โยคะ

โยคะ

โยคะ เป็นศาสตร์เก่าแก่ที่อยู่คู่กับโลกใบนี้มาช้านาน แรกเริ่มเดิมทีนั้น มีเรื่องเล่าว่า โยคี มีความสนใจในเรื่องสุขภาพ และค้นคว้าหาวิธีที่จะมาแก้ไขปัญหาความไม่สบายส่วนตัว โดยโยคีมีความเชื่อว่า สุขภาพดีต้องมาก่อนสิ่งอื่น หากสุขภาพดีเมื่อใด โยคีก็ย่อมสามารถบำเพ็ญพรตได้นาน และมีโอกาสบรรลุธรรมได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น หากโยคีรู้สึกปวดท้องขึ้นมาเมื่อไรก็ตาม การจะบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุในสิ่งที่ต้องการก็เป็นไปได้ยาก เช่นนั้นแล้ว ความเป็นมาของโยคะจึงเริ่มต้นที่สุขภาพเป็นสำคัญ

เรื่องเล่าของโยคี ไม่ได้มีแค่เรื่องการเริ่มต้นของสุขภาพอย่างเดียว แต่การเลียนแบบท่าทางของสัตว์ก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เพราะทุกๆ ครั้งที่เหล่าบรรดาโยคีเข้าไปในป่า พวกเขาจะสังเกตท่าทางของสัตว์ต่างๆ ว่า ในเวลาที่มันป่วยพวกมันจะทำอย่างไร เหตุผลก็เป็นเพราะว่า เวลาที่สัตว์ต่างๆ ป่วยนั้น มันจะไม่มีหมอ หรือ พยาบาลมาคอยดูแลรักษาให้ แต่พวกสัตว์เหล่านั้นเวลาป่วยมักจะกระทำพฤติกรรมบางอย่าง บางท่าอยู่ ในไม่ช้าอาการเจ็บป่วยที่มีก็จะค่อยๆ ดีขึ้น และหายดีในที่สุดใน

ส่วนของประเทศไทย โยคะ นั้นก็มีมาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน ตั้งแต่สมัยเริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เหตุผลหนึ่งที่หมอบอกแบบนี้เป็นเพราะ มีหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งนั่นก็คือ ท่าฤๅษีดัดตน ที่อยู่ในวัดโพธิ์ ถือได้ว่าเป็นท่าโยคะล้วนๆ ที่สำคัญยังเป็นท่าที่สามารถรักษาตนเองได้ตามแบบโบราณอย่างหนึ่ง แต่ละท่าของตุ๊กตารูปฤๅษีที่ปั้นไว้ที่นั่น ยังมีสรรพคุณบ่งบอกไว้อย่างเสร็จสรรพว่าท่านี้สามารถใช้แก้ไขความไม่สบายอะไรได้บ้าง

ถือได้ว่าโยคะ จัดเป็นระบบการบริหารร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งผ่านการพิสูจน์โดยกาลเวลา รวมไปถึงมีการนำไปพัฒนาเป็นโยคะในรูปแบบใหม่ๆ ต่อเนื่องจากยุคโบราณจนกระทั่งปัจจุบัน และหากฝึกโยคะบ่อยๆ ก็สามารถจะพัฒนาไปสู่โยคะชั้นสูง และยังสามารถฝึกไปถึงขั้นฌาณ และสมาธิได้อีกด้ว

ในปัจจุบันความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์เราเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ทราบว่าโยคะสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้ เพราะโยคะท่าต่างๆ นั้น สามารถกระตุ้นต่อมไร้ท่อให้ผลิตฮอร์โมนต่างๆ ได้อย่างสมดุล และการฝึกท่าโยคะยังจำเป็นต้องกำหนดลมหายใจให้เป็นไปตามท่านั้นๆ ทำให้เกิดสมาธิ และยังได้การยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ซึ่งเป็นการคงความอ่อนเยาว์ของเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อไว้ได้อย่างแท้จริง

ใครจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ โยคะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีครับ 

ว่ายน้ำไม่เป็น ทำเด็กไทยเสี่ยงตายเกินกว่าครึ่ง

จากผลการสำรวจของกรมควบคุมโรค และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเรื่องผลการว่ายน้ำของเด็กไทยปรากฏว่า เด็กไทยในช่วงอายุ 5 - 14 ปี ว่ายน้ำเป็นแค่ 23.7% ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหนึ่งในอับดับต้นๆ ของเด็กไทย

โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีเด็กจมน้ำแล้วเสียชีวิตถึง 12,982 คน หรือเฉลี่ยถึงวันละ 3.6 คน โดยช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุด รองลงมาคือเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมระหว่างภาคเรียน

สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้เด็กสามารถเอาตัวรอดได้ในสภาวะจมน้ำ ก็คือ การส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด เพราะจากการวิจัยเด็กที่เรียนหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด จะมีทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 20.7 เท่า มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 7.4 เท่า และมีทักษะการช่วยเหลือคนตกน้ำ/จมน้ำ และการแก้ไขปัญหาและการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 2.7 เท่า และ 2.8 เท่าเลยทีเดียว 

ศาสตร์การดูแลสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบ