ท.พ.พิชัย ปิตุวงศ์

ท.พ.พิชัย ปิตุวงศ์

เรื่องราวความสามารถของเขาไม่เป็นสองรองใคร จากโค้ชฟุตบอลระดับชาติ หันมาตะลุยครึ่งหลังของแมทช์ที่เหลือในฐานะนักสื่อสารมวลชน วงการกีฬาในปัจจุบัน รวมถึงประธานบริษัทคูณเพิ่มลาภจำกัด และบริษัทอินเตอร์กรุ๊ป จำกัด และยังเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงท่องเที่ยว และกีฬา ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ตลอดเส้นทางชีวิตกว่า 53 ฝน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ทั้งสมหวัง หวานชื่น ล้มลุก สัมผัสกับผู้คนมากมาย ลีลาเล่าร้อนลุ่มลึกถูกจับมาเสิร์ฟให้ได้ชิมกัน ณ บัดนี้

 

หากหลับตานึกย้อนหลังไปกว่า 50 ปีก่อน แดนมังกรมีประธานาธิบดีเป็นผู้นำชื่อ “เหมา เจ๋อตุง” เตี่ยของเขาเกิดความประทับใจท่านประธานเหมา ตั้งใจไว้แล้วว่าอยากตั้งชื่อนี้ให้กับเขา เพื่อเป็นการรำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน เตี่ยก็เลยตั้งชื่อนี้เป็นชื่อเล่นเพื่อเป็นที่ระลึก จากเหมาเพี้ยนมาเป็นเมา เมื่อมาเป็นหมอฟัน พรรคพวกเพื่อนฝูงจึงเรียก “หมอเมา” ซึ่งหาใช่ว่าเป็นคนขี้เมาไม่

 

หมอเมาเฉลยที่มาของชื่อระหว่างก้าวเดินลงไปบนสนามฟุตบอล สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี-รังสิต เขาพูดเป็นนัยก่อนการวอร์มอัพไว้น่าฟังว่า

 

“เป็นนักมวยต้องออกอาวุธอย่างมีเป้าหมาย เป็นนักบอลต้องหมั่นฝึกฝนเป็นทีม ครองบอลเหนียวแน่น แน่นอน แม่นยำ รวดเร็ววัดระยะ มองคน มองบอล มีจังหวะ เคลียร์รันเวย์ เล็งเสาในซ้าย-ขวา ปั่นไซด์โป้งเหมือนกับการแทงสนุกเกอร์ ซ้อมให้หนักก่อนออกรบ ดูอย่างทีมบาร์เซโลนา ทำไม ลีโอเนล เมสซี มันเลี้ยงบอลหลบ กระโดด เดาะ ยิงเบาๆ เข้าไปได้ การเล่นฟุตบอลให้ดีมันไม่ง่ายครับ”

 

คิกออฟครึ่งแรก

“ทุกวันนี้หลังจากที่ผมหันหลังจากการเป็นโค้ช ผมก็มาทำรายการทีวีทางโมเดิร์นไนน์ 3 รายการ รายการวิทยุที่คลื่นเมืองไทยแข็งแรง FM99 ที่ อ.ส.ม.ท.และเขียนหนังสือ ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำ มันก็มีคนยินดีและมีคนหมั่นไส้บ้างในบางครั้งที่เราเขียนลงไปในหนังสือพิมพ์

 

“เดิมผมเป็นคนแปดริ้ว อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทราโดยกำเนิด ผมมาจากครอบครัวคนจีน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ คุณพ่อกับคุณแม่มีลูก 10 คนหอบเสื่อผืนหมอนใบตัวจริง ผมยังจำได้ว่าพ่ออยากจะให้ลูกๆ ได้เรียนสูงๆ เพราะเตี่ยเรียนมาน้อย ทำให้โตขึ้นมาแล้วลำบาก ตอนนั้นท่านทำงานตัดเย็บซื้อผ้าขาย ถ้าลูกเรียนหมอ หรือเรียนวิศวกรรม จะเป็นอะไรที่สมาร์ต พี่ชายผมก็ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ไปต่อสู้เอาเองจนจบ วิถีของเตี่ย ท่านจะคิดอย่างเดียว ถ้าลูกมีความรู้ เมื่อโตขึ้นชีวิตจะสบาย ผมเองก็คือแรงเหวี่ยงความคิดของเตี่ยที่อยากให้เรียนดีๆ ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.ศ.3 ที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ผมเรียนเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด

 

