เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันงดงามของ NAMU LIFE ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพและความงามที่มาแรงที่สุดในรอบปี นี่คือเคล็ดลับและที่มาของความสำเร็จของสาวสวยสุดเก่งคนนี้ “เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแบรนด์นามุไลฟ์

 “จริงๆ เรียนทางด้าน Fashion Merchandising มาค่ะ งานแรกก็ทำที่อเมริกาเพราะเรียนเสร็จก็ไปฝึกงานต่อเกี่ยวกับแฟชั่น เป็นแบรนด์เสื้อผ้าค่ะ พอกลับมาเมืองไทยก็ทำงานเป็นฝ่ายจัดซื้ออยู่ในเครือเซ็นทรัลเป็นฝ่ายอิมพอร์ตแบรนด์ ทำได้สักพักก็ออกมาทำให้ร้านพี่สาว ร้านชื่อ Landmee’ ได้ออกแบบจิวเวอรี่ขายในร้านด้วย เป็นช่วงที่เริ่มเบื่องานประจำค่ะ ทำได้สักระยะหนึ่งก็มาทำ NAMU LIFE ค่ะ 

“ที่เริ่มทำธุรกิจความสวยความงามเพราะเป็นคนที่ชอบทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะทำครีมของตัวเองเป็นเรื่องเป็นราวนะ คิดว่ามันยาก พอดีว่าคุณเอกพี่ชายของสามีได้ชักชวนให้ลองมาทำดู ประกอบกับอยากลองทำธุรกิจด้านนี้ดูบ้างเพราะเห็นช่องทางและแนวโน้มว่าดี 

“เริ่มแรกจึงทำบริษัทรับผลิตให้คนอื่นก่อน (OEM) ทำมาประมาณ 5 ปี ก็เริ่มสั่งสมความรู้และประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าอยากจะทำแบรนด์ของตัวเองแล้วล่ะ เรามีทีมงานที่พร้อมทั้งนักเคมีและคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งสูตรต่างๆ จนไปได้สูตรเรื่องหอยทากที่เกาหลีว่านิยมและดีอย่างไร จึงนำมาทดลองทำครีมของตัวเองค่ะ ก็เลยชวนเรามาช่วยทำเรื่องการตลาดให้ เพราะเรามีประสบการณ์และคอนเน็คชั่นต่างๆ 

“ทีนี้เราเลยต้องทดลองใช้เองก่อนว่ามันดีจริง ทดลองกับหน้าเราว่าดีจริงๆ ให้คนที่บริษัทใช้กันดู ใช้แล้วได้ผลอย่างไรถึงจะบอกต่อให้คอนเน็คชั่นต่างๆ ของเราไม่ว่าจะเป็นดาราหรือเซเลบฯ พอรู้ว่าดีจริงเราก็พัฒนาตัวครีมกันอีกหนึ่งปีถึงนำออกมาจำหน่าย คือหุ้นส่วนคนอื่นเป็นผู้ชายหมดเลย เราเลยต้องเป็นคนติชม เพิ่มเติมในส่วนต่างๆ เพราะทดลองใช้เอง พอคิดว่าพัฒนาจนสำเร็จจนเพอร์เฟ็กต์ที่สุดถึงปล่อยออกมาค่ะ

เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์

“เราทำตามความรู้สึกว่าผู้หญิงต้องการอะไร อยากได้อะไร งานที่เราทำหรือเคยทำมาก็คลุกคลีอยู่กับผู้หญิงตลอดเวลา ทั้งเรื่องแฟชั่น หน้า ผม ได้เจอได้คุยตลอด และเราเป็น Buyer ก็อยู่กับการเดาใจคน อ่านความต้องการของคนอยู่แล้ว ที่บูมในโลกออนไลน์เพราะเริ่มโปรโมตจากทางนั้นก่อน ตอนนั้นใน Instagram หรือ Facebook จะมีคนทำการตลาดทางนี้อยู่แล้ว แต่หุ้นส่วนและทีมงานของเราจะมีหลายแวดวงและมีมุมมองที่ต่างกันออกไป มันก็ไม่ใช่แค่การโปรโมตเท่านั้นนะ แต่เป็นเพราะการบอกต่อของลูกค้าด้วย พอเขาใช้แล้วดีก็บอกต่อ เราจะพูดกันในทีมเสมอว่า คุณสมบัติต้องมาก่อน ถ้าสินค้าไม่คุณภาพดีจริง ต่อให้โปรโมตดีขนาดไหนก็ไปไม่ถึงฝั่งค่ะ  

