ไม่กินอาหารเช้า
อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญมาก ต้องกินทุกวันครับ
มีงานวิจัยพบว่า การไม่กินอาหารเช้าสัมพันธ์กับรอบเอวที่เพิ่ม และดัชนีมวลกาย (BMI) เพิ่มครับ
เพราะฉะนั้น แนะนำให้กินอาหารเช้าทุกวันครับ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ศึกษาแบบ Meta-analysis โดย Horikawa C. ได้วิเคราะห์งานวิจัย 19 งาน มีผู้เข้าร่วมงานวิจัยทั้งสิ้น 93,108 คน และมีผู้ที่น้ำหนักตัวเกิน หรือเป็นโรคอ้วน 19,270 คน ได้พบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญของการไม่กินอาหารเช้า กับภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน
อีกงานวิจัยหนึ่ง โดย Watanabe Y. ซึ่งได้ศึกษาในผู้เข้าร่วมงานวิจัย จำนวน 766 รูป (ชาย 286 รูป หญิง 480 รูป) พบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างการไม่กินอาหารเช้า กับขนาดรอบเอว และดัชนีมวลกาย เช่นกัน
และอีกงานวิจัยจาก Huang CJ. พบว่า การกินอาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการป้องกันโรคอ้วน
เพราะฉะนั้น หมอแนะนำอีกครั้งหนึ่งว่า ต้องกินอาหารเช้าทุกวันครับ เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคอ้วน
Did You Know?
การดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
แอลกอฮอล์ทุกชนิดมีโทษมากกว่าประโยชน์
แม้ดื่มเพียงเล็กน้อยก็ตามครับ
มีงานวิจัยพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์แม้เพียงเล็กน้อยสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งในหลายอวัยวะ ทั้งมะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งทวารหนัก มะเร็งบริเวณคอ มะเร็งบริเวณช่องปาก มะเร็งบริเวณหลอดอาหาร
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า การดื่มแอลกอฮอล์แม้แค่เล็กน้อย ก็มีผลทำให้สมองเสื่อมลงทั้งด้านโครงสร้างและด้านการทำงานครับ
มีงานวิจัยพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณปานกลาง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงเกิดภาวะเลือดออกในสมองเพิ่มขึ้น
แม้จะมีฤทธิ์ในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือภาวะสมองขาดเลือดได้บ้าง แต่ก็ไม่คุ้มอยู่ดี เหมือนหนีเสือปะจระเข้
และการดื่มแอลกอฮอล์ยังสัมพันธ์กับการเกิดโรคตับแข็ง ไม่ว่าจะดื่มมากน้อยแค่ไหน โดยยิ่งดื่มมาก ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงครับ
สรุป แอลกอฮอล์ไม่ว่าจะดื่มน้อย ดื่มมาก ก็อันตรายเหมือนกัน
อยากให้หัวใจแข็งแรง โดยไม่ต้องเสี่ยงกับโรคอื่น ๆ
ออกกำลังกายเป็นคำตอบสุดท้ายครับ
ประวัติผู้เขียน
น.พ.คณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์
Dr. Kanin Tripipitsiriwat (M.D., CNW, ABAARM)
• แพทย์ประจำศูนย์ Vital Life โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
• วิทยากรประจำรายการ Morning Love F.M. 99 ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 6.00-7.00 น. ตั้งแต่ ก.พ. 2554-ปัจจุบัน
• คอลัมนิสต์ Healthy Living นิตยสาร MiX MAGAZINE
• Facebook fanpage : นพ.คณิน-Dr.Kanin(https://www.facebook.com/DrKaninHealingYourself)