ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

“มันก็คือระบบที่ให้เราช่วยแนะนำสินค้าหรือบริการให้เว็บไซต์แม่ครับ โดยเราจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองหรือไม่มีก็ได้ แต่จะมีลิงค์ที่บอกว่า มีคนซื้อสินค้าผ่านทางเราที่เป็นคนทำมาร์เก็ตติ้งให้ จริงๆ มันมีมานานแล้วนะครับ อย่างเช่น ซีร็อกซ์ก็มีตัวแทนจำหน่ายเยอะมาก ยิ่งมีตัวแทนมาก ก็ขายได้มาก ธุรกิจนี้ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่นำมาประยุกต์ออนไลน์ ซึ่งดีกว่าเพราะไม่ต้องจ่ายเงินเดือน จ่ายแค่ค่าคอมมิสชั่น อย่างเว็บ Amazon.com ก็เป็นเจ้าแรกๆ ที่ให้คนทั่วประเทศเอาแบนเนอร์มาแปะ ให้คนช่วยแนะนำสินค้าให้ ถ้ามีแสนคน ขายได้คนละชิ้น วันนั้นก็ขายได้แสนชิ้นแล้ว และคนทั่วประเทศที่ทำ Affiliate ให้กับAmazon.com ก็จะได้รายได้จากค่าคอมมิสชั่นตามจำนวนสินค้าที่ขายได้ ธุรกิจนี้ใหญ่กว่าที่หลายคนคิด แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อาจจะใหม่สำหรับคนที่แค่เข้าอินเตอร์เน็ตไปเพื่อเช็คอีเมลเท่านั้น”

 

สิ่งที่ให้หนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่ใช่เพียงเพราะอาชีพที่ไม่เหมือนใครๆ อาชีพนี้เท่านั้น แต่เพราะเส้นทางชีวิตของเขานั้นน่าสนใจ น่าค้นหา และท้าท้ายไม่แพ้ใคร ทั้งๆ ที่อายุยังไม่แตะเลข 3 เลยด้วยซ้ำ

 

“เรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ผมไปเรียนต่อโทวิศวะไฟฟ้าที่ University of Southern California ที่ลอสแองเจลิส ก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ใจก็อยากจะหาธุรกิจที่ทำที่นั่นแล้วสามารถกลับมาทำที่เมืองไทยได้ ซึ่งก็น่าจะเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต แต่ก็ยังไม่ได้เริ่ม

 

“ตอนนั้นผมอ่านหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ของ โรเบิร์ต คิโยซากิ ด้วย ก็เชื่อตามเขาที่บอกว่า คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่ทำงานเพื่อเรียนรู้ ผมเลยลาออกจากการเป็นแคชเชียร์ การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ผมทะเลาะกับทางบ้าน ทำให้ค่าเทอมก็ไม่ได้ ต้องหาเงินใช้ด้วยตนเอง ขนาดที่ว่าเทอมสุดท้ายที่เรียนอยู่ ต้องใช้บัตรเครดิตสองใบหมุนกันเพื่อจ่ายเป็นค่าเรียน

 

“ระหว่างนั้นผมลองสมัครเป็นอาสาสมัครศูนย์ส่งเสริมชาวไทยในแอลเอ ซึ่งก็ยังยาก เพราะเขาไม่ไว้ใจเราที่จู่ๆ ก็ไปสมัคร พอจะไปสมัครเป็นโบรกเกอร์เพื่อเรียนรู้เรื่องอสังหาริมทรัพย์ เค้าก็กลัวว่าผมเป็นบริษัทคู่แข่งปลอมตัวมา ช่วงนั้นก็เลยท้อๆ อยากจะกลับไปทำงานประจำอีกครั้ง ก็ไปสมัครทำงานที่บุ๊คสโตร์ สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็กลับไปรอผล ปรากฏว่าวันที่เค้าอีเมลมาบอกว่าได้งานตรงกับวันที่ศูนย์ส่งเสริมชาวไทยตอบมาว่าให้ผมเป็นอาสาสมัคร”

 

 ถ้าเป็นคนทั่วๆ ไป ในสถานการณ์แบบนั้น เก้าสิบเก้าในร้อยคงจะเลือกกลับไปทำงานประจำเพราะได้เงินแน่ๆ แต่กับผู้ชายคนนี้นั่นไม่ใช่ทางที่เขาเลือก เพราะเขาคือหนึ่งในร้อย หรืออาจจะหนึ่งในล้านก็ได้ ใครจะรู้

 

