Manhattan Bar @JW Marriott Bangkok
เดินเข้ามาสายตาพลางสำรวจไปรอบๆ ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าค่ำคืนนี้ของเราน่าจะเต็มอิ่มไปกับความสบายๆ หลบความวุ่นวายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ บรรยากาศด้านในดูนิ่งเรียบ ตกแต่งในโทนเข้มดูโมเดิร์น ทั้งเคาน์เตอร์บาร์ โซฟา หรือแม้แต่ชั้นวางขวดเครื่องดื่มที่เป็นผนังด้านในสุด บนชั้นนั้นเรียงรายไว้ตั้งแต่ไวน์จากแคลิฟอร์เนีย เรื่อยไปจนถึงวิสกี้จากสก๊อตแลนด์
เราเลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์อยู่ครู่หนึ่งพร้อมจับจ้องลีลาพลิ้วไหวของบาร์เทนเดอร์ขณะเชคค็อกเทล ไม่กี่อึดใจคุณปีเตอร์ หรือบาร์เทนเดอร์ผู้มากประสบการณ์ผู้นั้นก็ยกค็อกเทลสูตรล่าสุดมาวางหน้าเรา เขาบอกว่าแก้วนี้เพิ่งคิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อคะเนส่วนผสมทุกอย่างเสร็จสรรพ ผลลัพธ์ที่เห็นก็อยู่ตรงหน้านี่แล้ว
สัมผัสแรกเมื่อยกจิบเราเดาไม่ออกเลยว่าส่วนผสมแก้วนี้มีอะไรบ้าง เราจึงยกขึ้นจิบซ้ำอยู่อย่างนั้น จนอดไม่ไหวเอ่ยถามคุณปีเตอร์ไปว่าแก้วนี้ชื่อว่าอะไร เขายิ้มก่อนตอบสั้นๆ ว่ายังไม่ได้คิด เอาแล้วสิ ... บาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนกัน ก่อนเขาจะเฉลยส่วนผสมที่มีคือเหล้าเบอเบิ้ล (Maker’s Mark) น้ำเลมอนและน้ำมะนาวสดอย่างละครึ่ง รวมถึง Aromatic bitters ใบไทม์ และที่คาดไม่ถึงก็คือ ไข่ขาว ตอนนี้ทุกอย่างถึงกระจ่างในทุกรสชาติ ความเนียนนุ่มที่มี ความหอม ความเปรี้ยวที่ผสานกันนั้นลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ และค็อกเทลแก้วนี้ก็คือเมนูที่ให้บริการตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นคอนเส็ปต์ของทางบาร์ที่จะออกค็อกเทลสูตรใหม่เพื่อให้บริการไม่ซ้ำกันในทุกเดือน
จากนั้นนักมิกซ์เครื่องดื่มก็เปรยให้เราแชร์ไอเดียว่าค็อกเทลแก้วแรกจะให้ชื่อว่าอะไรดี เราพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะบอกไปหลายชื่อหลายนาม หากเขายังเฉยด้วยเพราะกำลังง่วนกับส่วนผสมและเชคเครื่องดื่ม ก่อนที่“Manhattan Downtown” และ “Classic Manhattan” จะถูกยกมาเสิร์ฟตามลำดับ ซึ่ง Manhattan Downtown ค่อนข้างจะสดชื่นซาบซ่าส์ ส่วนแก้วหลังค่อนข้างเข้มข้นเหมาะเป็น Appetizer เอาไว้เรียกน้ำย่อยก่อนทานอาหาร ซึ่งทั้งคู่ล้วนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ระหว่างนั้นการพูดคุยกับคุณปีเตอร์ก็ยังคงต่อเนื่องผู้คนเริ่มคึกคักทยอยจับจองมุมพักผ่อนเอกเขนงกับบรรยากาศ เสียงดนตรี และเครื่องดื่มแก้วโปรด ขณะที่เรายังคงไอเดียบรรเจิดกับชื่อค็อกเทลที่ยังคิดไม่ตก จนในที่สุดชื่อต่างๆ ที่เราบอกกับคุณปีเตอร์ไปล้วนไม่ผ่านการคัดเลือกทั้งสิ้น เจ้าตัวจึงเลือกให้แก้วนี้ชื่อว่า “Lifestyle New York” เราได้แต่ยิ้มพร้อมพยักหน้าในทำนองเห็นด้วยและปล่อยให้ค่ำคืนดำเนินอย่างลื่นไหลต่อไป
หากกลับไปที่ Manhattan Bar แห่งนี้อีกครั้ง ไม่แน่ว่าบรรดาชื่อค็อกเทลที่เรานำเสนออาจถูกใช้เป็นชื่อเมนูตัวใหม่ก็เป็นได้ อืม ... แค่ลองคิดเล่นๆ ก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้วสิ
How To Go?
โรงแรม JW Marriott Bangkok ตั้งอยู่บริเวณต้นถนนสุขุมวิทซอย 2 สามารถเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีนานา หรือเพลินจิต โทร. 0 - 2656 - 7700