“ในขณะที่ผมเรียนหนังสือดี แต่ผมก็เป็นคนที่ชอบเล่นกีฬา ผมสามารถเล่นกีฬาได้ทั้งวัน ผมเตะบอลได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็น มันเป็นสิ่งที่ผมต้องเสพตั้งแต่จำความได้ ฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1966 ปีที่อังกฤษเป็นแชมป์โลก ตอนนั้นผมอายุ 10 ขวบ เราต้องอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ตามร้านกาแฟทุกวัน เพราะฟุตบอลต่างประเทศเพิ่งเข้ามาในเมืองไทย เราเห็น จอร์จ เบสต์ เราเห็น บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน มันก็ทำให้เราอยากเล่นเก่งอย่างเขา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคือแรงบันดาลใจให้เล่นกีฬา

 

“พอกลับจากเรียนหนังสือก็ต้องมาทำงานบ้าน ต้องไปเข็นน้ำในบ่อไกลกว่า 1 กิโลเมตร เสร็จแล้วก็จะกลับมาเล่นฟุตบอล ทั้งที่เตี่ยกับแม่ไม่สนับสนุน แต่ผมจะเล่นฟุตบอลตั้งแต่ ป.1 มาเล่นฟุตบอลอย่างจริงๆ จังๆ ตอน ม.ศ.3 ผมเป็นหัวหน้านักเรียน ผมเล่นบอลให้กับโรงเรียนเซนหลุยส์จังหวัดฉะเชิงเทรา

 

“เมื่อจบ ม.ศ.3 ก็เดินทางมาสอบที่โรงเรียนเตรียมอุดม พอสอบติด ก็ยังเล่นฟุตบอลตอนเย็นๆ อีก ผมเคยเกาะประตูดูบอลของนักบอลรุ่นเก่าๆ ที่สนามศุภชลาศัย ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้ามาดู ผมชอบดูและชอบเล่นฟุตบอล จนกระทั่งจบ ม.ศ.5 ก็สอบเข้าคณะทันตแพทย์ศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

 

“ตอนนั้นอยากเข้าวิศวกรรมศาสตร์ ถามว่าชอบหมอไหม ผมไม่ชอบหมอ แต่เตี่ยกับแม่บอกว่าจะได้ช่วยคนแล้วชีวิตก็จะไม่ลำบาก เพราะพี่สะใภ้เป็นหมอฟัน ผมเชื่อเตี่ย จึงเลือกหมอที่จุฬาฯ โดยไม่เลือกเรียนอย่างอื่น เตี่ยให้เลือกหมอฟัน ผมเองสอบติดวิศวกรรมศาสตร์และทันตแพทย์ เผอิญเราเลือกทันตแพทย์ก่อน มันก็เลยต้องไปเรียนทันตแพทย์ให้จบภายใน 6 ปี เป็นปีที่ผมเล่นกีฬาเยอะมาก เล่นกีฬาทุกชนิดตั้งแต่ปี 1 ทั้งเตะฟุตบอล ว่ายน้ำ รักบี้ กรีฑา ตระกร้อ แบดมินตัน เล่นกีฬาให้กับคณะเล่นฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

 

“ตอนนั้นเตี่ย ท่านไม่ค่อยจะดูเข้มงวดเท่าไหร่ เราจะเอาแต่ผลสอบไปให้ท่านดูเท่านั้น ผมเรียนเอาแค่ผ่าน การเรียนทันตแพทย์ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนเพื่อเอาเกียรตินิยม เรียนเสร็จ ตกเย็นก็มาซ้อมบอล 1 ทุ่มก็กลับบ้าน ในที่สุดก็จบทันตแพทย์

 

“ผมมีรุ่นพี่ที่สนิทกัน พอผมเรียนจบ ถึงเวลาสี่โมงเย็น ผมก็จะนั่งรถเมล์ไปทำคลินิกกับรุ่นพี่ ผมทำงานตั้งแต่วันแรกหลังจากที่ผมเรียนจบ ไปทำหมอฟันอาชีพครั้งแรก แต่เดิมเราเคยขอเงินเตี่ยใช้ แต่พอมาทำงานเป็นหมอฟัน เราทำงานได้เงินเยอะ เราก็ส่งเงินให้แม่และเตี่ยใช้ ต่อมาผมก็ไปทำที่คลินิกที่รุ่นพี่เปิดอีกหลายร้าน ที่เขาเรียกว่าเป็นมือปืนรับจ้างแทนเขา ผมทำคลินิก 7 วันไม่มีเวลาว่าง ตอนนั้นไม่ได้เล่นกีฬาเลย ทำงานเสร็จ 2-3 ทุ่ม ก็จะไปเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกันกับเพื่อนที่สนิท กินเที่ยวด้วยกันอยู่ถึง 6 ปี เช้าจัดกระเป๋าไปทำงาน ค่ำๆ ก็จะมาเจอกัน ตอนนั้นรายได้ดี แล้วก็เพลิดเพลินมาก

