ถ้าลองสังเกตกันดูทีมฟุตบอลใหญ่ ๆ ในยุโรปไม่ค่อยมีการเปลี่ยนโฉมหน้าผู้คว้าแชมป์ เช่นในอิตาลีจะมีทีมยูเวนตุสเป็นขาประจำ ในสเปนมีทีมบาเซโลน่าหรือเรอัลมาดริด ในอังกฤษ ก็วนเวียนอยู่แต่ทีมใหญ่หน้าเดิม เช่น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อาร์เซนอล เชลซี และแมนเชสเตอร์ซิตี้

ความน่าสนใจในฤดูกาลนี้ถูกจับจ้องมาที่ฟุตบอลพรีเมียลีกที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในยามที่ทีมใหญ่หลายทีมกำลังมีปัญหาภายใน ทีมระดับเล็กและระดับกลางก็เริ่มผงาดขึ้นมา เช่นเลสเตอร์ ซิตี้ที่สภาพก่อนเปิดฤดูกาลนั้นเพิ่งหนีตกชั้นมาหมาด ๆ ทำให้บ่อนรับพนันถูกกฎหมายให้อัตราต่อรองการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกตอนเปิดฤดูกาลอยู่ที่ 5,000/1 (แทง 1 ถ้าชนะได้ 5,000) แต่เมื่อแข็งไปแข่งมากลายเป็นจ่าฝูงขึ้นนำหัวตารางแบบหักปากกาเซียน 

ในอดีตถ้านับเอาเฉพาะในพรีเมียร์ลีก มีเพียงทีมเดียวที่สามารถเบียดแย่งแชมป์กับทีมแชมป์ขาประจำคือ แบล็กเบิร์น โรเวอร์สเท่านั้น ที่สอดแทรกได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้นคือปี 1994-1995 โดยองค์ประกอบทีมในขณะนั้นถือว่าเป็นทีมที่มีเงินทีมหนึ่งที่สามารถซื้อสตาร์ดังหลายคนมาร่วมทีมได้

ส่วนลีกใหญ่ในยุโรปที่ย้อนไปราว 2 ทศวรรษ ไม่ว่าจะสร้างทีมด้วยเงินเยอะในครั้งเดียวแล้วหายไปหรือเป็นทีมประหยัดค่าใช้จ่ายใช้ระบบทีมเวิร์คเป็นหลัก ทีมเหล่านี้คือตัวอย่างที่ท้าทายทีมใหญ่ได้ด้วยความสำเร็จเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ฟุตบอลลีกสูงสุดของฮออลแลนด์ ทีม อัลค์มาร์ สามารถคว้าแชมป์ได้ในปี 2008–2009 และในปีถัดมาปี 2009–2010 ก็มีจอมเซอร์ไพรส์ ทีมทเวนเต้ มาแรงในตอนท้ายปาดหน้าทีมใหญ่คว้าแชม์ได้สำเร็จ 

ในลีกใหญ่อย่างลาลีก้า สเปนก็มีทีมที่สามารถต่อสู้ระดับแถวหน้าของลาลีก้า และสอดแทรกคว้าแชมป์ลีกได้อย่าง เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในปี 1999–2000 และ ในอีกสิบกว่าปีต่อมา แอตเลติโก้ มาดริด ก็สามารถทำได้อีกครั้งในปี2013-2014 ลีกเอิงของเมืองน้ำหอมฝรั่งเศสก็มีทีมม้านอกสายตาอย่าง มงต์เปลลิเยร์ ทำได้ในปี 2011–2012 ในส่วนของฟุตบอลเยอรมันก็มีทีมโวล์ฟสบวร์ก สามารถคว้าแชมป์ครั้งแรกได้ในปี 2008–2009 เช่นกัน

ในฤดูกาลนี้ในลีกต่าง ๆ มักชอบเชียร์ฟุตบอลรองให้ต่อกรกับทีมเงินถุงบ้าง บางทีมสร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จแต่บางทีมก็พ่ายแพ้ไปตั้งแต่ยกแรก ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรทีมเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงสปิริตนักสู้บนเส้นทางลูกหนังว่ามาได้ไกลเพียงใดเท่านี้ก็ชนะใจกองเชียร์แล้ว