การจะเริ่มทำสินค้าอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง แล้วหวังว่าจะเติบโตพร้อมกับสร้างกำไรคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลายๆ คน เพราะมีสินค้ามากมายหลายประเภทวางขายในท้องตลาดแข่งขันกันอย่างดุเดือดอยู่ก่อนแล้ว แต่สำหรับคุณหนึ่ง “อันยา มงคล” คงไม่ใช่ปัญหามากนักสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เธอก็ทำให้เห็นแล้วว่าการลงมือทำอย่างจริงจังโดยมีรูปแบบที่ชัดเจน ความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เริ่มจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หวายของครอบครัวซึ่งเป็นกิจการเล็กๆ จากเดิมเป็นธุรกิจธรรมดาไม่ได้มีกำไรมากนัก แต่เธอเข้ามาปรับรูปแบบธุรกิจใหม่หมดตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ ฟังก์ชั่น และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ให้มีความน่าใช้หลากหลาย
มากยิ่งขึ้น ยกระดับให้เป็นสากล พร้อมกับหาช่องทางการขายใหม่ๆ กระจายสินค้าออกไปแล้วกว่า 12 ประเทศ โดยใช้ชื่อแบรนด์ในไทยว่า ChicfurNiche และมีแบรนด์ที่ใช้ในต่างประเทศชื่อว่า “SARNN” (สาน) 

“ตอนแรกที่เข้ามาทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพราะอยากช่วยพ่อแม่ คือเราไม่อยากให้พวกเขาต้องมาโดนว่าจากลูกค้าเพราะปัญหามันเยอะ ก็คิดว่าหากเราเป็นคนขายถ้ามีปัญหามาเราขอโดนด่าเอง พอได้เริ่มทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัวมันมีสองทางคือลุยกับไม่ลุย คนถอดใจจะถูกคัดออกคนที่ลุยจะได้ไปต่อ แต่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นต้องได้ทบทวนกระบวนการที่เดินทางมาเสียก่อน  

“ตัวหนึ่งเองเลือกที่จะทบทวนข้อดีข้อเสียของตัวเอง แล้วโอกาสแห่งความสำเร็จก็เปิดทางให้ หนึ่งมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าเรากลับมามองตัวเองในอีก30 ปีข้างหน้าสิ่งที่เราเสียใจก็คือสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ไม่ว่าสิ่งที่เราทำแล้วมันอาจผิดพลาด แต่ว่าทำให้มันดีก็พอ” 

ความสำเร็จของเธอเกิดจากการวางแผนการขายแบบหลายช่องทาง โดยช่องทางหลักของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หวาย คือต้องมีโชว์รูมหรือหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นของจริง ต้องมีพนักงานเฝ้าอยู่ตลอด ส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทันที
ทั้งค่าเช่าพื้นที่ เงินเดือนพนักงาน เธอจึงต้องแบ่งความรับผิดชอบไปให้พนักงานที่อยู่ในร้านว่าต้องหาเงินเข้าร้านให้ได้มากที่สุด ทำให้เธอจำเป็นต้องคัดเลือกพนักงานเพราะบางคนทำได้บางคนทำไม่ได้ จึงต้องพัฒนาให้ได้ตามเกณฑ์

“จากนั้นตัวหนึ่งเองจะทำหน้าที่อื่น  คือไปพัฒนาตัวสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้าเพื่อหารายได้มากพอที่จะทำธุรกิจนี้ต่อไป ส่วนทางด้านออนไลน์ก็ไม่มีอะไรมากหลักๆ มีแค่ค่าเช่าพื้นที่โฮสต์ของเว็บไซต์เท่านั้น เพราะการสร้างเว็บไซต์นั้น
ลงตัวแล้ว เราต้องบริหารแต่ละช่องทางให้หาเงินมาจ่ายของตัวเองได้ คราวนี้เราจะมีเวลามากขึ้น ก็มาคิดว่าจะทำอย่างไรให้กำไรเพิ่มมากขึ้นในช่องทางนั้นๆรวมถึงมีเวลาริเริ่มทำธุรกิจอื่นด้วย”

