ชูศักดิ์ พวงผกา

ชูศักดิ์ พวงผกา

“ผมเป็นคนชอบวาดรูปแล้วก็เรียนมาตั้งแต่มัธยม ตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนมีศิลปะ เพราะความคิดของเด็กวัยรุ่นสมัยก่อนอยากเป็นทหาร ตำรวจ อยากใส่เครื่องแบบ พอหลุดจากความคิดตรงนั้นมาได้ เราก็ไปเรียนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา ด้านหลังเพาะช่าง ซึ่งอยู่ติดกับปากคลองตลาด เพื่อนๆ จะรู้เลยว่าเราเนี่ยบ้าดอกไม้มาก ยิ่งเวลาวาดหุ่นนิ่ง ผมจะชอบวาดดอกไม้”

คุณเจ็ทเล่าย้อนให้ฟังถึงเรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็ก สะท้อนความเป็นคนชอบดอกไม้เป็นอย่างดี หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็ได้ผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ดูแล้วแทบไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นนักจัดดอกไม้ ทั้งการเป็นนักแสดง หรือแม้แต่บทบาทของการเป็นนักธุรกิจทำเสื้อผ้าส่งออก

“ตอนย้ายไปอยู่ออสเตรเลียเมื่อปี 1997 ผมไปเพื่อดูช่องทางทำธุรกิจ เมื่อมีความเป็นไปได้ก็กลับมาปิดโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่เมืองไทย เพื่อไปเปิดตลาดเสื้อผ้าส่งออกที่ออสเตรเลีย เราเป็นซัพพลายเออร์ให้กับเสื้อผ้าแบรนด์ต่างประเทศทั้งหมด จนประสบปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ก็เลยรู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน สุดท้ายขอเป็นตัวเองก็แล้วกัน ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุขดีกว่า”

ปี 2004 คุณเจ็ทกลับมาเมืองไทย ซึ่งตรงกับช่วงที่มีโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์พอดี ตอนนั้นคุณเจ็็ทส่งผลงานงานเข้าประกวดจากแรงสนับสนุนของเพื่อนบ้านที่เห็นความสามารถในตัวเขา

“เพื่อนบ้านจะพูดถึงบ้านเราว่าแต่งบ้านสวย ใครผ่านไปผ่านมาก็จะแวะดู เลยกลายเป็นขวัญใจคนในเขตไปโดยปริยาย แล้วพอมีกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะเราก็จะถูกเชิญไปเป็นประจำ จนทางเขตถามเราว่าจะทำอะไรส่งประกวดดี เราก็ไปสวนจตุจักรซื้อกล้วยไม้มาหนึ่งต้นแล้วร่างแบบสเก็ตซ์ขึ้นมา จากนั้นก็ทำขึ้นให้เหมือนจริงด้วยดินญี่ปุ่น สุดท้ายก็ได้รางวัล 5 ดาว”

กระทั่งเมื่อกลับไปประเทศออสเตรเลีย เขาก็นำอุปกรณ์และฝีมือด้านการสร้างสรรค์ติดตัวกลับไปที่นั่นด้วย

“ผมซื้ออุปกรณ์กลับไปทำเพราะรู้สึกมีความสุข พอผลงานเสร็จก็เอาไปแจกเพื่อนฝูง แล้ววันนึงมีงาน Flower Show เกิดขึ้นเพื่อนก็บอกว่างานเราน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ ผมไปลงทะเบียนซื้อพื้นที่แสดงงาน และได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่งจากสถาบัน NMIT ท่านก็แนะนำให้เราไปเรียนเพิ่มเติม

“ผมตัดสินใจไปลงเรียนเต็มหลักสูตรระยะเวลา 3 ปีกว่า ต้องเริ่มตั้งแต่การศึกษาชนิดของพืชพันธ์ุว่าลักษณะการเจริญเติบโตการหรือวิธีการดูแลรักษาเป็นยังไง เรียนตรงนั้นเสร็จถึงจะเริ่มเรียนและลงมือจัดดอกไม้ ในระหว่างที่เรียนนั้นก็ถูกส่งไปแข่งขันเป็นประจำ ผมเป็นนักศึกษาคนแรกที่ได้รางวัลเหรียญทองของสถาบันหลังจากที่เปิดสอนสาขานี้มาได้ 12 ปี ถือเป็นเกียรติมากๆ

เมื่อถามถึงผลงานมาสเตอร์พีซที่เคยผ่านมือมา เขาบอกว่าคือทุกชิ้นงานที่ทำ

“งานทุกงานนั้นออกมาจากใจ โฟกัสจากความรู้สึก ผมเลยชอบทุกชิ้น แต่ชอบด้วยความรู้สึกต่างกัน อย่างครั้งแรกที่ผมได้เหรียญบรอนซ์ระดับอินเตอร์ ปีนั้นผมทำงานที่สื่อถึงประเทศไทย สื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผลงานชื่อว่า The Heart of    Soul The Mind of Gold ผมใช้โทนสีเหลืองทั้งหมด เอาเปลือกไม้มาเรียงกันแล้วแปะทองคำเปลวเพื่อสื่อว่าเป็นสายน้ำเจ้าพระยา แล้วก็ใช้ดอกคูนหรือราชพฤกษ์มาวางเรียงเป็นแนว หรืออีกงานที่ได้รางวัลเหรียญบรอนซ์ล่าสุด ธีมคือชนเผ่าอะบอริจิ้น ผมใช้ดอกไม้จากประเทศเขตร้อน คนดูจะรู้ทันทีว่าเป็นอะบอริจิ้น ทั้งรูปทรง สีสัน และกองไฟที่สื่อความถึงจุดกำเนิดและจุดดับ

“ในโลกเรามีไมเคิล แองเจโลหนึ่งคน แวนโก๊ะหนึ่งคน ฉะนั้นผมก็คือคุณเจ็ทหนึ่งคนซึ่งมีสไตล์ของผม ผมมีเพื่อนที่เก่งๆ อีกเยอะทุกคนเก่งต่างกัน ทุกคนมีทักษะความคิดที่เอาไปแตกแขนงจนเป็นคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ตรงนั้นต่างหากที่ถือเป็นท็อปของแต่ละคน เหมือนกับผมเองที่สร้างประติมากรรมดอกไม้” 

ศิษย์เก่าที่ได้รับยกย่องว่ามีฝีไม้ลายมือ