สิงโต นำโชค
กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมไปแล้ว สำหรับ ‘สิงโต - นำโชค ทะนัดรัมย์’ ผู้นำแนวเพลง Surf Music มาเผยแพร่จนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเมืองไทย พร้อมกับการเกิดกระแส Ukulele Fever ที่ทำให้ทุกคนหัดร้องฝึกเล่นกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งเพลงฮิตติดหูของเขาอย่างเพลง ทิ้ง, ฮู้ ฮู หรือ อยู่ต่อเลยได้ไหมโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง กลายเป็นศิลปินที่เนื้อหอมที่สุดในวงการเพลงไทยช่วงหนึ่งเลยก็ว่าได้
ล่าสุดเขากลับมาพร้อมอัลบั้มที่ 3 ในชีวิตของเขา ด้วยการปล่อยซิงเกิ้ลให้ทุกคนได้ฟังกันกับเพลง “ป.ล. คิดถึง(P.S. I Miss you)” ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกคว้าตัวให้มาเป็นโค้ชครั้งแรกในรายการทีวี The Voice Season 4 อีกด้วย
“สไตล์แนวเพลงแบบสบายๆ สไตล์ Surf Music นี้ ผมไม่ได้ตั้งใจทำเลยนะ หมายถึงผมน่ะตั้งใจทำงาน แต่แนวเพลงผมว่ามันเหมือนเราเรียนรู้จากศิลปินรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่เราชื่นชอบ ศิลปินมีเยอะแยะมากมาย แต่มีไม่กี่คนที่เรารู้สึกว่าอันนี้ใช่ อันนี้ชอบ จับหลายๆ คนมารวมกัน จากเมื่อก่อนที่เราเล่นเพลงเขา วันหนึ่งพอมีโอกาสได้มาทำเพลงของเราเอง มันก็เลยออกมาเป็นเพลงในแบบของเรา
“ผมทำเพลงไม่เคยคาดหวังอะไรเลย ทุกวันนี้ก็ไม่คาดหวัง เพราะเมื่อไหร่ที่ไม่คาดหวังแล้วมันจะออกมาดี แต่ถ้าคาดหวังก็จะกดดัน คือตอนแรกเราทำเพลง เล่นดนตรี เรามีความสุขทุกครั้ง ทีนี้มีผู้ใหญ่ใจดีให้โอกาสเราได้ทำเพลงในแบบของเรา ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะเขาให้เราทำอัลบั้ม สิ่งที่คาดหวังก็คือทำอัลบั้มเสร็จ ได้ออกอัลบั้ม มีงานเป็นของตัวเอง ทำเพลงในแบบที่เราชอบ แล้วเรามีความสุขกับมันที่สุด เท่านี้ก็ดีใจแล้วครับ พอมีกระแสตอบรับค่อนข้างดี ทุกคนชื่นชอบ อันนี้ก็ถือว่าเป็นโบนัสไป ก็เลยยึดหลักวิธีการทำงานแบบนี้มาตลอดว่าไม่ต้องคาดหวังอะไร”
ด้วยแนวคิดในแบบสิงโต ทำให้ล่าสุดเขากลับมาพร้อมอัลบั้มชุดที่ 3 โดยใช้ชื่อว่า ‘Just have fun with it’ หลังจากทิ้งช่วงห่างจากอัลบั้มที่ 2 ไปนานหลายปี
“อย่างอัลบั้มที่ 3 ตอนแรกก็กดดันเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร จนไปนึกถึงคำที่เคยคุยกับภรรยาว่า จะไปสนใจอะไร ก็สนุกๆ ไปสิ Just have fun with it เราก็เออ มันเป็นวิธีการนั้นตั้งแต่อัลบั้มแรกของเราอยู่แล้ว เราก็เลยใช้คำนี้มาเป็นจุดเริ่มต้นอัลบั้มที่ 3 แต่เราก็มีเป้าอยู่ว่าจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ไม่ได้ทำส่งๆ แค่ยึดหลักและมั่นใจว่าเราสนุกกับมัน มั่นใจว่าเราไม่ได้ไปกดดันอะไร ก็เลยกลายเป็นแนวทางของอัลบั้มที่ 3
“Just have fun with it คำนี้มันปลดล็อคทุกอย่างหมดเลย มันเริ่มต้นจากความรู้สึกข้างในก่อน ไม่ต้องไปกดดัน สนุกกับมัน ทีนี้เราก็คิดถึงเรื่องความสนุก แล้วเราก็อยากทำเพลงที่รู้สึกสนุก ในอัลบั้มก็มีทั้งเพลงช้าเพลงเร็วหลากหลายอารมณ์ แต่ว่าเพลงแรกที่อยากให้ฟังคืออยากให้เป็นเพลงสนุกก่อน เลยออกมาเป็นเพลงที่ชื่อ ‘ป.ล. คิดถึง (P.S. I Miss you)’ เป็นเพลงเร็วที่ใช้ Ukulele มาสร้างบรรยากาศให้สนุก ชวนเต้น ได้พี่กิจแจ๊ส (kijjaz) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ครับ
