ชลธี ธารทอง

ชลธี ธารทอง

บรมครูเพลงผู้เป็นเสาหลักของวงการเพลงลูกทุ่ง “ชลธี ธารทอง” นามแห่งสายน้ำต้นธารเพลงลูกทุ่ง ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง) พ.ศ.2542 กว่า 5 ทศวรรษที่ท่านฝากผลงานจนลือเลื่อง ดังเช่นเพลง พอหรือยัง, ลูกสาวผู้การ, ไอ้หนุ่มตังเก, พบรักปากน้ำโพ, เทพธิดาผ้าซิ่น, ล้นเกล้าเผ่าไทย ฯลฯ

นามเดิมของท่านคือ สมนึก ทองมา หากแต่ชีวิตผกผันยิ่งกว่าละคร และหนทางมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันใด บทชีวิตของท่านก็เป็นฉันนั้น จากนักร้องบ้านนอกกลายเป็นนักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดังระดับตำนานของประเทศ ที่มีผลงานเป็นที่รู้จัก โด่งดังและคุ้นหูคนไทย กว่า 5,000 เพลง และได้สร้างนักร้องชื่อดังหลายคนประดับวงการลูกทุ่งไทย ศิษย์เอกของท่านมีมากมาย อาทิ สายัณห์ สัญญา, เสรีย์ รุ่งสว่าง, ยอดรัก สลักใจ ฯลฯ

“ตอนเด็กผมไม่มีบ้านอยู่หรอก ไปอาศัยชายคาบ้านเขาต่อเพิงอาศัย แล้วก็ต้องย้ายไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีที่มีทางเป็นของตัวเอง แม่ของผมเสียตอนผมอายุ 6 เดือน พ่อก็มีภรรยาใหม่ ต้องเร่ร่อนไปอยู่กับญาติพี่น้องตั้งแต่ยังเด็ก กินข้าวบ้านนู้นบ้าง นอนบ้านนี้บ้าง สมัยก่อนเข้าโรงเรียนง่าย ผมเรียนที่โรงเรียนสำนักกะตอง มีเพิงเหมือนกับเพิงควาย แล้วก็ใช้ไม้ไผ่พาด มีกระดานชนวน ผมไม่มีเสื้อผ้านุ่งไปโรงเรียน นุ่งผ้าถุงไป ข้าวกลางวันไม่เคยได้กิน เพราะไม่มีอะไรห่อไป อาศัยกินกับพรรคพวกที่เขาห่อมาเผื่อ บางทีก็เข้าป่าอ้อยกินอ้อยในป่าอ้อย 

“จนกระทั่งชีวิตมาถึงช่วงหนึ่ง คุณยายรู้ข่าวว่าหลานตกทุกข์ได้ยากก็มารับไปอยู่ด้วย ชีวิตก็เปลี่ยนผัน จากเด็กที่แย่มาก ๆ ตอนนั้น พอมาอยู่บ้านผู้มีอันจะกิน ยายเป็นคนมีฐานะ ย้ายโรงเรียนสามรอบ จนจบประถมศึกษาปีที่สี่ที่วัดโคกขี้หนอนแล้วไปต่อมัธยมศึกษาที่โรงเรียนประชาสงเคราะห์หัวไผ่ จังหวัดชลบุรี จบมาไม่มีเส้นสายก็ไปรับจ้างตัดอ้อยต่อผมก็รวมเงินที่รับจ้างตัดอ้อยได้ไปตายเอาดาบหน้า ผมก็ทิ้งจังหวัดชลบุรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสี่ยงชีวิตเข้ากรุงเทพฯ มาแบกท่อประปาอยู่สามเสน 2-3 ปี อาศัยบ้านคนรู้จักกันอยู่ จากนั้นก็ไปอาศัยน้าอยู่ที่ราชบุรี น้าเป็นน้องแม่จริง ๆ ไปตัดไม้เผาถ่านอยู่หลายปี ตอนเป็นเด็กผมเป็นคนไม่ค่อยทุกข์ร้อนเหนื่อยยากอย่างไรก็ธรรมดามากไม่วิตกกังวลอะไร 

“ชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก หัดร้องเพลงของ ชัยชนะ บุญโชติ ตอนไปอยู่ราชบุรีได้ 4-5 ปี วันหนึ่งวงดนตรีรวมดาวกระจายของครูสำเนียง ม่วงทอง ได้มาเล่นที่ราชบุรีและเขารับสมัครนักร้อง ผมก็ขอเงินน้าเพื่อไปสมัคร น้าก็ขายถั่วลิสงได้สองถัง ถังละ 20 กว่าบาท ให้ผมไปสมัครนักร้อง ต้องประกวดร้องเพลง เผอิญผมได้ที่ 1 ก็ดีใจว่าจะได้เป็นนักร้อง ชีวิตจะได้เลิกเหนื่อยสักที ผมก็ไปอยู่กับครูสำเนียง แทนที่จะได้ร้องเพลง ได้ขนแต่สัมภาระ ผมเป็นคนร่างใหญ่เลยได้เป็นคนเก็บตั๋วเวลามีงานแสดงด้วย ทำอย่างนั้นอยู่ 3 ปี ก็ยังไม่ได้ร้องเพลง มาวันหนึ่งไปเดินสายที่ปากช่อง คนที่ร้องคิวที่สามดันไปกินส้มตำแล้วท้องเสีย ครูเลยเอาผมไปร้องแทนปรากฏว่าคนดูชอบ จากนั้นเขาก็เอาผมไปอยู่คิวที่สาม แล้วให้หมอนั่นมาเก็บตั๋วแทนผม ผมก็เป็นนักร้องตั้งแต่วันนั้นมา ได้ค่าตัว 35 บาท ชอบดูครูแต่งเพลง อาศัยว่าผมมีพื้นฐานความรู้ภาษาไทยตอนอยู่โรงเรียน แล้วภาษาไทยเราแข็งแรง ผมเป็นคนชอบวิชาภาษาไทย เวลาไปเที่ยวทัศนศึกษา จะไปนั่งดูต้นไม้ ใบไม้ร่วง ผีเสื้อบิน แล้วเขียนนิราศไปให้ครูอ่านที่โรงเรียน ครูที่สอนภาษาไทยผม ท่านบอกหมอนี้โตไปต้องเป็นนักเขียน ท่านทายชีวิตผม แต่ตอนนั้นผมจะเป็นนักเขียนได้ยังไง ชีวิตผมยังไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นจริงอย่างครูว่า” 

ลูกสาวผู้การ...จุดเปลี่ยนชีวิต 

“ผมอยู่กับครูสำเนียงมา 6 ปี สุดท้ายก็ต้องออกพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน วันที่ออกเย็นนั้นผมก็ต้องไปนั่งดูเขาร้องกันหน้าเวที ทีนี้มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งคาดว่าทำงานบาร์ เขามาดูรอบบ่ายจากนั้นก็มาดูรอบหัวค่ำอีก แล้วเขาก็ชวนไปนอนด้วย พวกผู้หญิงก็หิ้วเราไปทั้งสามคน พอเช้ามาเขาก็เลี้ยงกาแฟ เราก็ลาเขากลับกรุงเทพฯ เขาก็ให้เงินผมมา 50 บาทเป็นค่ารถกลับกรุงเทพฯ เช้าขึ้นมาก็นั่งเป็นทุกข์กันสามคน ว่าวันนี้จะไปไหนดี ไม่มีที่ไป นั่งจับเข่ากินของเก่า ไปหาเพื่อนคนนั้นคนนี้บ้าง บางทีพรรคพวกก็ให้ไปช่วยร้องเพลงให้มา 10-20 บาท พอใช้ชีวิตไปวัน ๆ 

“อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาตั้งวงดนตรีให้ชื่อพี่สุรพล ตั้งวงชื่อคณะสุรพัฒน์ ให้ผมเป็นหัวหน้าวง ทำได้อยู่ปีเดียววงดนตรีก็ล่ม ชีวิตพลิกผันผมก็เลยอำลาวงการ ประกาศลาวงการเลิกเป็นศิลปินเพราะว่าอยู่ก็อดตาย กลับไปอยู่บ้านนอกดีกว่า ไปอยู่บ้านพ่อตา ตอนนั้นมีแฟนแล้วอยู่ที่แก่งเสือเต้น จ.กาญจนบุรี ก่อนจะกลับบังเอิญนักร้องดังศรคีรี ศรีประจวบ เขาก็มาขอให้ผมแต่งเพลงให้เขา 10 เพลงเพราะก่อนหน้านี้เขาเอาเพลงผมไปร้องเพลงหนึ่งชื่อเพลง พอหรือยัง แล้วเพลงเกิดดัง ต่อมาเขาบอกพี่แต่งเพลงดีแต่งให้ผมหน่อย 10 เพลง ผมก็เออดีนะคนดังมาร้องเพลงของเรา ผมก็แต่งไว้ได้ถึง 6 เพลง ใจก็อยากจะทำให้ครบ10 เพลง ระหว่างที่นั่งคิดอยู่บ้านเช่า เปิดวิทยุฟัง ปรากฏว่าข่าววิทยุประกาศว่าศรคีรี ศรีประจวบ นักร้องคนดังถูกรถชนตายเมื่อตอนตี 2 ที่ผ่านมา เอ้า...แล้วเพลงเราจะแต่งไว้ให้ใคร หมดหวังครับ ชีวิตเป็นอย่างนี้กลับบ้านนอกดีกว่า 

“อยู่มาวันหนึ่งผมไปธุระแถวบุคคโล (ท่าพระ) แวะปั๊มเข้าห้องน้ำ แล้วผมเดินผ่านเด็กล้างรถ แล้วก็ได้ยินเขาร้องเพลงพอหรือยัง ผมก็สะดุดหูว่าเด็กคนนี้เสียงดี พอร้องจบผมก็เข้าไปหา บอกเฮ้ยไอ้หนูเอ็งเสียงดีนี่ อยากอัดแผ่นเสียงไหม เอ็งมีนายทุนไหม เขาก็พาผมไปหาเจ้าของปั้ม ผมก็บอกซ้อเด็กคนนี้เสียงเป็นเงินเป็นทองนะ เขาก็บอกถ้าอาจารย์มีเพลงก็ให้มันร้องดูสิ ผมก็ให้เพลงเขาไปสองเพลง ให้เขาโดยไม่คิดเงินเลยนะ หนึ่งในนั้นคือเพลง ลูกสาวผู้การ ให้เสร็จแล้วก็ไปอยู่บ้านนอก ผ่านไปพักใหญ่ ผมเปิดวิทยุไปไหนก็เจอเพลงนี้แทบทุกคลื่น นี่เพลงเรานี่หรือไอ้หนุ่มคนนั้นมันจะดังแล้ว แล้วก็ดังจริง ๆ ครับ นักร้องคนนี้ต่อมากลายเป็นขวัญใจมหาชน เป้า สายัณห์ สัญญา นั่นเอง”

ก่อกำเนิด...เทวดาเพลง

“วันหนึ่ง มนต์ เมืองเหนือ คนที่ปั้นสายัณห์ ก็มาหาผมเขาเรียกผมพ่อ ถามว่ามาอยู่ทำไมที่บ้านนอก บอกคนเขาตามหาผมกันให้ควั่ก เขาอยากได้เพลงกัน ชวนให้กลับไปแต่งเพลง เราก็บอกไม่ไปแล้ว เข็ดแล้วอยู่โน่นข้าวก็ไม่มีกิน อยู่นี่ถึงจะเหนื่อยก็ได้กินข้าวสามเวลา เขาบอกไปเที่ยวนี้ไม่อดตายแน่นอน เขาก็บอกเอาอย่างนี้พ่อถ้าพ่อไม่ไปพ่อเอานี่ไว้ เขาก็ยัดเงินให้ผมไว้ 5 พันบาท ถ้ามีอารมณ์เมื่อไหร่แต่งเพลงด้วยนะ ให้เวลาสองเดือนแล้วเขาจะมาเอา ผมแต่งได้ 10 เพลง ก็เอาเพลงเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ จำได้แม่นเพราะวันนั้นคือ 14 ตุลา 16 ที่เขาประท้วงกัน ผ่านไปช่วงที่เขายิงกันสนามหลวงพอดี 

