เครดิต พิมพ์พิสิฐถาวร
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่ตรงนี้ เพราะสนามกอล์ฟไม่ใช่งานที่ง่ายๆ อย่างหลายคนเข้าใจว่ามีเงินก็ทำได้ ยังต้องมีการบริหารงานและการจัดการที่ดีมากๆ เพื่อทำให้ธุรกิจนี้ดำรงอย่างมั่นคงจากรุ่นถึงอีกรุ่น
วันนี้เรามาพบกับคุณโย เครดิต พิมพ์พิสิฐถาวร กรรมการผู้จัดการบลูแซฟไฟร์กอล์ฟ เขาเป็นลูกชายของคุณไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร ซึ่งได้เข้ามาดำเนินงานอย่างเต็มระบบ หลังจากที่เราคุยกับเขาแค่เพียงไม่นานก็รู้ได้ทันทีเลยว่าผู้ชายคนนี้มีแนวคิดที่ไม่ธรรมดา
คุณเครดิตเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์การจัดการจากประเทศอังกฤษ ด้วยแนวความคิดที่ไม่หยุดนิ่ง เขาจึงสามารถสร้างโปรเจ็คท์ใหม่ๆ ให้กับสนามกอล์ฟบลูแซฟไฟร์อยู่ตลอดเวลา หลายๆ งานที่เกิดขึ้นในสนามกอล์ฟเขาเป็นตัวตั้งตัวตีมากมายจนทำให้สนามกอล์ฟได้รับเกียรติให้มีการจัดการแข่งขันรายการใหญ่มาแล้ว อาทิเช่น Thailand PGA Championship 2010, TGA CAT Junior Golf Ranking, Singha all Thailand Challenge 2010 ที่แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานระดับสากล โดยในส่วนของการวางแผนนโยบายต่างๆ เช่น การตลาดและการขายนั้นเขาจะเป็นผู้ดูแลเองทั้งหมด
“พอผมเข้ามาทำตรงนี้ บางอย่างเรารู้สึกว่าไม่เป็นระบบเลย เราน่าจะทำตรงนี้ ควรมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แต่เราแค่ได้เห็นได้แค่พูด เราไม่มีประสบการณ์ เพราะเราไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง เราไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง ผมจึงปรึกษาคุณพ่อซึ่งท่านก็บอกว่าหลายส่วนต้องใช้ประสบการณ์
ยกตัวอย่าง ผมเคยเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานสูงขึ้น แต่พนักงานคนนั้นกลับลาออก ผมคิดว่าผมอ่านหนังสือการบริหารมากพอที่จะรู้ว่าการทำให้คนรักองค์กรมากขึ้นแล้วอยากทำงานมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวด เพราะเขาไม่ได้ต้องการเงินเดือนสูงแต่ต้องมีความรับผิดชอบเยอะ เขาแค่ต้องการทำงานเลิกงานให้ตรงเวลาก็พอ”
เขาให้ความเห็นว่าบุคลากรกับระบบการทำงาน ทั้งสองอย่างต้องรวมกันจึงจะสามารถไปด้วยกันได้ แต่ไม่มีระบบการทำงานใดที่สมบูรณ์แบบ เขาจึงวางระบบไว้โดยการเดินหน้าเต็มที่อย่างมีเสถียรภาพ แต่ก็ต้องสามารถถอยเมื่อเจอปัญหาได้
ส่วนทางด้านวิสัยทัศน์การบริหารงานเชิงรุกนั้นเขามองว่านอกจากการตีกอล์ฟกันแล้ว เขาพยายามที่จะทำให้สนามกอล์ฟเป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัวด้วย โดยที่พ่ออาจมาตีกอล์ฟ ส่วนแม่กับลูกก็ล่องเรือชมธรรมชาติ หรือทำกิจกรรมที่มีความหลากหลายให้เลือกมากมาย
“ที่มีอยู่ตอนนี้คือสวนอุทยานตะเคียนทองให้คนมาสักการะ การล่องเรือก็ล่องทั้งคืนได้ แล้วที่เพิ่งมีใหม่ก็คือสวนตกปลา ที่สามารถตกแล้วเอามาทำอาหารได้ มีศูนย์กีฬาทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี บานานาโบท เรายังคงดูแลนักกอล์ฟให้ดีกว่าเดิม แล้วเราจะเพิ่มในส่วนของทางโรงแรม และการท่องเที่ยวให้มากขึ้น แต่เราต้องไม่ลืมจุดแข็งของเราว่าเราคือสนามกอล์ฟ”
แนวคิดการขยายการทำงานของเขานั้นมาในช่วงจังหวะระยะเวลาที่เศรษฐกิจของบ้านเรากำลังชะลอตัวอยู่พอดี แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อสนามกอล์ฟของเขาอย่างแน่นอน แต่เขาบอกว่าคงจะผ่านไปได้ถ้ามีการวางแผนให้รัดกุมมากกว่าปกติ
“มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเรามัวแต่ท้อแล้วไม่ทำอะไรเลย ถึงเราไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นมา แต่ชะตากรรมเราก็ต้องรับอยู่ดี สิ่งที่ดีที่สุดคือตั้งหลักให้ทัน ตั้งสติมานั่งทบทวนกันดูว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น แผนต่อไปคืออะไร เราจะมีการปรับแผนทุกอาทิตย์เลยอย่างมีการจองสนามจากเมืองนอกเข้ามาเยอะเลย แล้วไม่อยากให้มาเบียดกับลูกค้าคนไทย เราจึงต้องมีการตั้งอัตราการใช้บริการที่เหมาะสม เพื่อการบริการที่ครบครัน พอวิกฤติเกิด เราก็รับคนไทยเข้ามามากกว่าปกติซึ่งเราสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี”
เขายังบอกต่ออีกว่าการทำธุรกิจต้องตามให้ทันโลก เพราะทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทำให้สนามกอล์ฟบลูแซฟไฟร์เองก็ต้องมีการเดินหน้าอยู่ตลอดเวลา นั่นถือเป็นการเพิ่มสีสันให้กับลูกค้าและเป็นความคาดหวังของลูกค้าที่จะต้องได้รับสิ่งที่
คุ้มค่าตอบแทนเสมอ
Know Him
• แม้สนามกอล์ฟ บลูแซฟไฟร์ จะอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ตัวเขาเองจะติดต่อประสานงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งสามารถไปกลับได้ตลอดเวลา
• นอกจากภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนที่เขาสามารถสื่อสารได้แล้วเขายังพยายามศึกษา ภาษาเกาหลีกับญี่ปุ่น เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจจากลูกค้าชาวต่างชาติโดยตรงอีกด้วย
• ด้วยความที่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลาเขามักมองเห็นโอกาสเสมอขนาดต้นมะคึก ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นของจังหวัดกาญจนบุรีที่ไม่มีใครสนใจ เขาเป็นคนแรกที่นำเอาพืชชนิดนี้เข้ามาทำธุรกิจร่วมกับเจียไต๋ (ผู้ผลิต และจัดหน่ายพันธุ์พืช)ได้อย่างไม่มีใครคาดคิด