“ผมไม่ได้มองว่าอัลบั้มนี้จะต้องโต หรือเปลี่ยนไปมากแค่ไหน มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราไปเจออะไรมาบ้าง ซึ่งเราแต่งเพลงวันนี้ก็ไม่เหมือนกับชุดแรกอยู่แล้ว เพราะชุดแรกคือสิ่งที่เราเจอมาเมื่อ 5 ปีก่อนที่เราจะทำอัลบั้ม พอชุดที่สองความคิดก็ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วแต่จังหวะชีวิตในช่วงนั้น มุมมองมันเปลี่ยน ทุกเพลงที่ผมทำมันไม่ใช่แค่ทำนองมันรวมไปถึงสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เรารู้สึก สิ่งที่เราได้รับมาแล้วเราย่อยมาเป็นเพลง ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่เราสะสมมา นี่แหละ Masterpieceประสบการณ์มันอยู่ในเพลง แต่ละเพลงมันมีเรื่องราวของมัน มันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น มันมีวิธีคิด มันมีกระทั่งเสียงเมโลดี้ ไปจนถึงเนื้อเพลง ฉะนั้นผมให้ทุกเพลงมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็น Masterpiece หมด”
เขาไม่เพียงทำงานเพลงกับคนไทยเท่านั้น แต่เขายังมีโอกาสได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติอีกด้วยจากการพบกันในงาน Ukulele Festivalsที่ประเทศฮาวาย แล้วชวนกันทำอัลบั้มออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
“พอดีคุณคริส เขาเป็นฝรั่ง แล้วก็ทำงานกับฝรั่งอยู่ที่อังกฤษ ทีนี้เขามาเปิดห้องอัดที่เมืองไทย เขาเลยมีความคิดว่าทำไมไม่เอาคนไทยที่ร้องเพลงอังกฤษได้มาอัดที่นี่ เสร็จแล้วก็เอาเพลงส่งไปที่อังกฤษ เราก็เลยทำขึ้นมาหนึ่งซิงเกิ้ลชื่อว่าเพลง Miss You ที่เอาไปเปิดที่ลอนดอน ช่วงสี่ห้าเดือนที่แล้ว ผมก็ไปเล่นที่นั่น ไปสัมภาษณ์คลื่นวิทยุ แล้วก็เก็บภาพโปรไฟล์ อะไรประมาณนี้ครับ กระแสตอบรับดีอยู่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ 8 เพลงแล้วที่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าได้ 14 เพลง ก็จะออกเป็นอัลบั้มครับ ค่อยๆ ให้มันโตไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แต่ซิงเกิ้ลแรกก็จะออกประมาณเดือนตุลาคม น่าจะปล่อยที่อังกฤษเป็นประเทศแรกครับ”
อีกหนึ่งบทบาทที่เขาเพิ่งได้รับ ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน กับการเป็นโค้ชรายการทีวี The Voice Season 4 ซึ่งเขาบอกว่าต้องทำการบ้านหนักพอสมควร ศึกษาทั้งเวอร์ชั่นในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนๆ รายการ
“ผมไม่ได้คิดจะมาแทนที่ใคร ส่วนตัวไม่ได้กดดันอะไร แต่กดดันเหมือนทุกครั้งที่จะขึ้นเวทีคอนเสิร์ต เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า มันตื่นเต้น แต่พอได้ทำมันออกไปก็รู้สึกโล่ง สบาย ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี Just have fun with it อันนี้เอาไปใช้ได้หมดเลยสำหรับใครที่กำลังคิดอะไรเยอะๆ อยู่ ปล่อยวางบ้าง อย่าไปยึดติด ปีหน้าเขาอาจจะเอาคนอื่นมาก็ได้ แต่ว่าปีนี้เราได้เป็นโค้ชเราก็ทำเต็มที่ สนุกเต็มที่ในแบบของเรา แต่ถ้าเราไปยึดติด อันนี้มันก็ไม่สนุกแล้ว
“จากวันแรกถึงวันนี้ ผมก็ยังเป็นสิงโตคนเดิม ไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนอะไรเลย ผมว่าคนข้างนอกเปลี่ยนให้เราแล้ว ถ้าเราไปเปลี่ยนตาม เราก็จะรู้สึกว่าอยู่ข้างบน แต่นี่ตัวเรายังรู้สึกเหมือนเดิม เป็นคนเดิมที่ชอบร้องเพลง เล่นดนตรีอยู่ได้แต่งเพลง ได้ทำในสิ่งที่เรารัก เหมือนแค่สเกลมันใหญ่ขึ้นแต่เราไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเปลี่ยน ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทำไมด้วยมีความสุขอยู่กับปัจจุบันแล้วก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ดีกว่าครับ”
นี่เป็นอีกหนึ่งศิลปินคุณภาพที่มีการใช้ชีวิตและการทำงานด้วยมุมมองที่น่าสนใจ ก่อนจากกันเขาฝากถึงอัลบั้มใหม่ ที่อยากให้ทุกคนสนุกไปกับเสียงเพลง ปลดปล่อยความเศร้าที่มีอยู่ในตัว แล้วมาสนุกไปด้วยกัน