“ผมเอาเพลงไปให้มนต์ 10 เพลง เขาก็ให้เงินผมมาอีกห้าพันบาท มีเพลง กินอะไรถึงสวย, นักเรียนคน, จำปาลืมต้น ฯลฯ จากนั้นมาพอกลับไปบ้านก็ทะเลาะกับแม่ยาย ตอนนั้นเมียผมท้อง 8 เดือนแล้ว ผมจำเป็นต้องทิ้งเขาเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมาสู้ใหม่ พอเข้ามากรุงเทพฯ ผมก็แวะไปสถานีวิทยุที่สนิทกัน ดีเจเขาก็ประกาศว่าคนที่แต่งเพลงลูกสาวผู้การจนดังระเบิดมาอยู่ที่นี่แล้ว ชื่อชลธี ธารทอง ใครอยากได้เพลงให้มาติดต่อที่นี่ เขาประกาศให้อย่างดีเลยรุ่งขึ้นมีแต่คนมาหามาให้ผมแต่งเพลงให้ เดือนนั้นผมทำเงินได้ 4 หมื่นบาท ชีวิตผกผันอย่างแรง

“สมัยก่อนกว่าจะเห็นเงินหมื่นยากมาก แต่ผมทำได้เดือนเดียว 4 หมื่นบาท อนาคตชีวิตเราไม่ตายแล้ว แล้วคนก็สั่งเพลงคิวยาวเป็นกิโลฯเลย ไม่มีโอกาสได้หยุดเลย เชื่อไหมกลางคืนผมแต่งเพลง กลางวันเข้าห้องอัด ทำอยู่อย่างนี้จนกระทั่งปวดหัวไปซีกหนึ่ง เพราะว่าใช้สมองมากเกินไปผมไปโรงพยาบาล หมอบอกนายต้องนอนหัวค่ำ ต้องนอนให้พอแล้วนายต้องเลิกสูบบุหรี่ เลิกกินเหล้า ผมทำตามหมอบอกไม่กี่วันหายเลยเพราะเราหนุ่มแน่น ยังแข็งแรง ทีนี้เพลงออกเป็นไฟเลย ส่งให้ใครดังหมด จนกระทั่ง ยิ่งยง สะเด็ดยาด คอลัมนิสต์ชื่อดังในนสพ.ไทยรัฐ ให้ฉายาผมว่าเทวดาเพลง

“ชื่อชลธี ธารทอง ครูสำเนียง ม่วงทอง เป็นคนตั้งให้ตั้งแต่ตอนที่ผมไปเป็นลูกศิษย์ท่าน แล้วเชื่อไหมเวลานี้ไม่มีที่ไหนไม่รู้จักชื่อชลธี ผมก็งงกับชีวิตผมเหมือนกัน จากเด็กที่ต้นทุนชีวิตต่ำกว่าศูนย์ กลายมาเป็นศิลปินแห่งชาติ คือขึ้นสูงสุดของการเป็นศิลปิน แล้วผมโชคดีกว่านักแต่งเพลงท่านอื่น ๆ เพราะว่าเวลานี้ทุกอย่างผมยังพร้อม สมองผมยังทำงานได้อยู่ ยังแต่งเพลงได้อยู่ ผมแต่งเพลงมาทั้งหมด 5 พันกว่าเพลง”

ทุกสำนวนเพลง...ล้วนมีที่มา

“ผมไม่เคยอยู่สุขเลย ผมอ่านหนังสือพิมพ์วันละ 10 ฉบับ ผมอ่านมาก และอ่านหนังสือทุกชนิด หนังสืออะไรที่ผ่านหน้าอ่านหมด แม้แต่ที่ห่อของผมก็อ่าน เพราะว่าตำราของเรามันอยู่ริมทาง ปริญญาชีวิตผมมันอยู่ข้างถนน ผมถึงบอกว่าจะเป็นคนดัง เป็นคนมีชื่อเสียงไม่เห็นต้องไปเรียนปริญญาในมหาวิทยาลัยเลย ผมไม่ได้จบปริญญา ผมจบแค่มัธยมฯหก แต่ว่าภาษาไทยผมแข็งแรง คือที่เพิ่มพูนมาเพราะเราเป็นคนอ่านมาก ฟังมาก และหาประสบการณ์ให้มาก  

