Bleecker Street
ถ้าป้าของเด็กชาย จอห์น เลนนอน ไม่ดุเขาและตีกรอบว่า หนูน้อยจะสามารถเล่นกีตาร์ได้แค่ริมระเบียงเท่านั้น บางทีบ้านของเขา Mendips ก็อาจไม่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผมให้ต้องไปดูสักครั้ง
เวลาไปบ้านจอห์นที่ลิเวอร์พูล ผมมักคิดถึงเพลง Penny Lane ที่ พอล แม็คคาร์ทนีย์ ต้องเคยมารอจอห์นในวัยเยาว์ตรงหัวมุมถนน และทำให้เด็กสองคนเห็นชีวิตของช่างทำผมที่ชอบถือไฟแช็ก นายธนาคารที่ชอบนั่งมอเตอร์ไซด์ และพนักงานดับเพลิงที่ชอบล้างรถจนสวย ตอนนี้สถานที่ต่าง ๆ กำลังเกิดขึ้นเพื่อเป็นไลฟ์สไตล์เก๋ ๆ น่ารัก ๆ เหมือนที่ดาวน์ทาวน์ของเบอร์ลิน ที่กลายเป็นฮิปซิตี้ และฟลอเรนซ์ซึ่งเป็นตลาดของเก่า
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอเมริกาที่ใครบางคนมักถากถาง จะไม่มีสีสันมาแต้มทากับเรื่องแบบนี้ เราไม่ได้หมายถึงย่าน Fifth Avenue และ SoHo ที่กลายมาเป็นวรรณกรรมหลายเล่มแล้ว แต่กำลังหมายถึงสถานที่กำลังอินเทรนด์และยังไม่ช้ำ ที่แน่ ๆ ไม่ใช่อารมณ์ Tourist Place แบบทัวร์ไปจนช้ำ แหล่งที่ว่านี้ก็คือย่าน Bleecker Street
Fifth Avenue อาจเป็นแหล่ง Shopping ยอดนิยมของ New York ก็จริง แต่สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชนที่เดินขวักไขว่ในย่านดังกล่าวนั้น การมาเดินด้อม ๆ มอง ๆ สำรวจร้านรวงเล็ก ๆ บน Bleecker Street ในย่าน Greenwich Village ดูจะน่าตื่นเต้นมากกว่า ตัว Bleecker Street ที่ว่านี้ มีความยาว 1.14 ไมล์โดยประมาณ (ยาวกว่า Portobello ที่ยาว 940 เมตร) โดยตั้งต้นจาก Abingdon Square ใน West Village มาจนถึง The Bowery
เมื่อได้ลองไปเดินดู เราจะพบว่าเสน่ห์ของ Bleecker Street ก็คือ พื้นที่และอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละ Block จะมีความแตกต่างกัน เหมือนหญิงหลายอารมณ์ ทั้งเด็กสาวแรกแย้ม และผู้หญิงที่มีโลกส่วนตัว น่าค้นหา มันทำให้เราสามารถหาซื้อของ “ได้ทุกอย่าง” ตั้งแต่ของอย่างเสื้อผ้าแบบ Bohemian ไปจนถึงของชนชั้นกลางทั่ว ๆ ไป ที่ Bleecker Street จะเป็นย่านอยู่อาศัยที่บรรยากาศคล้ายที่อังกฤษ
กล่าวคือ มีร้านเล็ก ๆ แต่เป็นพวก Brand มาเปิด และกลืนไปกับชุมชนแถวนั้นได้อย่างลงตัว ร้านเก่าแก่ที่โด่งดังของย่านนี้คือร้าน Cupcake ชื่อ Magnolia (ที่เคยเห็นใน Sex and the City) และถ้าจำไม่ผิด ยังเป็น Location ของบ้าน Carrie Bradshaw ด้วย แถว ๆ นี้ จะมีพวกดาราที่มีบ้านอยู่ย่านนี้กันเยอะ จนว่ากันว่าแม้แต่ Sarah Jessica Parker ก็ย้ายครอบครัวมาอาศัยในถิ่นนี้แล้ว ในเวลานี้ร้านที่โดดเด่นเตะตายังมีอีก เช่น ร้าน Marc Jacobs, Ralph Lauren และ Mulberry ทำให้ทางเหนือสุดของพื้นที่ เป็นเหมือนกับถนนของ Designer หรู ๆ
ในขณะที่ร้านรวงแถวย่านกลางคืนและ Bar ซึ่งอยู่ระหว่าง 6th Avenue และ La Guardia Place ดูจะผ่อนคลายกว่า ส่วนช่วงระหว่าง 6th Avenue และ 7th Avenue ก็ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักกิน เพราะมีร้านขายของอร่อย ๆ เช่น Murray’s Cheese, Amy’s Bread หรือ Rocco’s Pastry