คนส่วนใหญ่ที่เป็นพนักงานประจำมักจะคิดว่าอยากออกมาทำธุรกิจของตัวเอง เพราะเห็นคนที่ทำธุรกิจนั้นมีกำไรเยอะ มีเวลามาก แต่เธอให้มุมมองว่านี่คือความเห็นเพียงด้านเดียว เพราะอีกด้านผู้ประกอบการต้องต่อสู้มากมายกว่าจะผ่านจุดวิกฤตของชีวิตมาได้

“ความกังวลของการทำธุรกิจที่หนึ่งเคยประสบมามากที่สุดคือการไม่มีเงินเริ่มจากไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่าที่ ค่าของ ค่าพนักงาน เริ่มเยอะจนคิดว่าทำไมเราต้องมาลำบากเพราะค่าใช้จ่าย คิดว่ากลับไปเป็นพนักงานประจำดีกว่าเพราะว่าแทบไม่มีต้นทุนอะไร พอสิ้นเดือนสามารถหักเงินออมซื้อประกันหรือ LTF ได้เลย การทำธุรกิจมันต่างกัน ต้องแบกรับความเสี่ยงสูงแล้วต้องทำอย่างไรก็ได้ให้กระแสเงินสดเข้ามามากที่สุด หนึ่งเคยอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีเงินสด และไม่มีเงินเก็บอยู่พักใหญ่ ก็คิดอยู่เพียงว่าทำอย่างไรของเราจะขายได้เยอะๆ กว่าจะผ่านจุดนี้ไปได้มันท้อแท้มาก

“ผู้ประกอบการ หรือ SME ส่วนใหญ่มักทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดแล้วก็ทำอย่างนั้นมาตลอด ถ้าคนที่ยืนกรานจะขายของแบบนั้นถ้าขายได้ก็โอเคไป แต่ถ้ามันขายไม่ดีเขาจะค่อยๆ เสียกำลังใจแล้วก็เลิกไปทำอย่างอื่น แต่หนึ่งคิดว่าทุกโปรดักส์
จะขายได้ต้องผ่านจุดใดจุดหนึ่งไป เช่นหนึ่งทำเฟอร์นิเจอร์มาดีไซด์สวยแต่นั่งไม่ดีเลย ขาดอีกนิดเดียวคือถ้าทำให้นั่งสบายก็จะขายได้ แต่คนเรามักทำอะไรออกมาก็จะขายอยู่อย่างนั้น คือต้องพัฒนาโปรดักส์ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะในโลกนี้
ของไม่จำเป็นมีเยอะแยะที่มันขายได้

“สูตรสำเร็จของการทำธุรกิจหนึ่งคิดว่าไม่มีนะ เพราะโมเดลของแต่ละธุรกิจไม่เหมือนกัน เป็นที่นิสัยของผู้ประกอบการมากกว่าที่จะทำให้สำเร็จ หนึ่งเคยได้ยินอาจารย์คนหนึ่งบอกว่าถ้าหากเราทำธุรกิจนี้สำเร็จแล้ว แต่จะนำโมเดลเดียวกันนี้
ไปทำอีกธุรกิจหนึ่งแล้วคิดว่ามันจะสำเร็จคงไม่ใช่ แต่ให้คิดว่าเราต้องเริ่มต้นใหม่ ทำเหมือนเราไม่มีเงิน แม้เราอาจมีเงินมาจากธุรกิจที่สำเร็จแล้วก็ตาม เราจะได้เรียนรู้กระบวนการว่าทำอย่างไรถึงจะก้าวขึ้นมาได้”  

Did You Know 

•    คุณหนึ่งจบการศึกษาปริญญาตรี สาขาเคมีวิศวกรรม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

•    นอกเหนือจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หวายแล้ว เธอยังมีธุรกิจเครื่องสำอาง ชื่อว่า DivaSoul ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะเข้าตลาดหุ้นได้ภายใน 3 ปี

•    คุณหนึ่งเขียนหนังสือออกมาเล่มแรกมีชื่อว่า “เริ่มจาก 1” ก็สามารถติด Best Seller บนแผงหนังสือขายดี