 

“หลังจากทำมาได้ 2 ปี ผมก็มาเปิดคลินิกของตัวเองในปีแรก พอปีที่ 2 ก็มาเปิดคลินิกที่ 2 เมื่อไปได้ดี ปีที่ 3 ก็มาเปิดคลินิกที่3 เผอิญเพื่อนพี่ชายเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลมเหศักดิ์ ก็ดึงผมเข้าไปเป็นหมอฟันประจำที่นั่น อีกทั้งที่ตอนแรกไม่คิดจะทำขนาดนี้ แต่เมื่อทำสนุกมีรายได้ดีมาก แต่พอกลับมาที่พัก เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน เพื่อนๆ บางคนทำงานไกล มีผมทำงานใกล้ที่สุดจึงออกจากอพาร์ตเมนต์เป็นคนสุดท้าย ชีวิตมนุษย์มันก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน เช้าไปทำงาน ตอนเที่ยงกินข้าว บ่ายโมงทำงานต่อ ไปเสร็จสี่โมงเย็น ออกจากโรงพยาบาลก็ไปทำคลินิกต่อ เสร็จ 2-3 ทุ่ม ชีวิตมันไม่มีอะไรเลย วนอยู่อย่างนี้ทุกวันกีฬาก็ไม่ได้เล่น มีเงิน มีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างหมด แต่เราไม่ได้เล่นกีฬาตลอด 6 ปีที่เป็นหมอฟัน

 

“ปีที่ 5 ย่างเข้าปีที่ 6 เริ่มรู้สึกแล้ว เมื่อมีรุ่นพี่ชวนผมไปเตะฟุตบอลที่สปอร์ตคลับ เตะวันอังคารถึงวันพฤหัส ผมไปเล่น 4-5 ครั้งร่างกายมันก็ฟิตขึ้นมา ไปเล่นแล้วฝรั่งมันชอบ ก็ชวนไปเป็นสมาชิก ระหว่างที่เล่นก็มีทีมจุฬาฯ ของรุ่นน้องมาซ้อมที่นั่นด้วย เขามาชวนผมไปเป็นโค้ชให้กับทีมจุฬาฯ ยูไนเต็ดครั้งแรก”

 

ทางแยกบนดินแดนวิสกี้

“พอซ้อมบอลที่สปอร์ตคลับเสร็จ เราเป็นทันตแพทย์ เรามีเงินเยอะ ก็พารุ่นน้องไปเลี้ยง แต่ความรู้เรื่องโค้ชเราไม่มี แต่เราเห็นว่าทีมมันเริ่มแฉะ เราก็เข้าไปดู มันก็เริ่มมีความรู้สึกว่า คนที่ไม่มีความรู้แล้วไปสอนฟุตบอล มันจะไปได้อย่างไร ประกอบผมเริ่มอิ่มตัวอาชีพทันตแพทย์ ผมจึงเตรียมการณ์ไว้ก่อนโดยไปที่บริติช เคานซิล อยากไปหาคอร์สอบรมฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ เสร็จแล้วจะมีฝรั่งมาสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ เขาถามว่าเราแน่ใจไหม เขามีเวลาให้เตรียมตัว 4 วัน คอร์สกำลังจะเปิด ค่าเล่าเรียนทั้งหมดบริติชเคาน์ซิลออกให้ แต่เราต้องเสียค่าเดินทางไปเอง

 

“สิ่งแรกที่ผมทำคือกลับมาที่บ้านเพื่อมาคุยกับเตี่ย มาบอกเตี่ยว่าผมตามใจเตี่ยหมดทุกอย่างในชีวิตนี้ เตี่ยสั่งอะไรมา ผมทำได้หมด แต่ตอนนี้ผมอยากทำตามใจตัวเองบ้าง เตี่ยถามว่าอยากไปทำอะไร ผมบอกว่าอยากไปอบรมโค้ช เพราะผมใฝ่ฝันมากสมัยเด็กๆ ผมอยากพาบอลไทยไปบอลโลก คิดแบบเด็กๆ การเรียนของเรากับการเล่นฟุตบอลมันไปด้วยกันไม่ได้ เราจะเรียนดีโดยที่เล่นฟุตบอลด้วย มันไม่ได้