ในขณะที่ถ้าคุณเป็นคนรักดนตรีแล้วล่ะก็ ยังมีร้านแผ่นเสียงและ CD เล็ก ๆ เอาไว้ดึงสตางค์ของคุณ ร้านที่ว่านี้ก็เช่นRebel Rebel และ Bleecker Street Records ซึ่งแม้แต่เดินส่งสายตาทักทายด้วยความรู้สึก ก็เหมือนตัวเราได้รับความมีชีวิตชีวาโดยที่ยังไม่ได้นับสีสันสดใสของย่าน GreenwichVillage เลยนะเนี่ย
นอกจากร้านรวงเหล่านี้ เรายังจะพบสิ่งอื่น ๆ ที่ดึงดูดตาโดยไม่ดาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรม Portrait ofSylvette ใน Courtyard ของ University Place ซึ่งมาจากต้นแบบของ Pablo Picasso หรือ Winston Churchill Square ซึ่งเป็น Park เล็ก ๆ หรือ ตึกรูปสามเหลี่ยมตรงสี่แยกของ 7th Avenue ของนักพยากรณ์ Zena the Clairvoyant ก็เป็นที่เตะตาทั้งกับผู้ที่อาศัยและผู้มาเยือน
ส่วนทางด้านตะวันออกของ La Guardia Place เป็นอาคารหอพักของ NYU (New York University) ซึ่งยาวตลอดมาทางใต้ ผ่าน Mercer Street, Broadway และ Lafayette มาจนถึง The Bowery เราสามารถให้รางวัลกับตัวเองหลังจากจบการเดินชมและซื้อของตามร้านรวงต่าง ๆ ได้ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสหรู DBGBs, Daniel Boulud’s Texas ซึ่งอยู่ปลายถนน Bleecker Street พอดี
ถ้าเราสามารถจับทางได้ว่า Bleecker Street ซึ่งคู่ขนานกับ 4th Avenue ลดเลี้ยวไปทางไหนบ้าง เราก็จะสามารถท่องไปใน Greenwich Village ได้โดยง่ายและไม่หลงทาง และจะสนุกกับการที่จะออกนอกทางบ้างเมื่อเจอสิ่งอะไรที่น่าสนใจ มีอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ และขอแนะไว้เล็ก ๆ ก็คือที่ New York นั้นจะมีส่วนที่เรียกว่า Little Italy ซึ่งเคยกินเนื้อที่จาก Canal Street ถึง Houston Street ระหว่าง Lafayette Street และ The Bowery แต่ปัจจุบันจะเหลือชุมชนชาว Italian แค่ช่วงตึกที่อยู่รอบ ๆ Mulberry Street เนื่องจากเมื่อชุมชนใหญ่ขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะย้ายออกไปอยู่รอบนอกหรือเขตอื่น ๆ
ดังนั้น Little Italy ในปัจจุบันจึงแทบจะถูกกลืนด้วย Chinatown และพวก Boutique ที่ลุกลามมาจาก Nolita (มาจาก North of Little Italy) ดังนั้นถ้าอยากจะไปลุยย่าน Italian ก็อาจจะไม่ได้อารมณ์เหมือนไป Chinatown ทีนี้พอมี Eataly เกิดขึ้นมาก็จึงน่าจะเป็นแหล่งที่ “ถึง” Italy ได้สะดวกกว่า ทั้งทำเลและการรวบรวมทุกอย่างมาไว้ที่เดียวสถานที่สองแห่งนี้แม้จะอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่เชื่อแน่ว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า จะเป็นแหล่งที่อินเทรนด์ของนิวยอร์ก
ถ้า Penny Lane พูดถึงความทรงจำเกี่ยวกับพนักงานดับเพลิง และสาวนางพยาบาลที่ชอบขายดอกไม้ ในอนาคต อาจมีใครแต่งเพลงขยาย Bleecker Street ต่อจากภาพของ ไซม่อน แอนด์ การ์ฟังเกล และคราวนี้คงไม่ใช่สาวพยาบาล แต่เป็นสาวนักช้อปที่สู้ตาย และพร้อมติดหนี้...