“วันไหนผมจะเขียนเพลง ผมจะไม่อยู่บ้าน ผมจะขับรถขึ้นเขา ไปทะเล หรือเข้าไปฟังเพลงในผับ ไอ้หนุ่มตังเกผมไปเขียนอยู่ที่บางแสน, เทพธิดาผ้าซิ่น ไปแต่งอยู่ที่ราชบุรี นักแต่งเพลงที่ไม่มีสมุดกับปากกาพกติดตัว มันก็เหมือนนักรบไม่มีทวนไม่มีปืน มันต้องพกตลอด ไม่งั้นจำไม่ได้เดี๋ยวลืม แต่ก่อนผมสูบบุหรี่ เคยแต่งเพลงเขียนบนซองบุหรี่มาแล้ว เพราะหากระดาษไม่ได้ ผมต้องค้นคว้าตลอดไม่งั้นสิ่งใหม่ที่เกิดเราก็จะไม่รู้ 

“มีหลายเพลงที่แต่งจากประสบการณ์ตรง จดหมายจากแม่ ของเสรีย์ รุ่งสว่าง ก็เอาชีวิตช่วงอยู่ในวงรวมดาวกระจายมาแต่ง หรือ พอหรือยัง ที่ศรคีรี ศรีประจวบร้องผมแต่งเพราะอกหัก ชอบสาวในวงรวมดาวกระจาย ผมไปแอบชอบเขา เขาทำดีด้วยหน่อย เราก็คิดว่าเขาชอบ ที่ไหนได้ไปเสร็จนักดนตรีอีกคน ผมเสียใจ ไปซื้อเหล้ามานั่งกินแล้วแต่งเพลงพอหรือยังแต่งจากความรู้สึก นี่แหละตัวผมส่วนเพลงลูกสาวผู้การ เป็นเรื่องจริงที่ตำรวจแถวพรานนกมาเล่าให้ผมฟัง เพราะตรงพรานนกก่อนจะข้ามไปธรรมศาสตร์จะต้องเดินผ่านป้อม เด็กสาวคนนั้นเดินผ่านป้อมตำรวจทุกวันหนุ่มนี่ก็เป็นตำรวจอยู่ที่นั่น ชอบเขาแต่พูดไม่ได้เพราะเธอเป็นลูกเจ้านาย เจอผมก็ให้ช่วยแต่งเพลงให้ ผมก็เลยแต่ง เพลงทุกเพลงล้วนแต่มีที่มาที่ไป 

“พรสวรรค์มีส่วนอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีพรสวรรค์ทำไม่ได้หรอก เรียงถ้อยร้อยความยังไงถึงจะเป็นเพลง เป็นเพลงยังไงคนถึงจะชอบ ต้องคิดต่อไปอีก ขนาดคนที่เขียนกลอนเก่ง ๆ ระดับกวีดัง ๆ ในเมืองไทยยังมาถามผมเลย คือกวีใช้ภาษาลึกไป ให้ใช้ภาษาง่าย ๆ แต่ในความง่ายนั้นให้เขาฟังแล้วประทับใจ ในความง่ายของลูกทุ่งที่ฟังแล้วประทับใจ มันเป็นเรื่องที่หายาก คนต้องมีพรสวรรค์จริง ๆ ถึงจะค้นหาเจอเพลงถ้าขึ้นมาแล้วคำโดนใจดังทุกเพลง” 

เพชรพร้อมเจียระไน    

“ผมยังคิดว่าจะหาปั้นลูกศิษย์มาประดับวงการอีกสักคนคนที่ผมหาต้องเริ่มจากภาษาไทยต้องแข็งแรง แต่ตอนนี้ยังไม่เจอสักคน ในการอบรมต่าง ๆ ผมสอนให้เด็กที่มาฟังอยู่บ่อย ๆ ว่า ภาษาไทย มี 3 กลุ่ม อักษรกลางมีกี่ตัว อักษรต่ำมีกี่ตัว อักษรสูงมีกี่ตัว ไม่มีใครตอบได้เลย คือหนูต้องไปเริ่มใหม่แล้วลูก ภาษาไทยมีพยัญชนะอักษรกลาง 9 สูง 11 ต่ำ 24 เป็น 44 ตัว 