 

“เตี่ยมองหน้าผม แล้วบอกว่า ‘แน่ใจเหรอ แล้วจะทำอะไร’ ผมก็บอกว่าผมจะเลิกอาชีพหมอฟัน จะไปเป็นโค้ชฟุตบอล เตี่ยซึ่งเป็นคนสมัยใหม่ บอกแบบใจเย็นว่า ‘เอ็งเป็นหมอฟันมา 6 ปี เมื่อทำแล้วไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ ก็ตามใจ ไปทำในสิ่งที่ตัวเองรักเถอะ’

 

“เหมือนเสียงสวรรค์ ผมก้มลงกราบเท้าเตี่ย วันรุ่งขึ้นออกจากบ้านไปสมาคมฟุตบอลไปหาอาจารย์วิจิตร เกตุแก้ว เลขาธิการสมาคมฟุตบอล ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมก็เล่าให้แกฟัง แกก็มองหน้าผม แล้วก็บอกว่าจะช่วย ท่านจึงเรียกคนมาทำหนังสือออกเอกสารรับรองยืนยันให้ผมเป็นโค้ชทีมชาติไทย ทำให้ทางบริติช เคานซิล มอบทุนนี้ให้ออกเดินทางไปประเทศสกอตแลนด์เพื่ออบรมวิชาโค้ชฟุตบอลตามใจปรารถนา แต่ที่ยากที่สุดคือการไปลาออกจากโรงพยาบาลมเหศักดิ์ ต้องไปนั่งอธิบาย คลินิกที่ทำอยู่ 3 แห่ง แล้วใครจะมาทำ ผมต้องขายกิจการให้กับพรรคพวกให้เขาจัดการ

 

“มันเป็นทางแยกของชีวิต ตอนนั้นปี 2530 ผมซื้อบ้าน ผมมีรถสปอร์ตขับ มีทุกอย่างในชีวิตหมดแล้ว ถ้าผมเลือกเป็นหมอฟันชีวิตผมจะสบาย แต่ผมเลือกชีวิตของการเป็นโค้ช เพราะมันท้าทายผมมีความรู้สึกว่า ผมหมดโอกาสที่จะเป็นนักฟุตบอล พาบอลไทยไปบอลโลก ทีนี้ผมต้องไปเป็นโค้ชเพื่อพาบอลไทยไปบอลโลก ในเมื่อผมไปยืนเป็นโค้ชให้ทีมจุฬาฯแล้วไม่มีความรู้ ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าไม่รู้จริง จะไม่ทำ

 

“ผมตัดสินใจเดินทางไปอบรมโค้ช 21 วัน ไปอยู่ที่สกอตแลนด์ แล้วมาดูงานที่อังกฤษ มันเหมือนทางแยกของชีวิตจริงๆ มองไปทางซ้ายมันมีแต่แสงสว่าง เพราะเราเป็นทันตแพทย์ แต่มองไปทางขวาไปเป็นโค้ช มันกลับมืดมิด

 

“ผมเป็นคนไทยคนแรกที่ไปอบรมโค้ชในตอนนั้น ห้องที่ไปนอน มันเป็นปราสาทเก่าๆ ผมนอนคนเดียวน่ากลัวมาก เพราะผมเป็นคนกลัวผี (หัวเราะ) ห้องน้ำต้องเดินไป 100 กว่าเมตร ก่อนอบรมเสร็จ 3 วัน เจ้าหน้าที่มาถามผมว่าจะไปสอบต่อหรือจะกลับได้เลย เมื่ออบรมเสร็จ ได้ประกาศนียบัตรว่าผ่านการอบรมแล้ว แต่ถ้าสอบ จะได้ใบอนุญาตระดับ B-License อย่างแรก สอบปากเปล่า แล้วชักจอฉายสไลด์ลงมา สมัยนั้นยังไม่มีภาพคอมพิวเตอร์ เป็นเทคนิคการเล่น ว่าเล่นแบบนี่ฟาวล์ไหม อันที่สองเขาให้คิดขึ้นมา ตอนนั้นมีบอลยูโรแข่งพอดี เขาให้ไปดูฟุตบอลยูโรรอบรองชนะเลิศคืนนี้ในศึกยูโร 1988 เสร็จแล้ววันรุ่งขึ้นเขาจะเรียกโค้ชมา เขาบอกว่าฟุตบอลระหว่างฮอลแลนด์เตะกับเยอรมนี ครึ่งแรก ยูไปอธิบายให้กับนักเตะเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปีของสกอตแลนด์ฟัง ผมก็ต้องไปอธิบายอีกทีมหนึ่งให้เป็นเยอรมนี อีกทีมหนึ่งให้เป็นฮอลแลนด์ แต่ละคนจำลองรูปแบบและวิธีเล่นแล้วเราต้องอธิบายว่าครึ่งแรกมันมีอะไรบ้าง ต้องจำรายละเอียด แล้วต้องไปอธิบายให้เด็กแต่ละคนฟังว่าเยอรมันเล่น 3-5-2ตั้งแต่การวางเกม การขึ้นเกม การแก้เกม รวมถึงจังหวะการเข้าทำ ยูต้องยืนอย่างนี้ ยูรับหน้าที่นี้ เสร็จแล้วเด็กลงไปเล่น 10 นาทีจบ

