Zero Dark Thirty
เรื่องราวของปฏิบัติการไล่ล่าอันยาวนานของกองทัพสหรัฐฯ ที่มีต่อคนๆ เดียวที่โลกจะไม่มีวันลืม เขาคือ อุซามะฮ์ บิน ลาเดนผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ที่เคยเขย่าโลกมาแล้วในเหตุการณ์ 9/11 หนังเรื่องนี้เริ่มเรื่องด้วยเหตุการณ์นี้ โดยเอาคลิปเสียงจริงที่เกิดขึ้นในเหตุวินาศกรรมใช้ประกอบ
จากนั้น แคทรีน บิกโลว์ ผู้กำกับก็ให้ มายา (รับบทโดย เจสสิกา แชสเทน) มาเป็นตัวเดินเรื่อง มายาเป็นซีไอเอสาวที่เข้าสู่องค์กรด้วยภารกิจเดียว คือ ตามไล่ล่า บิน ลาเดน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่าวิธีการนั้นจะขาวสะอาดหรือสกปรก
หลังจากตามสืบด้วยความยากลำบากอยู่พักใหญ่ ซีไอเอก็พบบ้านหลังต้องสงสัยว่าจะเป็นที่พำนักของ บิน ลาเดน แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานที่จะนำไปสู่การเข้าจับกุมได้
มีซีนหนึ่งในหนังที่สำคัญมากๆ ครับ เป็นการประชุมของผู้นำระดับสูงของซีไอเอ โดยหารือว่าควรจะเข้าจู่โจมบ้านหลังนี้หรือไม่
มีความเป็นไปได้แค่ไหนว่าบ้านที่แสนจะดูธรรมดาหลังนี้ จะเป็นป้อมปราการณ์ด่านสุดท้ายของผู้ก่อการร้ายระดับโลก ในที่ประชุมส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้เพียงแค่ 60% เพราะเป็นได้ว่าบ้านหลังนี้อาจเป็นที่หลบภัย แต่ไม่มีใครหรืออะไรจะบอกได้ว่านี้คือบ้านของ บิน ลาเดน
ความเห็นสุดท้าย ประธานหันมาถามมายาว่าเธอคิดว่ามีความเป็นไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ เธอตอบว่า “95% จริงๆ 100% แต่กลัวคุณคิดว่าฉันบ้า”
จากจุดนั้นเองที่กลายมาเป็นยุทธการถล่มบิน ลาเดน ในกลางดึกของคืนวันที่ 1 พ.ค. 2011
2 ชั่วโมงกว่าๆ ของหนังเรื่องนี้ ผมว่าได้อะไรเยอะ เกิดคำถามในหัวสมองมากมายว่าที่เราดูนี้จะมีเรื่องจริงอยู่มากน้อยแค่ไหนแล้วปฏิบัติการทั้งหมดที่เห็นถ้าบ้านหลังนั้นไม่มี อุซามะฮ์ บิน ลาเดน อยู่ล่ะ สหรัฐฯ จะตอบคนทั้งโลกว่าอย่างไร? หรือคำถามสำคัญอย่าง จัดการบิน ลาเดนได้แล้ว...แล้วไงต่อ?!
คำถามสุดท้ายนี้น่าจะเป็นคำถามที่ผู้กำกับฝากถามมากับหนังผ่านตัวแสดงนำที่ให้ชื่อว่า “มายา”
มีหลายคนถามผมว่าเรื่องนี้จะได้รางวัลจากเวทีออสการ์ปีนี้ไหม
ผมขอตอบว่า 95% จริงๆ 100% แต่กลัวคุณคิดว่าผมบ้า