“การจะเป็นนักแต่งเพลงที่ดีได้ หนึ่งคุณต้องแข็งแรงเรื่องภาษาไทย สองคุณต้องมีอุดมการณ์ อุดมการณ์เป็นเรื่องสำคัญนะ จุดยืนของคุณต้องมี ว่าคุณจะทำงานแบบไหนทำงานแบบธุรกิจหนี้สินไม่ต้องมาคุยกับผมเลยนะ เรามันเลือดคนละสายกัน แต่ถ้าทำเพื่อศิลปะ ทำเพื่ออุดมการณ์ ผมจะสอนให้ แต่ติดอยู่นิดเดียวว่าเวลาผมไม่ค่อยมี เพราะว่าคนเรามาถึงจุดนี้แล้วเราต้องอุทิศบางอย่างให้สังคม

“อย่างนักร้องที่อยากปั้น ผมก็ยังค้นหาอยู่ เจอแต่หิน เพชรมันยังไม่เจอ ผมพังภูเขาไม่รู้กี่ลูกแล้ว ไม่เห็นเจอเพชรสักที หายากจริง ๆ อย่างสายัณห์ อย่างยอดรัก หายากเหลือเกินในยุคนี้ แต่ผมว่ามันมี มันอยู่ที่ไหนไม่รู้ บางทีมันก็สวนทางกันคนที่เก่งไม่มีโอกาส คนที่มีโอกาสก็ไม่เก่ง ส่วนใหญ่เสียงไม่ได้เสียงไม่เป็นเงินเป็นทอง มันต้องเป็นเสียงที่ฟังแล้วอยากฟังอีก คือผมฟังคนมาเยอะ หลายหมื่นคนแล้ว ผมรู้ว่าเสียงอย่างไหนถึงจะดัง เสียงอย่างไหนถึงจะเป็นเงินเป็นทอง ที่ฟังเสียงมันเหมือนกันไปหมด มันโทนเดียวกันไปหมด เสียงมันต้องมีเอกลักษณ์ โทนเสียงก็ต้องได้ น้ำหนักเสียง บันไดเสียง มันต้องได้หลาย ๆ อย่าง”

เงินสั่งมา

“ล่าสุดเพลง เงินสั่งมา ที่ผมแต่งและร้องเอง ก็เป็นกระแสเป็นประเด็นขึ้นมาในโลกโซเชี่ยล ตอนแรกว่าจะให้ลูกศิษย์ร้องแต่คิดอีกทีผมไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เลยร้องเองครับ สังคมเดี๋ยวนี้นับว่าจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน เพราะเงินนี่แหละ ที่สังคมวุ่นวายมากขึ้นไม่รู้จบทุกวันนี้ ก็เพราะเงินตัวเดียว เพราะไม่มีคุณธรรม ขาดจริยธรรม ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนฟังเพลงนี้บางคนทำไมถึงขวัญอ่อนกันนัก บางคนฟังแล้วสะดุ้ง ผมกำลังบอกสังคมว่าช่วยกันดูแล บ้านเราเมืองเรากำลังพัฒนาอยู่ กำลังมองหาความปรองดองความสามัคคีอยู่ คุณอย่าเอาเรื่องอื่นมาเป็นตัวตั้ง ผมบอกอย่างนั้นต่างหาก ผมไม่ได้ด่าใคร ผมเพียงแต่บอกเขาว่าอย่าทำเลย 

“บางคนกลัวว่าใครจะมาทำอะไรผม แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรผมหรอก เพราะผมทำความดี ทำแต่ความถูกต้อง ติเตือนให้ทำดีกันแล้วถ้าผมมีอันเป็นไป ผมว่าประเทศนี้อยู่กันยาก มีบางคนส่งข้อความมาถึงผมให้กำลังใจเขาบอกว่าผมภูมิใจมาก อาจารย์กล้าหาญมากที่ทำเพลงนี้ออกมา ผมว่าอาจารย์ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะว่าอาจารย์มีประชาชนอยู่ข้างหลัง พวกเราก็จะช่วยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ ขอบคุณทุกคนและทุกกำลังใจที่เข้าใจผม คนที่ทำให้เดือดร้อนประเทศ เดือดร้อนสังคม ผมยอมไม่ได้ ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม ผมยอมไม่ได้ ผมก็เอามาติเตียนผ่านเพลงนี้ เนื้อหาในเพลงเงินสั่งมานี่หนักหนาหน่อย ถ้าคนจิตไม่ว่างก็ฟังลำบาก ฟังไม่จบเพลง ผมเชื่ออย่างถ้ากระแสขนาดนี้ อะไรก็กั้นไม่อยู่ ก็หมายความว่าสังคมยอมรับ คนส่วนมากยอมรับความจริง เป็นความจริงที่ต้องมาพูด”

ลูกทุ่ง...คือชีวิต

“ลูกทุ่งคือรากเง้า มันเป็นอะไรที่ยั่งยืนมา คู่บ้านคู่เมืองอยู่คู่ชีวิตคนไทยและวิถีชีวิตของคนไทยมาเป็นร้อย ๆ ปี ฉะนั้นใครที่ทำให้เวลานี้เพลงลูกทุ่งบิดเบี้ยวไป เขาคนนั้นยังไม่รู้จักลูกทุ่งดีพอ มีเขียนเพลงบ้า ๆ บอ ๆ ออกมา ภาษาก็ไม่สัมผัส ฉันทลักษณ์ก็ไม่มี ซ้ำยังหยาบคายอีก ดูถูกไม่ให้เกียรติเพศตรงข้าม แต่เพลงลูกทุ่งไทยแท้นี่ให้เกียรติ ผมเขียนเพลงผู้หญิงคนสุดท้าย ผมให้เกียรติผู้หญิงทั้งโลกนี้ คือทำอะไรก็ได้ที่อย่าทำให้สังคมเสียหาย 

“คนที่ทำลายเพลงลูกทุ่งก็คือคนพวกนี้แหละ เอาธุรกิจมาเป็นใหญ่ ผมต่อต้านพวกนี้มาตลอด และผมประกาศไม่ร่วมงานกับบางค่าย เพราะเหตุนี้แหละที่เขามาทำลายเพลงลูกทุ่ง หวังแต่ผลประโยชน์ ไม่นึกถึงผลเสียของส่วนรวมผมไม่เห็นด้วย ผมไม่ชอบ และผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะสู้กับพวกนี้ เพื่อให้พวกนี้ได้สำนึกว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่าลืมว่าคนไทยมีประมาณ 70 ล้านคน กว่า 80% เสพเพลงลูกทุ่ง 

“คุณจะเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ได้ คุณจะเป็นคนที่สังคมยกย่องได้ คุณต้องมีคุณธรรมจริยธรรม คุณต้องมีอุดมการณ์มีหลายคนให้ผมมาแต่งเพลง ผมไล่ตะเพิดไปเลย ผมพูดแรงผมไม่กลัวโกรธ ก็ไม่เห็นผมจน ผมยังอยู่สบาย ไม่ต้องง้อธุรกิจพาณิชย์พวกนี้

“ในอนาคตเพลงลูกทุ่งแท้ ๆ ถ้าหมดยุคผมแล้วผมว่าเหนื่อยนะ เพราะว่ามันจะเปลี่ยนโฉม เพลงจะเปลี่ยนทิศทางหมดเลย ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว ถ้าไม่มีผมถ่วงอยู่อีกคนคงหมดแล้ว เหลือผมคนเดียวที่เป็นเสาหลักในตอนนี้ ลูกทุ่งแท้ ๆ อาจจะค่อย ๆ หมดไปเหลือแต่เพียงประวัติศาสตร์ เหลือแต่ความทรงจำ ต่อไปอีกสองสามชั่วคนก็ไม่มีใครรู้จักเพลงลูกทุ่ง เพราะไม่มีใครสืบสาน น่าเป็นห่วงจริง ๆ กระทรวงวัฒนธรรมเขาพยายามทำ ปีที่แล้วเขาก็จัดงานให้ผม แล้วลูกศิษย์ผมมาทั้งประเทศเลย เป็นรายการสืบสานเพลงลูกทุ่ง ชื่อรายการว่าตำนานแห่งสายน้ำ

“สุดท้ายคำว่าศิลปะของผมก็คืออุดมการณ์ คนที่ทำงานอย่างนี้ต้องมีอุดมการณ์ ต้องมีความเป็นตัวของตัวเองอย่าให้ใครมาสั่งงานได้ ให้เคารพความเป็นตัวเอง เพราะว่ากวีหรือศิลปินที่ทำงานศิลปะต้องมั่นคงในความเป็นตัวของตัวเอง”  

The Master of Thai Luktung เทวดาเพลง