 

“สุดท้ายสอบข้อเขียน สอบเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกว่า ยูกลับไปได้แล้ว ผลการสอบจะตามไป หลังจากนั้น 1 เดือน สมาคมฟุตบอลสก็อตแลนด์ก็มีหนังสือมา แจ้งว่าผมสอบผ่านหลักสูตรการเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลระดับบี สามารถนำไปใช้ในการคุมสโมสรได้
สมใจนึก

 

“สิ่งที่ผมได้กลับมาคือระบบฟุตบอล แอนดี้ ร็อบซ์เบิร์ก หัวหน้าวิทยากร เขาเก่งมาก เขาสามารถอธิบายให้ผมรู้ว่า การที่จะทำทีมฟุตบอลให้ดีเหมือนบาร์เซโลนา ที่เป็นระบบฟุตบอลหรืออาร์เซลนอล ต้องทำอย่างไร แต่ก่อนจะทำให้เป็นระบบแบบ
บาร์เซโลนา เราต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ่ง ว่าแต่ละอย่างเขาทำอย่างไร ฟุตบอลระบบดีๆ มันก็เหมือนกับการบริหารบริษัทๆ ที่ดีอย่างกสิกรไทย คนระดับสูงอย่างคุณบัณฑูร ล่ำซำ เขาอยู่บนสุด เขาไม่จำเป็นต้องลงมาดูทุกสาขา วิธีการที่มันคุมกันเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อระบบดี มันจะคุมกันเอง

 

“ผมจึงเอาประสบการณ์ที่ แอนดี้ ร็อบซ์เบิร์ก สอนผมในเรื่องของโค้ชฟุตบอล มาใช้ในการบริหารธุรกิจของผม แอนดี้ ร็อบซ์เบิร์ก บอกว่าเรากำลังจะทำอะไร เราจะทำฟุตบอล เราจะต้องรู้ว่าฟุตบอลเขาใช้ตัวเล่น 11 คน แล้ว 11 คนที่เราจะใช้ ต้องทำงานดีมาก

 

“เหมือนธุรกิจสื่อมวลชนที่ผมเข้ามาทำหนังสือพิมพ์รายวันที่ผมเข้าไปนั่งดู มันมีอะไรบ้าง สิ่งที่ผมรู้คือค่าใช้จ่าย ค่ากระดาษ ค่าพิมพ์ กองบรรณาธิการ เงินเดือนเท่าไร จัดจำหน่ายเงินเดือนเท่าไร ออฟฟิศค่าเช่าเท่าไร อุปกรณ์ ค่าคอมพิวเตอร์ ไฟฟ้าโทรศัพท์เท่าไร ในขณะเดียวกัน เงินที่ผมจะหามาได้ มาจากอะไร มาจากการจัดจำหน่าย การขายหนังสือ มาจากค่าโฆษณาหัวใจสำคัญของหนังสือมันอยู่ที่โฆษณากับจัดจำหน่าย ผมก็คุม 2 อย่าง นี่คือสิ่งที่ผมนำมาจากที่ผมไปอบรมมา แล้วนำมาทำธุรกิจ”

 