“ผมนั่งเครียดอยู่เป็นชั่วโมงๆ เพราะถ้าทำงาน ก็ได้ชั่วโมงละ 8 เหรียญสบายๆ แต่มันจะเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์และความคิดถ้าเราทำงานเพื่อเงิน เราก็จะไม่กล้าตัดเรื่องเงินออกไปจากชีวิตเรา สุดท้ายเลยตัดสินใจไปทำงานเป็นอาสาสมัคร ทั้งๆ ที่เหลือเงินเก็บอยู่ได้แค่เดือนเดียว ก็ได้แต่คิดว่าเดี๋ยวค่อยคิด รู้แต่ว่าตอนนั้นความสุขมันมาเลย

 

“สิ่งที่ได้กลับมาจากการเป็นอาสาสมัครก็คือ ได้ฝึกภาษา ได้เรียนรู้การเป็นวิทยากร เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่เรากลัวที่สุดก็คือการพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ก็เลยได้ฝึกตรงนั้น จากผู้ช่วยก็มีบ้างที่ได้เป็นวิทยากรเอง”

 

การเป็นอาสาสมัครทำให้เขาพอจะมีเวลาว่างในตอนเย็น เกือบทุกวันเขานั่งลงตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเสิร์ชหาไปเรื่อยๆ ว่ามีงานอะไรที่เขาจะทำได้โดยไม่ต้องทำประจำ เพราะตอนนั้นเงินเก็บก็ร่อยหรอลงทุกทีๆ แล้ววันนึงเขาก็ไปเจอกับสิ่งที่เรียกว่าGoogle Adword หรือการทำโฆษณากับกูเกิ้ลนั่นเอง จึงเกิดไอเดียว่า สามารถนำมาใช้ควบคู่กับ Affiliate Marketing 
เพื่อสร้างธุรกิจออนไลน์ได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง

 

จากวันนั้นเป็นต้นมา เด็กหนุ่มคนนี้จึงได้เริ่มทำธุรกิจในฝันของตนเอง จนกระทั่งประสบความสำเร็จเมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่ 5เดือนเท่านั้น

 

“ตอนนั้นถือว่าการตัดสินใจของเราเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากๆ เพราะชีวิตอาจจะเปลี่ยนไปอีกทาง ผมอาจจะไม่ได้เจอตรงนี้ ถ้าไม่ลำบากเราก็คงไม่คิดจะหาเงิน คงจะเอาแต่เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ จากวันนั้นผมก็ไม่เคยทำงานเพื่อเงินอีกเลย”

 

“คนอเมริกันจะมองอินเตอร์เน็ตแตกต่างกับคนไทย เขาจะมองในแง่ธุรกิจมากกว่า ผมก็เลยอยากจะให้คนไทยรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยนักเรียนก็มีรายได้ มีทางเลือก มีชีวิตที่ดีขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ผมเขียนหนังสือ Google Make Me Rich ขึ้นมา หลายคนสงสัยว่าทำไมผมถึงมาเปิดเผยในสิ่งที่อาจจะทำให้มีคู่แข่งทางธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่ผมคิดว่าถึงผมไม่เขียน ผมก็มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอยู่ดี แต่ไม่ใช่คนไทย ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมจะไม่ให้คนไทยรู้เรื่องนี้ล่ะ ซึ่งก็ตรงกับที่โรเบิร์ต คิโยซากิบอกว่าเฟสสุดท้ายของการเป็นคนรวยก็คือ การคืนกลับให้กับสังคม

 

“ถ้าคุณออกจากความรู้สึกเรื่องเงินมาได้ คุณก็ไม่มีอะไรต้องคิดแล้ว เพราะเงินไม่สำคัญเท่าไหร่ อย่ายึดติดอยู่กับเงิน ยิ่งยึด เราจะยิ่งไม่กล้าทำอะไร”

 

ปัจจุบันนอกจากคุณตราวุทธิ์จะยังคงทำธุรกิจ Affiliate Marketing แล้ว เขายังเป็นเจ้าของบริษัท อินโฟจิเนชั่น จำกัด บริษัทที่จัดสัมมนา อบรมความรู้เกี่ยวกับ eBusiness โดยมีเขาเองเป็นหนึ่งในวิทยากรด้วย

 

“จริงๆ ทำงานสอนแบบนี้ยุ่งยากกว่าที่ผมทำการตลาดออนไลน์นะครับ แต่ผมชอบสอน เพราะการสอนมันทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองด้วย อีกอย่างผมคิดว่าชีวิตนี้เกิดมาทั้งทีก็น่าจะตอบแทนประเทศบ้าง อย่างน้อยตายไปก็ขอให้มีคนพูดถึงในแง่ดี

 

“ชีวิตผมเองมีวันนี้ก็เพราะได้แรงบันดาลใจจากคนดีๆ เยอะ ผมเป็นหนี้บุญคุณหนังสือหลายๆ เล่ม วันนี้ก็เลยอยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นบ้าง”

“Affiliate Marketing” คงจะเป็นเหมือนภาษาต่างดาว