สุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์

สุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์

เขาคือผู้ก่อตั้ง Toolmorrow ซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้กับเยาวชนผ่านสื่อโซเชี่ยลและคลิปวิดีโอ ที่กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชี่ยลมากมาย จนกลายเป็นสื่ออีกช่องทางหนึ่งที่เป็นธุรกิจเพื่อสังคม โดยยึดคำว่าประโยชน์เพื่อสังคมเป็นที่ตั้ง

“Toolmorrow เกิดจากการที่เราอยากทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมที่ถูกพูดถึง มาทดสอบในรูปแบบของวิดีโอ อาจจะเรียกกันว่าไวรัลคลิป ที่แชร์และกระจายไปยังพื้นที่บนโลกโซเชียล ทำให้เกิดความตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปวิดีโอเหล่านั้น ส่งผลกับตัวตนของผู้ชมรวมไปถึงสังคมอย่างไรบ้าง จากการสะท้อนความคิดหรือมุมมองต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้ชมได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง สำหรับฟีดแบคกลับมาก็ค่อนข้างดี มีทั้งคนที่ชื่นชมชื่นชอบ ทำให้เกิดการส่งต่อเผยแพร่ และนำไปเป็นเคสตัวอย่างของการศึกษา
เรียนรู้ต่อไปในอนาคตครับ ตัวผมเองในฐานะผู้ก่อตั้งก็รู้สึกดีใจและคิดว่ามันประสบความสำเร็จ ที่เสียงเล็ก ๆ ของเราสามารถส่งไปถึงผู้ชมหลายล้านคนที่ได้มีโอกาสรับชมคลิปเหล่านั้น

“สภาพสังคมหรือเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในปัจจุบันมันส่งผลต่อสภาพจิตใจคนส่วนใหญ่แน่นอน คนเราเมื่อถึงทางตันทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องหาทางเอาตัวรอดเสมอ อยู่ที่ว่าแต่ละคนมีวิธีการเอาตัวรอดอย่างไร พื้นฐานการเลี้ยงดูหรือว่าการสั่งสอนเป็นแบบไหน ซึ่งถ้าเกิดสังคมมันเสื่อม หรือไม่มีความดีในจิตใจ การเอาตัวรอดของเขาก็พร้อมที่จะสะท้อนมุมมองที่เขามีต่อสังคมแวดล้อมเหมือนกัน

“การที่เข้ามาจับธุรกิจเกี่ยวกับสังคมแบบนี้ ผมมองว่าชีวิตคนเรามันสั้นนะ ตัวผมเองก็มานั่งคิดว่าตัวเองอยากทำสิ่งที่มีคุณค่ากับสังคมเยอะ ๆ ก่อนตาย เรารู้สึกว่าสิ่งที่มันทำประโยชน์ได้จริง ๆ คือการที่ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นกับสังคม ไม่ใช่แค่ตัวเราหรือคนรอบข้างแค่นั้น เรื่องของธุรกิจเราก็ไม่ได้ละทิ้ง แต่เรามองแค่ว่าทำยังไงให้มันอยู่ได้มากกว่า ไม่อย่างนั้นแล้วจะถือว่าเป็นการเติบโตอย่างไม่ยั่งยืน

“ความดีสำหรับผม หมายถึงการทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อคนอื่น ๆ สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข รวมถึงไม่เดือดร้อนตัวเราเองด้วย ตัวผมเองและ Toolmorrow พยายามทำสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจง่าย ๆ ที่สามารถส่งต่อให้กับคนหมู่มากเข้าถึงได้ และเราคิดว่าสิ่ง ๆ นั้น ควรจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้ามันทำได้ถึงขนาดนั้นมันจะมีประโยชน์มาก ๆ ซึ่งถ้าสิ่งที่พวกเราทำนั้นส่งผลกระทบหรือให้ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นต่อตัวเขาได้ มันก็ทำให้เรารู้สึกประสบความสำเร็จในงานของเราแล้วครับ อย่างเช่นจากคลิปคุณครูที่เราทำขึ้น ครูหลายท่านที่มีชื่อเสียงก็ได้นำคลิปของเราไปใช้สอน รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ที่ได้รับอะไรบางอย่างจากพวกเรา เท่านั้นเราก็ดีใจแล้วครับ เราสามารถเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ส่งต่อเรื่องราวเหล่านั้นไปยังคนอื่น ๆ อีกมากมายได้ นี่แหละครับมันสำเร็จแล้ว

“ผมมองว่าการทำความดีมันคือการส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น ทุกคนสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ในทุกวัน ความดีไม่ต้องเสียอะไรครับ มีแต่ได้ด้วยซ้ำ แรงบันดาลใจของผมก็มาจากครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ วิธีคิด มุมมองต่าง ๆ ทั้งหลาย สะท้อนไปถึงครอบครัวผมโดยตรง นอกจากครอบครัวแล้วอีกบุคคลที่เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจของผมก็คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชการที่ 9 ของปวงชนชาวไทย เราคนไทยได้เห็นสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนอยู่เสมอ พอหันหลับมามองสิ่งที่เราทำ มันอาจจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของสิ่งที่พระองค์ทำ นั่นแหละคือการที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กับคนไทยทุกคน ในการทำความดีครับ

“ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ผมมองว่ามันเป็นภาพสะท้อนของการที่คนเหล่านั้นทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จมากกว่า เลยเกิดเป็นข้ออ้างขึ้นมา ซึ่งถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและตั้งมั่นได้ว่าเราจะดำเนินไปในทิศทางไหน มุมมองหรือวิธีคิดแบบนี้มันจะไม่เกิด คนเหล่านั้นอาจจะรู้สึกท้อ แต่สำหรับผมมองว่าการทำความดีทุกสิ่งอย่างมันมีปัญหาทั้งนั้นแหละครับ เพียงแต่ว่าคุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณทำนั้น ทำเพื่ออะไร ทางที่คุณกำลังเดิน มันใช่ทางที่เราควรจะเดินหรือเปล่า ถ้าเราตั้งมั่นแล้วเสียงรอบข้างก็ไม่ต้องไปสนใจ ขอให้ยึดมั่นว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันดี และสามารถส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น สักวันผลมันจะแสดงออกมาให้เห็นเองครับ”

รอยทำแห่งความดี