บนบัลลังก์โค้ช

“หลังจากฝึกอบรมกลับมา ตอนนั้นช่วงเช้าผมก็มาดูโรงพิมพ์ บ่ายผมก็ไปสอนบอล รายได้ก็ไม่ค่อยมี ช่วงที่ทำบอล มันไม่ใช่เหมือนที่เราคิด ผมยอมรับสภาพจากชีวิตที่เราเคยสบาย มันไม่ง่าย เราก็ได้เป็นโค้ชฟุตบอลในสิ่งที่เราสอน พอทำบอลในช่วงของการเป็นโค้ชฟุตบอล ที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทย อาจจะไม่ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่น้อยกว่าใคร ผมเป็นโค้ชให้กับระดับโรงเรียนคืออัชสัมชัญ บางรัก แข่งจตุรมิตร 4 ครั้ง ช่วงที่ผมเป็นโค้ช ได้แชมป์จตุรมิตร 3 ครั้ง ได้รองแชมป์ 1 ครั้ง เป็นโค้ชฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย จุฬาฯ เป็นโค้ชบอลประเพณี 3 ครั้ง ชนะ 2 เสมอ 1 ไม่เคยแพ้ ผมไปเป็นโค้ชให้กับมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้แชมป์อุดมศึกษา แชมป์ฟุตซอล แชมป์มหาวิทยาลัย แชมป์ยูลีก ทุกอย่างผมทำได้แชมป์หมด

 

“ในระดับสโมสร ผมเป็นโค้ชให้สินธนา ผมได้แชมป์เอฟเอคัพ ผมมาทำทีมให้กับสโมสรบีอีซีเทโรศาสน ผมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกผมได้แชมป์ถ้วย ก. ได้แชมป์ชนะถึง 4 ครั้ง สิ่งเดียวในเมืองไทยที่มีแล้ว สิ่งที่ผมไม่ได้คือแชมป์ควีนส์คัพ ผมทำที่สินธนา ได้รองแชมป์ควีนส์คัพ ส่วนหัวหน้าสต๊าฟโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย ผมมีโอกาสได้ทำปี 2536 รายการฟุตบอลเมอร์เดก้าคัพ หัวหน้าสต๊าฟโค้ชฟุตบอลทีมชาติชุดใหญ่ ปี 2537 รายการฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ หัวหน้าสต๊าฟโค้ช ฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซีเกมส์ เป็นผู้ประสานงานและอำนวยการสอนกับผู้ฝึกสอนฟุตบอลมืออาชีพชาวต่างประเทศ ได้แก่ ปีเตอร์ วิธ, โดเลส โอตาการ์, เจสัน วิธ

 

“แต่โค้ชทีมชาติไทย ผมทำได้ไม่นาน เหตุผลที่ผมเลิกก็เพราะว่าเวลาเราเข้าไปทำแล้ว เราไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่สมาคมมักจะเลือกฝรั่งไปเป็นโค้ช สิ่งหนึ่งที่ผมพูดทุกครั้งก็คือเมื่อผมยืนอยู่กับเขา แต่เขาไม่ได้ต่างกับผมนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเหนือกว่าผม ก็คือเขาตาสีฟ้า ผมสีทอง เขาพูดภาษาอังกฤษ ถามนักบอลไทยว่าเขาเชื่อฝรั่งไหม เขาไม่ได้เชื่อหรอก แต่เหตุผลที่เขาไม่งอแง เพราะเวลาฝรั่งคุยกับเขา เขาคุยไม่รู้เรื่อง คนไทยเสียอะไร เสียได้ แต่เสียหน้าเสียไม่ได้

 

“สิ่งที่นักบอลไม่กล้าเกเร เพราะถ้าเกเรมันโชว์ให้เห็นว่าพูดไม่รู้เรื่อง มันต้องอยู่ในกรอบ ผมอยู่ทีมชาติไทย ผมรู้เลยว่ายังต้องเสริมอีกเยอะ ผมเคยพาทีมไปได้แชมป์ซีเกมส์ที่มาเลเซีย

 

“ผมเลิกในขณะที่เขาไม่ได้ให้ผมออก ผมทำมา 10 กว่าปี ตั้งแต่วันที่ผมเลิกมา ผมมาทำเป็นสื่อมวลชน ตอนนั้นผมเขียนหนังสือเป็นคอลัมนิสต์ลงพิมพ์อยู่ 3-4 ที่ อาทิ กรุงเทพธุรกิจ สยามรัฐ ปีแรกที่ผมเลิกอาชีพโค้ชฟุตบอล ผมก็หันมาตีกอล์ฟ

 

