เตย สุพิชา พินิจ

เตย สุพิชา พินิจ

ลมพัดแรงจนหอมกลิ่นทะเลมาแต่ไกล วันนี้แสงแดดของยามบ่ายไม่มีให้เห็นสักนิด ฟ้าค่อนข้างจะมืดด้วยเมฆฝนที่กำลังรอท่าจะโหมกระหน่ำ แต่ในบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้เราก็ยังมีโอกาสได้เห็นสาวน้อยร่างบางสุดเซ็กซี่

“วันนี้เป็นวันที่ฉุกละหุกวันหนึ่งของเตยเลยทีเดียวค่ะ เพราะว่าต้องมาถ่ายไกลถึงบางปู แต่ก็คิดว่าเราเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว และสไตล์ที่พี่ๆ เขาเลือกให้วันนี้ ไม่เหมือนกับที่เราเคยถ่ายผ่านๆ มาด้วย ก็สนุกดี ช่างภาพกับทีมงานน่ารักมากๆ รูปที่ออกมาเตยเห็นแล้วก็ถูกใจเลย 

 

“ภาพถ่ายแบบที่เตยชอบก็คือสไตล์แบบขาว-ดำ เซอร์ๆ ภาพเก่าๆ บรรยากาศเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอเป็นความรู้สึกแบบเก่าๆ จะชอบมาก เป็นศิลปะดี ที่เตยชอบแบบนี้คงเป็นเพราะเตยถ่ายภาพได้ด้วย เพราะว่าได้เรียน ก็เลยทำให้รู้สึกชอบการถ่ายภาพมากเป็นพิเศษ พูดง่ายๆ ว่าชอบทั้งถูกถ่ายและเป็นคนถ่ายเองค่ะ”

 

ที่เธอบอกกับเราว่าร่ำเรียนฝึกฝนฝีมือเรื่องการถ่ายภาพมานั้น ไม่ใช่เพราะเธออยากจะเป็นช่างภาพหญิงชื่อดังหรอก แต่เพราะเธอกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุและโทรทัศน์ และอีกไม่นานเธอก็กำลังจะจบการศึกษาแล้ว

 

“ตอนนี้อยู่ปีสี่แล้วค่ะ จบแน่นอน ถึงหนูจะเรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไร แต่ก็อยู่ในระดับที่เอาตัวรอดได้ หลังจากเรียนจบแล้วหนูคิดไว้สองทางเลือก คือเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ อีกทางหนึ่งก็คือ เปิดร้านขายเสื้อผ้า นำเข้าเสื้อผ้าจากเมืองนอกมาขาย เพราะว่าหนูเป็นคนที่ชอบช้อปปิ้งมาก คือการช้อปปิ้งเนี่ย ถือเป็นชีวิตจิตใจเลยก็ว่าได้ เคยหมดครั้งหนึ่งก็… เอ่อ ไม่บอกดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่าคุณแม่เคยเตือนว่าถ้าช้อปปิ้งแบบนี้นะ ต้องหาเงินให้ได้มากกว่าเดิมอีก 20-30 เท่าเลยก็แล้วกัน ดังนั้นคุณแม่ก็เสนอทางเลือกที่ 3 ให้คือเป็นดารา จะได้ช้อปปิ้งให้สมใจ”

 

คุณแม่ของเธอจึงชักชวนให้เธอเข้าวงการบันเทิง ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สู้กับคนอื่นได้สบาย งานแรกที่ทำให้เธอได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศก็คือ การเข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ปี 2004 รุ่นเดียวกับน้องเกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า นั่นเอง

 

“เวทีนั้นเป็นเวทีแรกที่คุณแม่ให้เข้าประกวด ตอนแรกไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้ตำแหน่ง คือก่อนที่จะประกาศว่าใครได้ที่เท่าไร เขามีตำแหน่งรางวัลพิเศษคือ Miss Healthy ก็ไม่คิดนะว่าจะได้ ปรากฏว่าเขาประกาศชื่อเราออกมา แล้วหลังจากนั้นก็ได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 หลังจากนั้น 3 ปี คุณแม่ก็ชวนให้เข้าประกวด มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ก็เข้ารอบ 44 คนสุดท้าย ก็ได้ไปเก็บตัว ประสบการณ์จากการเก็บตัวและการเข้าประกวดมีส่วนช่วยเตยมากเลยนะ เพราะว่าเขาสอนให้รู้จักอยู่ร่วมกับคนอื่นที่เราไม่รู้จัก แล้วก็สอนเรื่องการเข้าสังคม เราควรจะทำอย่างไรในสังคมที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ คือสิ่งต่างๆ เตยได้เอามาใช้กับชีวิตประจำวันนะ เพราะว่าสังคมบันเทิงเป็นเรื่องโหดพอสมควรนะ สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อน คือบางครั้งมันก็ช่วยให้เราเข้ากับคนอื่นได้มากขึ้น”

 

หลังจากผ่านประสบการณ์ต่างๆ มา เราจะเห็นหลายๆ คนในแก๊งค์มิสทีนเข้าสู่วงการด้วยการเล่นหนัง เล่นละคร เป็นนางเอกบ้าง ตัวร้ายบ้าง แต่เราเห็นเธอแค่ประปรายในละครซิทคอมบางเรื่องเท่านั้น

