมิหวาดกลัว
จะยิงฉันเท่าใดก็ไม่ล้ม ฉันผสมไทเทเนี่ยมเยี่ยมจรดหัว
ยิ่งเบียดเบียนฉันเท่าใดยิ่งเข้าตัว ยิ่งเมามัวในโทสะจะทุกข์ตรม
จะขึ้นเสียงเพียงใดฉันไม่ว่า เพราะไร้ค่าเป็นเพียงคลื่นที่ขื่นขม
อันหินไม้ฟาดมาพาระบม ไม่ระทมหรอกคำบาดที่สาดเอย
เพลงนี้สะดุดหูผมตั้งช่วงต้นที่มีกีตาร์นำมาคล้ายๆ เพลง Every breath you take ของ the policeเมื่อสามสิบปีก่อน ไม่ได้บอกว่าเขาลอกอะไรกันมาหรอกนะครับ แค่ทำให้ผมนึกถึงเฉยๆ
เจ้าของผลงานชิ้นนี้คือ ปิแอร์ เดวิด เกตตา เกิดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. พ.ศ. 2510 เป็นชาวฝรั่งเศสที่มีอาชีพดีเจไนท์คลับมาเกือบยี่สิบปีก่อนจะเริ่มทำงานเพลงของตัวเองในฐานะโปรดิวเซอร์
Titanium คือหนึ่งในผลงานที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมของเดวิดที่สามารถทำเพลงเต้นรำให้มีความ “ลึก” มากกว่าเพลงเต้นรำธรรมดาทั่วๆไป
เนื้อเพลงนี้น่าจะโดนใจวัยรุ่นจำนวนมาก ที่มีปัญหาเรื่องการถูก “โจมตี” ด้วยคำพูด ทั้งคำหยาบคาย ด่าทอ ใส่ร้ายป้ายสี ล้อเลียน ซึ่งเด็กหลายคนไม่มีภูมิคุ้มกันและวุฒิภาวะมากพอจะรับมือกับเรื่องนี้ได้บางคนมีอาการซึมเศร้าไม่อยากไปโรงเรียน บางคนเครียดจนรู้สึกลบกับชีวิตและคิดสั้น
ถ้าใครยังจำหนังเรื่อง Carrie ที่สร้างจากนิยายของสตีเฟ่น คิง ได้ เนื้อหาของ MV เพลงนี้ก็ใกล้เคียงกันเด็กที่ถูกรุมแกล้งมีพลังวิเศษ จนถูกตามล่า
ปากคนจัดเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพร้ายแรงทางใจแต่ปากคนและวจีทุจริตทั้งหลายจะทำอันตรายเราไม่ได้เลย ถ้าเราตั้งมั่นในความมีสติ มีปัญญา
ในทางวิทยาศาสตร์คำด่าเป็นเพียงคลื่นเสียงชนิดหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความหมายอะไรจนกระทั่ง มันถูกได้ยินโดยหู และรับรู้ด้วยจิตก่อนถูกส่งไปแปลในสมองและมีจิตไปทำหน้าที่สรุปให้ค่าว่า นี่มันด่าเรานี่หว่า
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่เขาพูดอะไร แต่อยู่ที่เราคิดอะไรมากกว่า เคยเห็นคลิปฝรั่งโดนคนไทยด่าที่ฮือฮาเมื่อสองสามเดือนก่อนไหมครับ ที่เขาบอกว่าเขาประหลาดใจและขำที่คนไทยล้อชื่อพ่อกัน หรือการที่คนไทยเอาอาการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์สิ่งของต่างๆมาเป็นคำด่า เพราะมันฟังดูเป็นเรื่องน่าขบขันสำหรับเขามากกว่าจะรู้สึกเจ็บปวด
ในขณะที่คำด่าที่หยาบคายมากของฝรั่งคือการพูดว่า ไอ้หมู (pig) ซึ่งคำนี้ คนไทยเอามาตั้งชื่อเล่นลูกด้วยซ้ำหรือคนจีนแต้จิ๋วพูดคำว่าหอหีบสระอี ในความหมายว่า “หู” นะครับ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างว่า คำที่คนอื่นพูดไม่ได้ทำให้เราเจ็บได้เท่ากับที่ใจเราคิดเอง
หากครั้งต่อไปมีใครด่า ว่าร้าย พูดจาแดกดัน ให้หัดมีสติ ย้อนกลับมารู้มาดูใจตัวเองที่โกรธ โมโห เพราะคนเราเวลาโกรธใจจะวิ่งออกไปสนใจว่าคนอื่นพูดอะไร ทำอะไร ไม่ก็หลงไปคิดว่าทำไมเขาพูด เขาทำแบบนั้นแต่ที่ไม่เห็นคือใจตัวเองที่กำลังหลงไปคิด หลงปรุงแต่ง หลงให้ค่าและโกรธ
อีกอย่างที่ทำได้คือหัดเจริญเมตตานะครับคนที่หงุดหงิดใส่คนอื่น เขาคงไม่ได้เจออะไรดีๆมาหรอก เขาเจอเรื่องไม่ดีด้วยผลกรรมเก่าของเขา เราเจอเขาพูดไม่ดีก็เป็นไปได้ว่าอาจเป็นผลกรรมเก่าของเรา ใช้หนี้ไปก็ดีเหมือนกัน คิดแบบนี้แล้วจะให้อภัยเขาง่าย ไม่เสียสติไปโกรธตอบเขาที่สำคัญ อย่าด่าเขากลับไป เพราะถ้าด่าออกไป เราก็จะแย่ไม่ต่างจากเขาเลย ว่าไหม สุขสันต์วันที่โลกนี้มีคำชมคู่กับคำด่าเป็นธรรมดาโลกนะครับ