“มีอยู่วันหนึ่ง คุณยุทธพงษ์ วิชัยดิษฐ์ โทรศัพท์มาชวนให้ไปจัดรายการวิทยุด้วยกัน รายการ ‘สปอร์ตไกด์’ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทาง FM99 นอกจากงานเขียนหนังสือแล้ว การมีโอกาสออกทีวี ทำงานที่ตัวเองถนัด วิพากษ์ วิเคราะห์ฟุตบอลต่างประเทศ ได้ใช้ความรู้ความสามารถสมัยตอนเรียนโค้ชฟุตบอลให้เป็นประโยชน์ ผมเพิ่งเขียนว่าบอลไทยจะไปบอลโลก เราสามารถทำได้ ผมบอกว่าที่เราดูฟุตบอลบาร์เซโลนา ที่เล่นใครที่ดูแล้วชอบ ถามว่าเราทำทีมอย่างเขาทำได้ไหม พูดง่าย แต่ทำยาก แต่คนที่จะทำได้ มันต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้บอลไทยไปบอลโลก ถ้าอยากให้ทำ มาจ้างผม ของผมสี่หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ ผมจะสร้างให้ภายใน 2 ปี ถ้าผมทำแล้วมันไม่เหมือนบาร์เซโลนาหรืออาร์เซนอล สี่หมื่นปอนด์ตั้งแต่สัปดาห์แรกไม่ต้องให้ผม 
ใครกล้าเล่นกับผมไหม ถ้าทำทีมแล้วมันเกิด คุณก็ต้องจ่ายผม ผมจะทำให้ดู

 

คลังแห่งคัมภีร์ 

“ตอนที่ผมเป็นโค้ชฟุตบอล ผมจะถูกสื่อมวลชนส่วนหนึ่งเขียนต่อว่าว่าถ้าคุณอยากจะเป็นโค้ชฟุตบอลที่ดี ที่ประสบผลสำเร็จสูงคุณต้องรู้จักเอาใจสื่อมวลชน บางคน ซึ่งผมไม่เห็นด้วย จะให้เขียนเชียร์ จะมาบังคับผม ผมไม่เอาด้วย วันนี้ผมเป็นสื่อมวลชลระหว่างที่ผมทำรายวิทยุอยู่ ปรากฏว่าผู้ใหญ่ของ อ.ส.ม.ท. ท่านมีเมตตาให้ผมเข้ามาทำรายการทีวี 2-3 รายการ ปรากฏว่าประสบผลสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดี ผมเป็นคนของช่อง 9 สามัญสำนึกทุกอย่าง ผมเกิดจากที่นี่ ไม่คิดจะไปอยู่ช่องอื่น ในส่วนของหนังสือพิมพ์กีฬารายวัน อาจารย์เหน่ง เพื่อนรักของผมที่ทำอยู่ก่อนแล้ว มาชวนให้ผมเข้าไปช่วยดู จนกระทั่งทำมาถึงทุกวันนี้ช่วง 2 อาทิตย์ ที่เปิดใหม่ มันสาหัสสากรรจ์มาก เรารู้ว่า สาเหตุเพราะผมไม่มีความรู้เรื่องการจัดจำหน่าย ผมไม่ได้ไปแตะเรื่องโฆษณา แต่ตอนนี้ ผมลงมาทำเองทุกอย่างหมด ผมเอาทีมงานชุดเก่าออก ผมเอาชุดใหม่ของผมเข้ามา แล้วโฆษณาทุกอย่างผมจัดการเอง ตอนนี้หนังสือ Hot Score หนังสือกีฬารายวันของผมดีขึ้นมาก

 

“ผมคือทางเลือกใหม่ ผมมักจะบอกว่าร้านของผมไม่ใช่ภัตตาคารใหญ่โต แต่ร้านผมเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า คนที่จะบอกว่าดีหรือไม่ดีไม่ใช่ผม แต่เป็นคนที่เข้าไปกินร้านเหลากับร้านผม แต่ถ้าเห็นว่าร้านของผมอร่อย ก็เข้ามากินครับ ผมเพียงแต่หาทางเลือกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นร้านขายทองคำ คงมีอยู่แค่ร้านเดียว

 

