มีคำพูดหนึ่งที่บอกถึงคอนเซ็ปต์ รอยทำแห่งความดี ของเล่มนี้ได้อย่างดีมากจากคำสัมภาษณ์ของผู้หญิงแกร่ง ที่ชื่อ แวนด้า สหวงษ์ เธอได้กล่าวไว้ว่า คนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต ทำความดีมาตลอดโดยไม่เคยบอกใคร ไม่เคยป่าวประกาศ จนวันที่เขาจากไป สิ่งที่เขาทำไว้นั้นมีคนพูดถึงเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น จนคนทั้งประเทศทราบ มันเหมือนเป็นร่องรอยแห่งความดี ที่เมื่อถึงเวลามันก็จะชัดเจนขึ้น และถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งเธอและมะลิจะดำเนินรอยตาม

“ความดีสำหรับโบว์คือการไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ทำให้ใครเสียใจ ยึดมั่นในสิ่งที่เราทำและทำทุกอย่างด้วยหน้าที่ที่สุจริต ความดีทำได้ทุกวันค่ะ ทำได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าเราจะเจอกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์อะไรบางอย่าง เช่น เราเดินออกไปหน้าบ้านเจอขยะ ก็สามารถเก็บนำมาลงถัง สำหรับโบว์ถือว่าเป็นการทำความดีแล้ว หรือบางครั้งหากเห็นคนแก่หรือคุณยายเดินข้ามถนน แค่เราเสียสละเวลาพาคุณยายข้ามถนน ก็ถือว่าได้ทำความดี ความดีเราสามารถทำได้เยอะมากเลยค่ะ พอเราทำแล้วสิ่งหนึ่งที่เราจะรู้สึกคือ วันนี้เราได้ทำความดีแล้วนะ แค่นี้ก็มีความสุขในชีวิตแล้วค่ะ

“โบว์จะเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลัง แต่สิ่งหนึ่งที่โบว์ทำอย่างสม่ำเสมอคือการแบ่งปัน โบว์จะมีสิ่งของอยู่บนรถตลอด เช่น ตุ๊กตา กระเป๋า สมุด ดินสอ เวลาที่เราเดินทางไปตรงนั้นตรงนี้แล้วเห็นเด็กที่ไม่มีโอกาส เราก็จะแบ่งปัน คำสอนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 มีอยู่คำหนึ่ง ท่านเคยตรัสไว้ว่า เมื่อเราได้รับมาแล้ว เราต้องแบ่งปันให้คนอื่นด้วย

“คนที่เป็นแบบอย่างให้โบว์คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ค่ะ สิ่งที่โบว์ประทับใจคือการเป็นตัวอย่างที่ดีในหลายด้านของชีวิต ทั้งเรื่องการทำงาน เวลาท่านจะทำอะไรสิ่งหนึ่ง ท่านจะทุ่มเท ศึกษา และลงมือปฏิบัติเอง อย่างเวลาท่านเดินทางไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั่วประเทศ ท่านก็จะมีแผนที่ แสดงให้เห็นว่าท่านได้ศึกษามาเป็นอย่างดีและมีระเบียบแบบแผน หรือแม้กระทั่งด้านการแข่งขันกีฬา ตอนที่ท่านทรงกีฬาเรือใบ ท่านก็ทรงต่อเรือเอง ลงมือทำทุกขั้นตอนและนำเรือไปแข่งขันจนกระทั่งประสบความสำเร็จ ถือเป็นภาพที่โบว์ประทับใจมากค่ะ

“บางคนอาจคิดว่า ทำดีมันยากเหลือเกิน ทำดีแล้วไม่ได้ดีบ้าง แต่โบว์ไม่อยากให้คิดอย่างนั้นนะคะอยากให้ทุกคนมาร่วมทำความดี ตามที่พ่อของเราเคยสอนมา สิ่งที่ตามมามันไม่ใช่แค่ตัวเราและคนรอบข้าง แต่มันส่งผลต่อประเทศชาติด้วย ตัวเราเองก็ยังยึดมั่นกับการทำความดีนะคะ โบว์เชื่อว่า ถ้าเราทำชั่วมันจะมีผลแห่งกรรมที่จะกลับมา สิ่งหนึ่งที่โบว์ประสบกับตนเองคือ คนที่โบว์รักมากที่สุดในชีวิต เขาทำความดีมาตลอดแต่ไม่มีใครรู้ แต่ในวันที่เขาจากไป สิ่งที่เขาทำไว้ เวลามีคนพูดถึงเขา แต่ละคนก็พูดถึงความดีของเขาขึ้นมา จนทำให้คนทั้งประเทศทราบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก แม้วันที่เราหมดลมหายใจไปแล้ว ก็ยังมีคนพูดถึง ถือเป็นแรงบันดาลใจให้โบว์ทำตามรอยเค้าด้วย ไม่ต้องไปสนใจหากใครมองว่าเราทำดีเพื่อสร้างภาพ หากเรามัวแต่มองคนจำนวนน้อยที่คิดไม่ดี ก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว จงยึดมั่นในตัวเองดีกว่า ถ้ามันมาจากใจเราจริง ๆ “ในความเป็นแม่ของโบว์ และความเป็นพ่อของปอ (ทฤษฎี สหวงษ์) วิธีการสอนน้องมะลิ ก็จะเน้นในเรื่องของความดีค่ะ ไม่เบียดเบียนคนอื่น วันหนึ่งที่เราไม่อยู่ เขาก็ต้องอยู่ให้ได้ และอยู่อย่างไร ให้เป็นคนดีของสังคม สิ่งที่โบว์กับปอย้ำก็มีอยู่สองอย่างค่ะ คือ ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานสุจริตและตั้งมั่นอยู่ ในความดีการทำดีเริ่มต้นได้จากอะไรที่ง่าย ๆ อย่างการตื่นขึ้นมายิ้มสดใส ต่อสู้ชีวิตกันไป และมีน้ำใจซึ่งกันและกันถือว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่จะพาประเทศของเราเดินร่วมกันไปได้อย่างสงบ โบว์อยากให้ทุกคนรักษาความดีไว้ เราไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โต เหมือนเราเอาเงินฝากธนาคาร มันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นความดีก็เช่นกันมันจะพอกพูนขึ้นขนาดไหน อย่าเกิดมาบนโลกนี้แล้วตายไปแล้วตายเลย ยิ่งคุณทำความดีมากแค่ไหน วันหนึ่งที่เราสิ้นลมไป ก็จะมีคนพูดถึงความดี ลูกหลานคนใกล้ตัวของคุณนี่แหละที่เขาจะภูมิใจ”