ร้อยเอก สมจิตร จงจอหอ

ร้อยเอก สมจิตร จงจอหอ

เขาคือฮีโร่เหรียญทองมวยสามกลสมัครเล่น โอลิมปิก ที่ปักกิ่งปี 2008 จากสโลแกนการให้สัมภาษณ์ติดหู “ผมผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ” กลายเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนลุกขึ้นมาสู้ชีวิต หลังจากเลิกชกมวยเขารับราชการสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย และเบนเข็มชีวิตเข้ามาสู่วงการบันเทิง แม้จะทำหลายอย่าง แต่สิ่งที่เขาไม่เคยลืม คือการทำประโยชน์เพื่อสังคม

“ผมมีโอกาสไปสอนมวยที่ซอยพิพัฒน์ (ถ.สีลม) เป็นชุมชนที่ยกฐานะมาจากสลัมตั้งอยู่กลางเขตเมืองที่เจริญ เด็กในนั้นขาดโอกาสที่จะแสดงออก ผมก็ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งให้น้อง ๆ ได้เรียนวิชามวยไทย เพราะมวยเป็นมรดกของชาติที่แม้ฝรั่งยังข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนรู้ แน่นอนว่าเยาวชนที่ผมไปสอนเขาก็มีความตั้งใจและดีใจที่ผมเข้าไปหาพวกเขา “นอกจากนี้ผมได้ซื้ออุปกรณ์กีฬามาให้โรงเรียนเกือบทั่วประเทศไทย แต่ที่ประทับใจคือไปเจอโรงเรียนที่ไม่มีอุปกรณ์กีฬาเลย แล้วพอเอาอุปกรณ์กีฬาไปให้ เด็ก ๆ ก็ดีใจมาก พวกเขาก็เล่นกีฬากันอย่างมีความสุข ซึ่งเราเป็นกระบอกเสียงเล็ก ๆ ที่ทำให้พวกเขามีรอยยิ้ม อีกอย่างหนึ่งยาเสพติดในประเทศไทยมีเยอะทุกจุด เราจึงต้องเอากีฬาไปสู้กับยาเสพติด

“ที่เล่ามาข้างต้นคือตัวอย่างของการทำความดีเล็กน้อยเท่านั้น ผมเชื่อว่าอะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่นนี่คือสิ่งที่ดี หรืออย่างง่ายที่สุดแค่รักษากติกาในสังคมแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนั่นแหละคือการทำดี อย่างผมเคยเป็นนักมวยก็ตั้งใจฝึกซ้อมพัฒนาอย่างต่อเนื่องนำชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติ ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองสังคมจะสงบสุขมากเลย

“ผมเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะมีบุคคลที่เป็นแบบอย่างนั่นก็คือพ่อแม่นี่แหละครับ ผมได้รับคำสอนจากท่านสองคนเสมอ ท่านสอนแต่สิ่งดีทั้งนั้น ไม่มีพ่อแม่คนไหนสอนให้ลูกเลว อยู่ที่ว่าเราคิดแล้วทำรึเปล่า ผมยืนอยู่ในสังคมได้ทุกวันนี้เพราะผมทำตามที่พ่อแม่บอก เพราะทำดีแล้วก็ได้ผลจริง ๆ พอเราโตมีครอบครัว เราก็สอนลูกต่อเหมือนกับพ่อแม่สอนเรา

“บางคนแม้จะทำดีแล้วก็ยังไม่ได้ดี แต่พอไปเห็นคนทำชั่วได้ดีแล้วก็ถอดใจ ผมคิดว่าคนทำชั่วแล้วได้ดีก็เพราะเวรกรรมยังไม่ปรากฏ ถ้าเราทำดีไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งมันต้องได้ดี ผมเชื่อว่าคนทำชั่วแล้วได้ดีไม่มี เพราะมันไม่มีความสุข แต่ถ้าทำความดีแล้วได้ความสุขแค่นี้ก็คุ้มแล้ว เพราะทุกนาทีตั้งแต่เราทำความดี มันก็เป็นความสุขที่ติดตัวมาตลอด

“โลกทุกวันนี้มีทั้งขาวและดำ การทำความดีแล้วสร้างภาพมีมากมาย แต่ถ้าใครคิดว่าเราทำความดีเพื่อสร้างภาพ คุณก็ทำไปเถอะ แต่การทำดีของคุณต้องมาจากเบื้องลึกให้กับสังคมจริง ๆ ทำดีคือต้องคิดว่าจะให้ประโยชน์กับสังคมได้แค่ไหน ถ้าได้ประโยชน์ทำไปเลย ถ้าทำแล้วได้ประโยชน์แค่ตัวเราอันนี้คือสร้างภาพ ไม่ดี แต่ถ้าสร้างภาพแล้วสังคมได้รับประโยชน์ทำไปเถอะครับ “ถ้าพูดถึงความดีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผมพูดไม่ออกเพราะเป็นเรื่องราวความปลาบปลื้มที่เต็มอยู่ข้างใน บอกได้เพียงว่าถ้าเรานำเอาหลักคำสอนของพระองค์มาปรับใช้กับตัวเราเอง รับรองว่าคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขที่สุดในโลก ซึ่งงานที่พระองค์ได้ทำ
ให้กับประชาชนชาวไทยนั้น พระองค์ไม่เคยตรัสว่าเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย

“สิ่งที่ผมได้ยึดเหนี่ยวตามคำสอนของพระองค์อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของความพอเพียง ถึงแม้ว่าฐานะยากจนเราก็สามารถพอเพียงได้ครับ ความพอเพียงนี้รวมถึงการกินอยู่ การใช้ชีวิตทุกอย่าง มันคือความจริงของโลกใบนี้ ถ้าทุกคนพอเพียงในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข นั่นก็คือความสุขที่แท้จริง คนที่มีเงินทองมากมายมันเป็นความสุขภายนอกอีกแบบหนึ่ง ใจเขาอาจไม่มีความสุขก็ได้ แต่ถ้าทุกคนมีความพอเพียงในเรื่องของการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ สังคมจะน่าอยู่มาก

“เหมือนกับเรื่องของการปิดทองหลังพระที่พระองค์สอน ผมคิดว่าเราปิดทองหลังพระไปเถอะครับผมเชื่อว่าวันหนึ่งสิ่งดีมันจะมา ถึงมาช้าก็ไม่เป็นไร แต่มาแน่นอน การทำความดีสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือความสุขใจ จงอย่าท้อแท้ในการความทำดีครับ”

รอยทำแห่งความดี