“ผมเสมือนนักชกบนสังเวียนชีวิต เวลาผมจะทำอะไร ผมทำจริงๆ จังๆ ผมเป็นหมอฟัน ผมก็เล่นบทบาทหมอฟันเต็มตัว วันหนึ่งผมเลิกเป็นหมอฟัน ผมก็มาเป็นโค้ชฟุตบอล อาชีพผมเป็นโค้ชผมก็จะสอน ผมทำงานสื่อมวลชน ผมก็ทำจริงๆ ผมไม่ใช่นักชกข้างสังเวียน เวลาผมมีภรรยาผมมีภรรยาเพียงคนเดียว ผมเป็นลูกผู้ชาย สิ่งที่เป็นหลักเกณฑ์ของผม มันอยู่บนมาตรฐาน วันหนึ่งผมเป็นพ่อ ผมก็เป็นพ่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ วันหนึ่งผมเป็นลูก ผมเป็นลูกที่อยู่ในมาตรฐาน ผมเป็นสามี ผมก็เป็นสามีที่อยู่ในมาตรฐานผมอาจจะไม่ใช่สามีที่ดีที่สุด แต่ผมก็ไม่ใช่สามีที่เลว วันหนึ่งผมเป็นพี่ ผมก็เป็นพี่ที่ดี นั่นคือคอนเส็ปต์ในชีวิตของผม

 

“เวลาทำงานผมต้องรู้จริง จึงจะประสบผลสำเร็จ เวลาผมทำฟันผมต้องรู้ให้กระจ่าง ผมสามารถเป็นเจ้าของคลินิกได้ 3 คลินิกสามารถเป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก คำพูดคนจึงสำคัญ ถ้าเราทำไม่ดีเวลาคนไปพูดแล้วมันไม่มีความเจริญ อย่างผมเป็นหมอฟัน ทำฟันให้กับเขา แล้วเก็บเงินเขาแพงๆ เขาจะกล้ามาหาผมอีกไหม เขาก็จะว่าลับหลังว่า เราเห็นแก่เงินแต่ถ้าเราทำดี คนไข้จะเข้ามาอีกเยอะ ผมจึงสามารถเปิดคลินิกได้เยอะ เพราะว่าคนเขาพูดถึงเราแต่สิ่งที่ดีๆ

 

“พอผมมาเป็นโค้ชฟุตบอลในเมืองไทย ที่หลายคนกากบาทผม เพราะผมมันอหังการ์ ผมไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจความไม่ชอบธรรมบางอย่าง ผมพูดแล้วไม่มีใครกล้าเถียง ทุกวันนี้ฟุตบอลทีมชาติไทยจึงยังมีส่วนปรับปรุงอีกมาก คนที่เป็นโค้ชเก่ง ไม่ต้องมารอแก่ เขาเก่งแล้วเก่งเลย ไม่ต้องรอให้ถึงอายุ 60 ปี บอลไทยมันถึงเป็นอย่างนี้

 

“ทุกวันนี้ ผมหันมาทำรายวิทยุ รายการทีวี ทำหนังสือ มันครบหมดแล้วๆ จะให้ผมทำอะไรอีก จัดทัวร์ผมก็เคยจัดมาแล้ว ผมเป็นคนมีพรรคพวกเยอะ ไม่ต้องมีฟอร์ม เราช่วยเหลือคนไว้เยอะ ไม่จำเป็นต้องพูดหวานๆ เราขายโฆษณาในปีหน้า เราก็ขายสปอตโฆษณาวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน พ็อคเก็ตบุ๊ก ไปพร้อมๆ กัน

 

“ชีวิตผมดีขึ้นมาได้เพราะผมเป็นซื่อสัตย์ เตี่ยสอนผมมาในชีวิต ผมไม่เคยมองโลกในแง่ลบ คนอย่างผม มันมีอยู่ 2 ประเภท คนคบผมก็เยอะ คนเกลียดก็มี เวลาคนฟังผมพูด ผมพูดไม่เพราะ พูดจาตรงไปตรงมา มันฟังแล้วบางคนจะไม่ชอบ”

 

มุมมองหมอเมา

“สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผมคิดว่าผมได้กำไรในสิ่งที่ผมอยากทำ ผมได้ทำมาหมดแล้ว แต่ยังมั่นใจว่าคนอย่างผมยังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ ผมมีความสุขกับโลกของฟุตบอล จึงอยากจัดบอล 5 สุขทุกปี คือบอลทั้ง 5 สุขมันไม่มีอะไรแอบแฝง มันเป็นบอลที่พ่อ แม่ ลูก มาพร้อมหน้ากันได้มีโอกาสมาอยู่ใกล้ชิดกัน เพราะผมไม่ได้เลือกคนที่เล่นบอลเก่ง มาเล่นฟุตบอล

ละทิ้งเครื่องมือทำฟันของทันตแพทย์พิชัย ปิตุวงศ์