VOILA

VOILA

มองผ่านเข้าไปด้านในของห้องอาหาร รู้สึกได้ถึงความโปร่ง โล่ง สบายตา ด้วยการตกแต่งแบบไทยร่วมสมัย จุดเด่นอยู่ที่กระจกรูปไข่ที่เรียงซ้อนกันเป็นรูปทรงของดวงดาว มีแสงส่องออกมาพร้อมกับควันเย็น 

เมื่อก้าวเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมอบอวลของอาหาร ไลน์บุฟเฟ่ต์จัดเรียงไว้ที่หน้าทางเข้าดึงดูดความสนใจก่อนที่จะเข้าไปถึงโต๊ะอาหารอีกหนึ่งสิ่งที่เห็นแล้วต้องสะดุดนั่นคือ อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารที่จัดเรียงอย่างหรูหรา พร้อมขนมปังนานาชนิดอีกหนึ่งตะกร้าที่เสิร์ฟกับเนยนุ่มๆ ให้อุ่นเครื่องกันก่อน

ด้วยประสบการณ์ที่มากล้นของเชฟใหญ่ที่บินตรงมาจากเมืองน้ำหอมและทีมเชฟ นำความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผสมกับความประณีตในการรังสรรค์วัตถุดิบที่เน้นคุณภาพ ความสดใหม่ จนเกิดเป็นคอนเส็ปต์ “Cuisines on Stage” ที่เปรียบเสมือนการยกห้องอาหารขึ้นมาแสดงบนเวทีให้ท่านผู้ชมอย่างเราๆ ได้ชมกัน 

โดยการจัดวางไลน์บุฟเฟ่ต์ที่เน้นความสะดวกในการหยิบตัก เริ่มจากบาร์บีคิว เนื้อนุ่มที่ย่างจนกลิ่นหอม พลาสต้าหลากหลายสไตล์เลือกปรุงได้ตามใจชอบ สเต็กจากเนื้อที่นำเข้าทานแล้วให้ความรู้สึกว่าแทบจะละลายในปาก อาหารฝรั่งเศสที่ปรุงจากเตา “La Cornue” (เตาอบหรูหราของฝรั่งเศส) และ “Rôtisserie” (เตาอบหมุนได้ ขนาดใหญ่) ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของการปรุงอาหารฝรั่งเศส รวมถึงอาหารไทย จีน อินเดีย ตะวันตก สลัดผักสดใหม่ และฮอทดิช ที่มีทั้งสตูว์ซีฟู้ด ปลากะพงขาวย่างราดซอสเลมอนเคเปอร์ แครอตพูเร่ และซุปครีมข้นผักขมเป็นต้น 

A la carte ที่เชพแนะนำคือ ปลาหิมะที่ผ่านความร้อนจนเนื้อนุ่ม แทรกเนื้อปลาด้วยไส้กรอกสแปนิชที่มีรสชาติเผ็ดนิดๆ เสิร์ฟพร้อมกับระทะทู (ผักนานาชนิดที่ต้มจนเปื่อย) และซอสซาลารี่ ผสมผสานรสชาติกันได้อย่างลงตัว อีกหนึ่งจานคือ เทอร์รีนตับห่านชิ้นโตๆ ที่ได้จากห่านซึ่งผ่านการเลี้ยงอย่างพิถีพิถัน นำมาบดและอัดเต็มบล็อกกับแม่พิมพ์ หยิบเข้าปากแล้วได้ความนุ่มและมัน ตัดความเลี่ยนด้วยขนมปังและผักสลัดที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน

อีกด้านคือ Seafood on Ice ที่มีทั้งกุ้งลายเสือ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และร๊อคล็อบสเตอร์ที่วางคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด ใกล้กันก็เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่มีให้เลือกนานาชนิด 

ถัดจากไลน์บุฟเฟ่ต์เข้าไปข้างในอีกนิดจะพบกับพิซซ่าเตาถ่านหอมกรุ่น ที่เป็นครัวเปิดโชว์ลีลาการปรุงของเชฟให้เห็นกันสดๆ ใครต้องการพิซซ่าสองหน้าในถาดเดียวก็สามารถสั่งได้

ขนมหวานของที่นี่อลังการทั้งหน้าตาและรสชาติ มีทั้งฟองดู ไอศกรีมมากกว่า 10 รสชาติ เค้ก รวมไปถึงขนมแบบไทยๆ ส่วนขนมหวานที่เชฟแนะนำก็คือ เซนต์-ออนเนอร์ ที่ประกอบด้วย ชูส์ ราดคาราเมล กลบด้วยวิปครีม แล้ววางอยู่บนแผ่นแป้งกรอบ รู้สึกได้ถึงความนุ่ม หวาน หอม และมัน จนแทบไม่อยากจะกลืน

ที่จะต้องติดตาตรึงใจสำหรับคนที่ได้มาสัมผัสอย่างแน่นอน นั่นก็คือ Le Fumoir ห้องเก็บไวน์ชั้นเลิศ ที่ทางห้องอาหารสรรหาไวน์มาจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งชีสที่มีมากกว่า 15 ชนิด นำเข้ามาจากเมืองหลักๆ ของฝรั่งเศส ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง  

พิเศษสำหรับคืนวันศุกร์และเสาร์จะเป็นซีฟู้ดไนท์ ที่เพิ่มเติมอาหารซีฟู้ดให้ทานกันไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นปูอลาสก้า ปูทะเล กุ้งลายเสือเมนล็อบสเตอร์ ส่วนในวันอาทิตย์จะมี Sunday Brunch ที่รวมอาหารและเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์ที่เติมไม่อั้น ตั้งแต่12:00-16:00 น. 

How to Go?

ชั้นสองของโรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท คือที่ตั้งของห้องอาหาร VOILÀ อยู่ริมถนนระหว่างสุขุมวิท ซอย 13 และ 15สำหรับใครที่เดินทางโดย BTS ให้ลงที่สถานีนานา เดินตรงมุ่งหน้าไปทางสถานีอโศกก็จะเห็นโรงแรมอยู่ทางด้านซ้ายมือ ข้อมูลเพิ่มเติม 0-2126-9999 ต่อ 3003

เสียงคำทักทาย “บอง ชู” สไตล์การต้อนรับของ VOILA