“จากแนวคิดที่ว่าเราอยากให้สินค้ามันกว้างออกไปมากกว่าแค่ขายให้คนแค่กลุ่มเดียว เรารู้อยู่แล้วว่าครีมของเรามีประสิทธิภาพขนาดไหน เราเลยทำให้มีคอนเส็ปต์ที่ชัดเจน ภาพลักษณ์เลยอาจดูหรูหราสักหน่อย แต่เพราะเราเน้นเรื่องคุณภาพมาก่อน คือเราอยากให้แบรนด์อยู่ได้ไปจนรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่ใช่ทำมาโกยเงินในช่วงที่กระแสมาแรง

“อย่างที่เลือกใช้แพ็คเกจเป็นขวดปั๊มเป็นเจ้าแรกเลยก็เพราะประโยชน์ของมัน พอกดไปครีมก็จะออกมาในปริมาณที่พอเหมาะ และตัวครีมที่เหลือในขวดก็ไม่โดนมือเรา ไม่โดนอากาศก็จะไม่เสียง่าย จึงปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิว อย่างผลิตภัณฑ์ที่มาแรงที่สุดก็คือครีม Snail White ซึ่งเป็นสินค้าตัวแรกของเรา คิดว่าที่ขายดีเพราะใช้ง่ายค่ะ คนไทยนิยมทาครีม ถ้าพวกเอสเซนส์ เซรั่มต่างๆ นี่จะค่อนข้างลึกหน่อย ต้องเป็นคนที่บำรุงจริงๆ ถึงจะชอบใช้ ส่วนตัวบอดี้บูสเตอร์ที่คุณชมพู่ อารยา เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็กำลังมาแรง “ที่สำคัญคือเมือกหอยทาก เพราะถือเป็นส่วนประกอบจุดเด่นของเราค่ะ เพราะสรรพคุณของเขาดีมาก เน้นเรื่องการฟื้นฟูผิว คนเราพออายุยิ่งเยอะขึ้นสภาพผิวก็ค่อยๆ สูญเสียไปเรื่อยๆ เมือกหอยทากจะช่วยบำรุงฟื้นฟูให้สภาพผิวกลับมาดีดังเดิม รู้สึกได้เลยว่าหน้าจะใสขึ้น เต่งตึง ลดรูขุมขน ตอบโจทย์คนไทยและคนเอเชีย 

“ในเรื่องของธุรกิจ จะเห็นได้ชัดเลยว่าเราโตเร็วมาก แต่ตอนนี้คิดว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งนะ เพราะเมื่อสำเร็จเราก็จะเปลี่ยนเป้าหมายออกไปเรื่อยๆ คิดว่าตอนนี้จะทำยังไงให้เป็นครีมยี่ห้อที่อยู่นาน นึกถึงผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ของเมืองไทยต้องนึกถึง ไม่อยากให้เป็นแค่กระแสค่ะ

“เคล็ดลับความสำเร็จของเราก็คือจริงใจกับลูกค้าค่ะ แบรนด์เปิดตัวมาเพียง 2 ปี แต่กระแสตอบรับดีมากๆ เราไม่โฆษณาเกินจริง ใช้แล้วดียังไงบอกไปอย่างนั้น เมื่อลูกค้าทดลองใช้เองก็จะรู้ว่าเป็นอย่างไร เราแค่ต้องมองให้เห็นช่องทาง แล้วเราก็สื่อสารออกไปเท่านั้นเอง เราจะไม่แพลนทั้งปี เพราะสื่อที่ดีช่วงต้นปีอาจไม่ดีในตอนกลางปีก็ได้ ข้อดีอีกอย่างของเราก็คือการตัดสินใจได้รวดเร็วไม่ต้องผ่านคณะผู้บริหารอย่างที่อื่น คิดจะทำอะไรก็ทำได้ทันทีค่ะ สรุปก็คือ คุณภาพสินค้าต้องดี จุดเด่นสินค้าต้องมี โปรโมตให้เป็น เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ”