ความเชื่อ โชคลาง ของขลัง
เมื่อสองเดือนที่แล้วเชื่อว่าคอกีฬาคงได้ติดตามการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หรือเอเอฟซี ยู 23 แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งขุนพลช้างศึก “ทีมชาติไทย” ก็ได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้ด้วย
ถึงแม้จะตกรอบแรกแต่ก็สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วยการแพ้ทีมแชมป์และหมายเลขหนึ่งของเอเชีย “ทีมชาติญี่ปุ่น” เพียงแค่ทีมเดียว ขณะที่อีกสองนัดเจอ “ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย” กับ “ทีมชาติเกาหลีเหนือ” ก็ยันเสมอได้ จึงเป็นการตกรอบเพราะลูกได้เสียแบบน่าเสียดาย
แต่เกร็ดที่น่าสนใจอยู่ที่นัดแรกซึ่งนักข่าวจับภาพที่ประตูฝั่งของทีมชาติไทยซึ่ง “สมพร ยศ” ผู้รักษาประตู ห้อยของเล็ก ๆ ไว้ตรงตาข่าย นั่นก็คือ“เขี้ยวเสือหลวงพ่ออุทัย” วัดเกาะตาพุด จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ ดังนั้นคอลัมน์ฉบับเดือนนี้ขอเอาเรื่องของ ความเชื่อ โชคลางและของขลังของนักฟุตบอลระดับโลกมาฝากกัน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้
• ตอนนั่งรถบัสของทีมจะนั่งคนเดียวแถวหลังสุดและลงจากรถเป็นคนสุดท้าย
• แต่เวลานั่งเครื่องบินจะนั่งข้าง “เปเป้” เพื่อนร่วมทีมทั้งสโมสรเรอัล มาดริดและทีมชาติโปรตุเกส และลงจากเครื่องเป็นคนแรก
• ตอนพักครึ่งแรก จะต้องเซตผมใหม่ทุกครั้ง และสัมผัสลูกบอลก่อนออกจากห้องแต่งตัว
• พอจะลงสนามก้าวเท้าขวาก่อน แล้วค่อยกระโดดสุดตัวบริเวณเส้นข้างสนามอีกครั้ง
จอห์น เทอร์รี่
• นั่งรถบัสของทีมบนที่ประจำของตัวเองทุกครั้งและไม่ยอมเปลี่ยนที่เป็นอันขาด
• ฟังซีดีเพลงแผ่นเดิมถ้าขับรถส่วนตัวมาที่สนาม และจอดรถจุดเดิมที่สนามซ้อม
• เวลาอยู่ในสนามจะดึงถุงเท้าตึงคลุมหัวเข่า
• สะสมปลอกแขนกับตันทีมทุกอันไว้เสมอ
ฟิล โจนส์
• หากทีมลงเล่นในฐานะเจ้าบ้านจะสวมถุงเท้าข้างซ้ายก่อน ส่วนเกมไหนเป็นทีมเยือนจะสวมข้างขวาก่อน
• เวลาอยู่ในสนาม จะไม่เหยียบเส้นตีสนามแบ่งเขตสีขาว โดยจะก้าวข้ามเหยียบพื้นหญ้าเลย
• เวลาออกไปเยือนทีมต่างประเทศ จะไม่ขึ้นลิฟท์เด็ดขาด
โคโล่ ตูเร่
• จะสวดมนต์ทุกครั้งก่อนลงสนาม
• จะต้องให้เพื่อนร่วมทีมลงสนามให้หมดก่อนถึงจะลงสนามได้ ไม่ว่าจะเป็นเกมระดับสโมสรหรือเกมทีมชาติ
อิเคร์ คาซิยาส
• เกมไหนเสียประตูจะเปลี่ยนชุดใหม่ทันที ชุดเก่าทิ้งไปเลย
• ตัดแขนเสื้อออกเล็กน้อยก่อนลงลงสนาม
• กระโดดแตะคานทุกครั้ง ไม่ว่าทีมจะได้หรือเสียประตู
หลุยส์ แฟร์นองเดซ (อดีตผู้จัดการทีมของปารีส แซง แชร์แมง, แอตฯ บิลเบา, เอสปัญญ่อล, เรอัล เบติส)
• มักจะแอบเอาเกลือใส่กระเป๋าแล้วเดินไปโรยบริเวณกรอบเขตโทษและมุมธงก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น
อิวาน ซาโมราโร่ (อดีตกองหน้าทีมชาติชิลีและสโมสรอินเตอร์มิลาน) กับ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
• ทั้งคู่มักจะพันผ้าบริเวณหัวเข่าเวลาลงสนาม ด้วยเหตุผลที่ว่าเคยเจ็บตรงนั้นซึ่งพอพันผ้าลงสนามกลับเล่นดีอย่างไม่น่าเชื่อ
โยฮัน ครัฟพ์ (อดีตตำนานนักเตะของอาแจ็กซ์, บาร์เซโลน่า และทีมชาติเนเธอร์แลนด์)
• สมัยเล่นกับอาแจกซ์มักจะเคาะท้อง “เกริต์ บอลส์” ผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมทีมก่อนลงสนาม
• มักจะเคี้ยวหมากฝั่งก่อนเกมทุกครั้งและพอเกมจะเริ่มก็ถุยไว้บนพื้นสนามของฝั่งคู่แข่ง
เปเป้ เรย์น่า (คนที่หนักที่สุด)
• คืนก่อนการแข่งขันจะต้องรับประทาน “แซนวิช แฮมชีส” และ “ดื่มไวน์ 1 แก้ว”
• 6 ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน จะขับรถยนต์ส่วนตัวไปยังปั๊มน้ำมันเจ้าประจำ เพื่อเติมน้ำมันรถให้เต็มถัง
• เวลาขับรถไปที่สนามจะจอดที่เดิมทุกครั้ง (ที่จอดหมายเลข 39 ทางฝั่ง Centenary Stand ที่สนามแอนด์ฟิลด์)
• ก่อนลงสนามจะเข้าห้องน้ำประมาณ 3-4 ครั้ง เพราะเชื่อว่าเป็นการคลายเส้นประสาทและเป็นส่วนหนึ่งในการอบอุ่นร่างกาย
• เดินลงสนามเป็นคนสุดท้ายและต้องแตะป้าย This is Anfield ในอุโมงค์ทุกครั้งตอนอยู่กับลิเวอร์พูล
• พอลงสู่สนาม จะเอาพื้นสตั๊ดเคาะกับเสาด้านขวา กระโดดแตะคาน แล้วเอาสตั๊ดเคาะกับเสาด้านซ้าย ปิดท้ายด้วยการโบกมือให้ภรรยาที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์ตามลำดับ แล้วค่อยเริ่มการแข่งขัน
ที่จริงยังมีอีกหลายความเชื่อที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น “โรล็อง บล็อง” ที่จูบเหม่ง “ฟาเบียง บาร์กเตซ” เสมอก่อนเกมในสมัยเล่นทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งอาจจะทำให้ทีมได้แชมป์โลกปี 1998 ก็ได้ หรือ “แกรี่ ลินิเกอร์” อดีตกองหน้าไนซ์กายของทีมชาติอังกฤษที่ไม่ยอมยิงประตูช่วงวอร์มอัพระหว่างเกม เพราะเชื่อว่าจะทำให้ความเฉียบคมหายไป รวมทั้ง “ดานิเอเล่ เด รอสซี่” ของโรม่าที่ต้องกระโดดซ้ำ ๆ 3 ครั้งต่อด้วยคุกเข่าอีก 3 ครั้งก่อนลงสนาม
สุดท้ายเรื่องราวเหล่านี้ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่นักฟุตบอลยึดเหนี่ยวไว้เพื่อสร้างความมั่นใจและทำผลงานให้ออกมาดี แล้วยังเป็นอีกหนึ่งสีสันของวงการฟุตบอลอีกด้วยครับ