 

“คือจริงๆ แล้วหลังจากวันนั้นที่จบการประกวด ก็มีคนติดต่อเข้ามานะ เพื่อให้เล่นหนัง เล่นละคร แต่เตยก็ต้องปฏิเสธไป เพราะว่าเราก็ไม่ทราบว่าคนที่ประกวดด้วยกันกับเราที่เขาได้ตำแหน่งสูงกว่าเขาได้เล่นละครหรือยัง คือบางทีเราต้องให้เกียรติเขาด้วย ไม่อย่างนั้นเราก็อยู่ในสังคมนี้ไม่ได้ แต่ก็มีบ้างที่ไปเป็นแขกรับเชิญในละครซิทคอมอย่าง เป็นต่อ หรือ บ้านนี้มีรัก ที่ผ่านมาก็มี The Gig ติดต่อมาเหมือนกัน แต่บทที่ได้รับมันแรงมาก โป๊เกินไป เตยก็ยังเด็กด้วย ก็เลยคิดว่าไม่รับดีกว่า พอหลังจากนั้นก็เลยยังไม่ได้รับเล่นละครหรือภาพยนตร์สักที ก็คงหวังให้ดวงสมพงศ์กันเมื่อไร ก็คงได้เห็นกันค่ะ”

 

ถึงแม้จะผ่านเวทีระดับชาติมาขนาดนี้ เธอก็ยังรู้สึกเฉยๆ กับตำแหน่งและความสำเร็จที่ได้มา เพราะว่านั่นยังไม่ใช่ฝันอันสูงสุดของเธอ

 

“ดีใจไหมก็คงดีใจนะ แต่ว่ามันยังไม่ที่สุด เพราะถ้าจะให้เต็มที่จริงๆ ก็คือเตยอยากเป็นแอร์โฮสเตท คือถ้าวันหนึ่งเตยได้เป็นขึ้นมา เต็มที่แน่นอน ดีใจสุดๆ มันอาจจะเข้ากันกับนิสัยเตยด้วยก็เป็นได้ เพราะว่าเราเป็นคนชอบช้อปปิ้ง อย่างล่าสุดไปที่เกาหลีมา เขาก็จะมีตึกใหญ่ๆ ติดๆ กัน 3-4 ตึก แล้วตรงใกล้ๆ ก็จะมีเหมือนสยามบ้านเราเลย แต่ใหญ่กว่ามาก มีสินค้าให้ช้อปเยอะมาก คือเราก็ช้อปๆๆ มันไม่ใช่ของแบรนด์เนมนะ แต่เป็นดีไซน์ที่สวยถูกใจมากๆ ก็อย่างที่บอกหมดเงินไปเยอะมากกับการช้อปปิ้ง ก็คิดว่าถ้าได้เป็นแอร์ฯ อย่างน้อยเงินค่าเดินทางเราก็เก็บเอาไว้ใช้เป็นค่าช้อปปิ้งได้ เพราะสำหรับเตยตอนนี้ การช้อปปิ้งถือเป็นความสุขที่สุดของชีวิตเลยทีเดียว”

 

นอกจากเรื่องของการช้อปปิ้งแล้ว เรื่องของหัวใจก็เป็นสิ่งที่เธอยังต้องค้นหาต่อไป เพราะความรักครั้งที่ผ่านๆ มาทำให้เธอเจ็บหัวใจไม่น้อย

 

“คงต้องบอกว่าเตยปีนสูงเกินไป คือหลังจากได้ตำแหน่งแล้วเตยได้รู้จักกับไฮโซจัดๆ มากๆ คนหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่คิดไม่ฝันหรอก คือร้านที่เตยชอบไปเที่ยว อยู่แถวๆ สุขุมวิท ทองหล่อ ก็เฮฮากับเพื่อนฝูงตามประสาวัยรุ่น คุณแม่ก็ทราบ เขาก็ไม่ได้ปล่อยนะ แต่ให้เรารู้จักดูแลตัวเอง กลับบ้านต้องตามเวลา แต่พอไปเที่ยวแล้วเขาก็มาจีบก็เออๆ ออๆ ไปกับเขาด้วย แต่พอหลังจากเลิกกันแล้วแบบเจ็บมาก เพราะว่าเขาไปคบกับดาราที่ดังกว่าเรามากๆ แล้วก็เป็นซูเปอร์สตาร์อยู่ตอนนี้ ทำให้ภาพของความรักที่หนูเคยมองไว้เปลี่ยนไปเหมือนกัน คือถ้ามีแล้วมันหายเหงามันก็ดี แต่พอไม่มี ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่ไม่ได้ คือเจ็บแล้วต้องรู้จักจำ”

 

เห็นเธอบอกอย่างนี้แล้ว หลายๆ คนคงอยากจะเข้าไปปลอบเธอ งั้นก็นี่เลยครับ เข้าไปทักทายเธอได้ที่ http://t0eytoey.hi5.com เผื่อเธอจะหายเจ็บขึ้นมาบ้าง 

The Color of Youth